อนุสาวรีย์สิงโตสะอื้น (Lion Statue) หรือ สิงโตแห่งลูเซิร์น (อังกฤษ: Lion of Lucerne) หรือที่เรียกว่า เลอเวินเด็งค์มาล (เยอรมัน: Löwendenkmal) เป็นประติมากรรมแกะสลักหินผา ตั้งอยู่ใจกลางนครลูเซิร์น ประเทศสวิสเซอร์แลนด์  อนุสาวรีย์นี้ถือเป็นอนุสาวรีย์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ และอนุสาวรีย์แห่งนี้ยังได้รับการคุ้มครองเป็นให้เป็นมรดกแห่งชาติสวิตเซอร์แลนด์ (ทัวร์สวิตเซอร์แลนด์)

ทำไมถึงเรียกว่าสิงโตสะอื้น?
สิงโตหินนี้ สร้างเพื่อเป็นการขอบคุณแก่ทหารสวิส 786 นายที่เสียชีวิตจากการปกป้อง พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 และพระนางมารี อองตัวแนตต์ จากการสู้รบกับช่วงการปฎิวัติฝรั่งเศสในปี ค.ศ. 1792 โดยในช่วงนั้นราชสำนักฝรั่งเศสได้ว่าจ้างหน่วยทหารสวิสราว 1,200 นายได้ทำหน้าองค์รักษ์ของราชสำนัก ต่อมาเมื่อมีการปฏิวัติฝรั่งเศสเกิดขึ้น กลุ่มผู้ปฏิวัติที่โกรธแค้นได้บุกและยึดพระราชวังตุยเลอรีในกรุงปารีส แม้สมาชิกของราชวงศ์ได้หลบหนีออกจากวังไปแล้วก่อนที่คณะปฏิวัติจะมาถึง แต่เหล่าทหารสวิสราว 1,000 นายก็ยังคงยืนหยัดทำหน้าที่ของตนในการปกป้องพระราชวัง ทหารสวิสได้อยู่ต่อสู้กับฝูงชนเพื่อปกป้องพระราชวังที่ไร้ผู้คน ในการต่อสู้ครั้งนี้มีทหารมีเสียชีวิตประมาณ 760 นาย นอกจากนี้ ยังมีทหารสวิสอีกส่วนหนึ่งที่เสียชีวิตระหว่างคุ้มกันพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ไปลี้ภัยยังอาคารสมัชชาแห่งชาติ

ลักษณะของสิงโต
สิงโตนั้น ถูกทำร้าย นอนรอความตาย ถูกคมหอกดาบบาดเจ็บสาหัส หมอบร้องไห้โดยมีโล่และหอกสวิสวางอยู่ข้างๆ สื่อให้เห็น ถึงความเศร้าสร้อย เจ็บปวดรวดร้าวเหลือจะทน ดูแล้ว อินกันไปข้าง ผลงานการแกะสลักนี้ เป็นของ Lukas Ahorn ส่วนผู้ออกแบบคืนศิลปินชาวสวีเดนนามว่า Bertel Thorvaldsen

มีการสลักคติพจน์ภาษาละตินไว้เหนือรูปสลักสิงโตว่า

Helvetiorum Fidei ac Virtuti ซึ่งมีความหมายว่า ศรัทธาแลเกียรติคุณของสวิส

ประวัติของการสร้างอนุสาวรีย์สิงโตสะอื้น (Lion Statue) หรือ สิงโตแห่งลูเซิร์น
การสร้างอนุสาวรีย์นี้เป็นความคิดริเริ่มของทหารนายหนึ่งคาร์ล  ไฟเฟอร์ ฟอน อัลติสโฮเฟน   ซึ่งขณะนั้นประจำการที่กรุงปารีสและได้เดินทางมาพักผ่อนในฤดูร้อนที่เมืองลูเซิร์นในปี ค.ศ.1792 ชื่อ เขาต้องการสร้างอนุสาวรีย์ขึ้นเพื่อเป็นการเชิดชูเกียรติและระลึกถึงเพื่อนทหาร  เขาจึงเริ่มเรี่ยไรเงินในปี ค.ศ. 1818 ชาวสวิสทั้งในและนอกประเทศต่างพากันบริจาคเงินสมทบทุนรวมทั้งสมเด็จพระจักรพรรดิของรัสเซีย   พระราชาแห่งปรัสเซีย  สมาชิกราชวงศ์แห่งฝรั่งเศสเช่นเดียวกับ เจ้าชายคริสเตียน  เฟเดอริคแห่งเดนมาร์ก (ต่อมาเป็นพระราชาคริสเตียนที่ 8)

ในส่วนของที่ตั้งอนุสาวรีย์ไฟเฟอร์ได้เสนอให้มีการสร้างอนุสาวรีย์ไว้ที่กำแพงหินนอกเมืองลูเซิร์น  อย่างไรก็ตามได้มีการออกแบบอนุสาวรีย์หลายครั้งแต่ไม่เป็นตามความต้องการ ไฟเฟอร์จึงได้ขอความช่วยเหลือจากเพื่อนของเขา วินเซนต์  รึททิมันซึ่งตอนนั้นเป็นช่วงเวลาที่วินเซนต์พำนักอยู่ที่กรุงโรมและเขาได้ขอให้ช่างสลักชื่อดังชาวเดนมาร์กอย่าง  เบอร์เทล ธอร์วาเซ่นมาออกแบบอนุสาวรีย์ ในปีค.ศ. 1818 เขาได้นำเสนอแบบร่าง   ต่อมาในฤดูใบไม้ผลิปี ค.ศ. 1819 เขาได้จัดแสดงแบบของอนุสาวรีย์ 2 แบบที่ห้องทำงานของเขา แบบแรกมีสิงโตอย่างเดียว และแบบที่สองมีสิงโตอยู่ในถ้ำ

ไฮน์ริช  เคลเลอร์ยืนกรานว่าจะต้องมีการสร้างอนุสาวรีย์ตามแผนเดิมของไฟเฟอร์ และธอร์วาลเซ่นก็เห็นด้วยกับแผนที่ว่านั่นคือควรจะสร้างสิงโตอย่างเดียวโดยไม่มีถ้ำ   อย่างไรก็ตามธอร์วาเซ่นไม่เห็นด้วยกับความคิดของไฟเฟอร์ที่จะให้มีการสร้างรูปสลักสิงโตที่ตายขึ้นเพื่อระลึกถึงเหตุการณ์ที่เศร้าสลดที่เกิดขึ้นที่ปารีส  แต่เขาคิดว่าควรจะสร้างรูปสลักสิงโตที่กำลังจะตายดีกว่า เพื่อแสดงให้เห็นว่า “สิงโตไม่ได้ตาย แต่สิงโตจากไปอย่างสงบ” ในที่สุดได้มีการสร้างอนุสาวรีย์ขึ้นตามแบบของธอร์วาลเซ่นและในตอนแรกภายใต้การควบคุมของช่างสลักที่ชื่อ อัว พานคราซ  เอกเกนชวิลเลอร์ (ซึ่งต่อมาไม่นาน ก็ประสบอุบัติเหตุ)และสุดท้าย ชาวคอนสตานที่ชื่อ  ลูคัส  อาฮอร์นเป็นผู้สร้างเสร็จที่บ่อทรายเก่าเมืองลูเซิร์น   วันที่ 10 สิงหาคม ค.ศ. 1821 ซึ่งครบรอบ 29ปี พอดีหลังจากเหตุการณ์ลุกฮือที่พระราชวังวังทุยเลอเรียน  ได้มีพิธีเปิดอนุสาวรีย์อย่างเป็นทางการ

ขอบคุณข้อมูลจาก https://th.wikipedia.org