ทัวร์อิตาลีเหนือ – กลาง (Unseen)


Tour by HappyLongway

รายละเอียดโปรแกรมทัวร์-ทัวร์อิตาลีเหนือ – กลาง (Unseen)

รหัสทัวร์ : UNSEEN NORTH ITALY 12 DAYS (EK)
ระยะเวลา 12 วัน 10 คืน
สายการบิน : EMIRATES (EK)

กำหนดการเดินทาง

รอบที่ วันเดินทาง ราคา
1 23 เม.ย. 68 - 4 พ.ค. 68 219,900 บาท
2 14 พ.ค. 68 - 25 พ.ค. 68 219,900 บาท
3 4 มิ.ย. 68 - 15 มิ.ย. 68 219,900 บาท

สถานที่สำคัญ

  • 1
    ชมเส้นทาง Val D’Orcia เส้นทางท้องทุ่งสุดสวยของแคว้นทัสคานี ที่มีชื่อเสียงทั่วโลก (Unesco)
  • 2
    ชมหมู่บ้าน Civita di Bagnregio อายุเก่าแก่กว่า 2,000ปี ! (Unseen)
  • 3
    ชมหมู่บ้าน Cinque Terre หมู่บ้านหน้าผาริมทะเล ที่สวยที่สุดในโลก (Unesco)
  • 4
    หมู่บ้าน San Gimignano หมู่บ้านที่ได้รับการยอมรับว่าสวยที่สุดในทัสคานี (Unesco) (Unseen)
  • 5
    ชมหมู่บ้าน Pienza หมู่บ้านบนเนินเขาในท้องทุ่งสุดสวยของทัสคานี (Unesco) (Unseen)
  • 6
    ชมหมู่บ้าน Bellagio / Varenna หมู่บ้านสวยในทะเลสาบโคโม่ หนึ่งในทะเลสาบที่สวยที่สุดในอิตาลี
  • 7
    ชมหมู่บ้าน Montepulciano หมู่บ้านบนเนินเขาสุดสวยในท้องทุ่งทัสคานี (Unseen)
  • 8
    ชมเกาะ Burano เกาะสีสันลูกกวาดสุดสวย (Unseen)
  • 9
    ชมรูปแกะสลัก David รูปต้นแบบ (Original) ฝีมือ มิเคลันเจโล
  • 10
    ชมเมือง Siena เมืองโบราณแห่งแคว้นทัสคานี สไตล์อิตาลี ได้รับ (Unesco)
  • 11
    ชมเกาะ Venice เกาะที่โรแมนติคที่สุดของโลก
  • 12
    ชมเมือง Florence เมืองที่ว่ากันว่าสวยที่สุดในอิตาลี
  • 13
    ชมเมือง Bologna หนึ่งในเมืองสวยของอิตาลี
  • 14
    นำท่านชิมและชมการบ่มไวน์ (Wine Tasting) ไวน์ที่มีชื่อเสียงแห่งแคว้นทัสคานี
  • 15
    ช้อปปิ้ง The Mall Outlet Luxury เอาท์เลต Luxury ที่ดีที่สุดของอิตาลี

HappyLongWay
ขอนำเสนอโปรแกรมทัวร์ยุโรป
ทัวร์อิตาลี (เหนือ-กลาง) 12 วัน
Tuscany – Cinque Terre – Florence – Venice – Como Lake
โดยสายการบินไทย (TG)

DAY1

สนามบินสุวรรณภูมิ - กรุงเทพฯ - ดูไบ - โรม

  • 06.00 น. คณะพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 เคาน์เตอร์ T ประตู 9-10 สายการบินเอมิเรสต์ แอร์ไลน์ส (EK) เจ้าหน้าที่บริษัทฯ คอยให้การต้อนรับพร้อมอำนวยความสะดวก ด้านสัมภาระ และบัตรที่นั่งขึ้นเครื่อง
  • 09.30 น. ออกเดินทางสู่ นครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบิน EK 375

***หมายเหตุไฟล์ทบินอาจมีการเปลี่ยนแปลง***

  • 13.00 น. เดินทางถึงสนามบินดูไบ (แวะเปลี่ยนเครื่อง)
  • 15.45 น. ออกเดินทางสู่กรุงโรม โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบิน EK 095
  • 20.05 น. เดินทางถึงทางอากาศนานาชาติฟูมิชิโน่ กรุงโรม ประเทศอิตาลี

HILTON ROME AIRPORT HOTEL หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว

DAY2

กรุงโรม (อิตาลี) - ซิวิตา ดิ แบนอริจิโอ - มอนเตปุลเชียโน - เซียน่า

รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก

  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่หมู่บ้าน ซิวิตา ดิ แบนอริจิโอ (Civita di Bagnoregio) (Unseen) (ระยะทาง 150 กม. ใช้เวลาประมาณ 2 ชม.) หมู่บ้านเล็กๆ บนเนินเขาในแคว้นลาซิโอใกล้ๆกรุงโรม มีการตั้งถิ่นฐานมาตั้งแต่ 2,500 ปี ภายในมีบ้านเรือนที่ทำจากหินอายุหลายร้อยปี มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ได้รับการยอมรับว่าคือ เพชรเม็ดงามแห่งแคว้นลาซิโอ มีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 100 คนเท่านั้น ยิ่งในฤดูหนาวจะมีประชากรอาศัยอยู่ไม่ถึง 20 คน                                                                        Civita di Bagnoregio 8 by CitizenFresh on DeviantArt
  • จากนั้นให้ท่านเดินขึ้นชมเมืองด้านบน

*** หมายเหตุ ทางเดินขึ้นหมู่บ้านเป็นสะพานยาว และลาดชัน ระยะทางประมาณ 700 เมตร ไม่แนะนำให้ท่านที่มีปัญหาเกี่ยวกับขา หัวเข่า เดินขึ้น หรือผู้สูงอายุ หรือวิลแชร์ **

  • อิสระท่านตามอัธยาศัย  จากนั้นได้เวลานัดหมายนำท่านกลับลงสู่ด้านล่าง

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง มอนเตปุลเชียโน (Montepulciano) (ระยะทาง 85 กม. ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. 25 นาที) เป็นเมืองที่มีความสวยงามอีกแห่งของทัสคานี ตั้งอยู่บนเนินเขาในจังหวัดเซียน่าของอิตาลีทางตอนใต้ ที่นี่เป็นเมืองยุคกลางที่เต็มไปด้วยพระราชวังยุคเรอเนสซองส์ที่สง่างาม โบสถ์โบราณจัตุรัสที่มีเสน่ห์ และมุมสวยๆที่ซ่อนอยู่ โดยมีทัศนียภาพกว้างไกลของหุบเขาVal d’Orcia และหุบเขา Val di Chiana ล้อมรอบ เมือง Montepulciano ได้รับความสนใจอย่างมาก เพราะเป็นหนึ่งในสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์อันโด่งดัง เรื่อง Twilight: New Moon ทำให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาตามรอยกันอย่างคึกคัก นอกจากทัศนียภาพอันน่าทึ่งของเมืองชนบทโดยรอบที่ปกคลุมไปด้วยไร่องุ่นแล้ว เมืองแห่งนี้ก็มีชื่อเสียงด้านอาหารการกิน ขึ้นชื่อในเรื่องเนื้อหมู ชีส พาสต้า น้ำผึ้ง และสิ่งที่เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก คือ ไวน์ Montepulciano ซึ่งถือเป็นหนึ่งในไวน์ชั้นเลิศของอิตาลี                              Montepulciano, Italy - The Quintessential Tuscan Hill Town
  • นำท่านเดินเล่นเมืองมอนเตปุลเชียโน
  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง เซียน่า (SIENA) หรือเมืองซีเอน่า (ระยะทาง 65 กม. ใช้เวลาประมาณ 1 ชม.) เมืองใหญ่อันดับ 2 ในแคว้นทัสคานี ถือเป็นเมืองในยุคกลางที่ถือว่าเป็นเมืองคู่แข่งของเมืองฟลอเรนซ์ เมืองเซียน่ายังได้รับการยอมการประกาศเป็นเมืองมรดกโลก (Unesco) อีกด้วย เนื่องจากความเก่าแก่และความสวยงามและการอนุรักษ์ไว้อย่างดีของชาวเมืองเซียน่า

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
FOUR POINTS BY SHERATON SIENA หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว (พัก 2 คืน)

หมายเหตุ : เซียน่า มีโรงแรมจำกัดและห้องพักมีขนาดเล็ก หากโรงแรมเต็มทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ย้ายไปพักเมืองข้างเคียง

DAY3

เซียน่า - Val D’Orcia - Wine Tasting - ปิเอนซ่า - เซียน่า

รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก 

  • นำท่านออกเดินทางสู่เส้นทาง วาดอร์เซีย (Val D’Orcia) เส้นทางที่ว่ากันว่าสวยที่สุดในแคว้นทัสคานีระหว่างทางท่านจะได้เห็นวิวท้องทุ่ง ที่มีบ้านชาวนา และต้นไซเปรซ ที่ยืนเด่นตามแนวท้องทุ่งได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลก (Unesco) ให้เป็น World Cultural Landscape ซึ่งหลายๆทิวทัศน์แห่งนี้ถูกเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนต์ของ Hollywood                                                                                    Spring in Val d'Orcia [EXPLORE] | Colors in Val d'Orcia in t… | Flickr
  • ให้ท่านได้เพลิดเพลินวิวตลอดสองข้างทาง
  • จากนั้นนำท่านเข้าชมโรงงานบ่มไวน์ ให้ท่านได้ชมกรรมวิธีการบ่มไวน์ และชิมไวน์ (Wine Tasting) ที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก อย่างไวน์ Brunello di Montalcino หรือ Chianti Classico จากนั้นให้ท่านได้เลือกซื้อไวน์ตามอัธยาศัย

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

  • จากนั้นนำท่านสู่เมือง ปีเอนซ่า (Pienza) หรือเพียนซ่า (ระยะทาง 23 กม. ใช้เวลาประมาณ 30 นาที) เมืองปีเอนซ่า เป็นเมืองเล็กๆที่สวยงามยุคเรอเนสซองซ์ เป็นหมู่ที่นักท่องเที่ยวต่างหลงไหล เดิมมีชื่อเรียกว่า Corsignano และเป็นบ้านเกิดของ Pope Pius II ซึ่งได้รับคัดเลือกให้เป็นพระสันตะปาปาในปี ค.ศ.1458 หลังจากได้รับตำแหน่งเมืองนี้ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ทั้งหมดและเปลี่ยนมาเป็นชื่อปีเอนซ่า หรือเพียนซ่า เพื่อเป็นเกียรติศักดิ์แก่ตนเอง                                                                            Pienza - Wikipedia
  • นำท่านเดินเล่นถ่ายรูปกับพระราชวังองค์สันตะปาปา บ้านเรือนที่ยังคงถูกอนุรักษ์ไว้อย่างดี ซึ่งยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก (Unesco)                                                                                  
  • จากนั้นให้ท่านได้ชมวิวจากตัวเมืองมองลงไปเห็นท้องทุ่งแห่งแคว้นทัสคานี และ เลือกซื้อสินค้าตามอัธยาศัย จนกระทั่งได้เวลาพอสมควร
  • นำท่านเดินทางกลับสู่โรงแรมที่พัก

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
FOUR POINTS BY SHERATON SIENA หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว

หมายเหตุ : เมืองเซียน่า มีโรงแรมจำกัดและห้องพักมีขนาดเล็ก หากโรงแรมเต็มทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ย้ายไปพักเมืองข้างเคียง

DAY4

เซียน่า - ซาน จิมิยาโน - วาเลียโจ

รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก 

  • นำท่านเข้าสู่จตุรัส เดล คัมโป (Piazza del Campo) เป็นจตุรัสใจกลางเมืองที่บ่งบอกประวัติศาสตร์ของเมืองเซียน่าได้เป็นอย่างดี และได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในจตุรัสที่สมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป  ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญๆ จำนวนมาก
  • นำท่านเข้า ชมมหาวิหารเมืองเซียน่า (Duomo di Siena) มหาวิหารประจำเมืองเซียน่า ที่ถูกสร้างขึ้นในปี 1200 ด้วยสไตล์กอธิคและเรเนซองส์ ที่ประดับประดาตกแต่งอย่างวิจิตรอลังการและสวยงามมาก โดยเฉพาะด้านในของตัววิหารที่บอกเล่าเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับเมืองเซียน่าไว้ได้อย่างสวยงามและเป็นโบสถ์ 1 ใน 5 โบสถ์ที่สวยที่สุดในประเทศอิตาลี อีกด้วย                                                Mosaic Floor of Siena Cathedral: history and facts - Italia.it
  • จากนั้นชมเมืองเก่าเซียน่า (SIENA OLD TOWN) ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก้ในปี 1995 (UNESCO) ชมความเป็นเมืองเก่าสมัยฟื้นฟูศิลปะวิทยาการหรือยุคเรอเนสซองส์ เต็มไปด้วยอาคารต่างๆ โบสถ์ และพิพิธภัณฑ์ และสัมผัสบรรยากาศของประวัติศาสตร์และร้านค้ามากมาย เซียน่าเป็นเมืองคู่แข่งของฟลอเรนซ์ในเรื่องของศิลปะและสถาปัตยกรรม

(หมายเหตุ : การเปิด-ปิดให้เข้าชมโบสถ์ หากกรณีมีการประกอบพิธีสำคัญไม่อนุญาติให้เข้าชมด้านในโบสถ์ ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ให้ถ่ายรูปด้านนอกเท่านั้น)

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน

  • นำท่านเดินทางต่อสู่เมือง ซาน จิมิยาโน (SAN GIMIGNANO) (ระยะทาง 45 กม. ใช้เวลา 1 ชม.) เมืองเล็กๆ ที่มีทิวทัศน์งดงามที่สุดในแคว้นทัสคานี ตั้งอยู่บนเนินเขาที่ล้อมรอบด้วยกำแพงเมืองโบราณ เป็นเมืองแห่งสุดยอดสถาปัตยกรรมของยุคกลาง โดยเฉพาะหอคอยสูงตระหง่าน 14 หอ ที่สามารถมองเห็นได้แม้อยู่ห่างจากตัวเมืองหลายกิโลเมตร เป็นเมืองเดียวในอิตาลี่ที่สามารถอนุรักษ์สิ่งก่อสร้างและสถาปัตยกรรมยุคกลางไว้ได้อย่างครบถ้วนจนได้รับการประกาศเป็นเมืองมรดกโลกโดยองค์กร (UNESCO)San Gimignano, Tuscany: The highlights of this region can all be found in one gorgeous village
  • นำท่านถ่ายรูปกับโบสถ์ประจำเมือง (SAN GIMIGNANO DUOMO) โบสถ์หลักประจำเมืองตั้งอยู่ในจัตุรัสดูโอโม (PIAZZA DEL DUOMO) ภายในมีการตกแต่งแบบโรมาเนสก์ และมีภาพเฟรสโกตกแต่งกำแพงภายในโบสถ์ที่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับศาสนา ชมภายนอกพระราชวังโปโปโล (POPOLO PALACE) อดีตเป็นที่ตั้งของศาสนา คริสต์นิกายโรมันคาทอลิก ทรงกระบอก 8 ชั้น สร้างด้วยหินอ่อนสีขาว สูง 55.86 เมตร น้ำหนักรวม 14,500 ตัน มีบันได 293 ขั้น เอียง 3.97 องศา ยอดของหอห่างจากแนวตั้งฉากประมาณ 3.9 เมตร ชม La Rocca ป้อมโบราณสมัยศตวรรษที่ 14                                        People at Piazza del Duomo in San Gimignano, Italy · Free Stock Photo
  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองวาเลียโจ (Viareggio) (ระยะทางประมาณ 103 กม ใช้เวลา 1.20 ชม.)

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
PALACE HOTEL VIAREGGIO หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว (พัก 2 คืน)

หมายเหตุ : โรงแรม มีจำกัดหากเต็มทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการไปนอนเมืองข้างเคียง

DAY5

วาเลียโจ - ลา สเปเซีย - หมู่บ้านชิงเกว่ แตร์เร - วาเลียโจ

รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก 

  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง ลา สเปเซีย (La Spezia) เมืองท่าที่เป็นประตูสู่ 5 หมู่บ้านริมทะเลที่สวยที่สุดในโลก) (ระยะทางประมาณ 60 กิโลเมตร ใช้เวลา 1 ชม.)
  • จากนั้นนำท่านนั่งรถไฟสู่หมู่บ้าน ชิงเกว่ แตร์เร (CINQUE TERRE) หมู่บ้านเล็กๆที่ตั้งอยู่บน ชายฝั่งริเวียร่าของอิตาลี CINQUE TERRE มีความหมายว่า ห้าดินแดน (FIVE LANDS) ประกอบด้วยหมู่บ้าน 5 แห่งได้แก่ VERNAZZA,MANAROL, RIOMAGGIORE,CORNIGLIA. MONTEROSSO AL MARE โดยทั้งห้าหมู่บ้านนี้มีหุบเขาล้อมรอบประกอบกันเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติฯ และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก้ด้วย (UNESCO) เรานำท่านชมหมู่บ้านเพียงบางส่วนเท่านั้น เช่น
  • หมู่บ้าน MANAROLA                                                               Manarola, Italy: The Complete Guide

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

  • หมู่บ้าน RIOMAGGIORE                                                                                                              The BEST Riomaggiore Safaris & wildlife activities 2022 - FREE Cancellation | GetYourGuide
  • จากนั้นได้เวลานำท่านเดินทางกลับสู่โรงแรมที่พัก

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
PALACE HOTEL VIAREGGIO หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว

DAY6

วาเลียโจ - THE MALL OUTLET LUXURY - ฟลอเรนซ์ - รูปปั้นเดวิด - จัตุรัส Michelangelo

รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก

  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ THE MALL OUTLET LUXURY เอาท์เลตจำหน่ายสินค้าแบรนด์เนมราคาถูก ถือเป็น outlet ดีอันดับต้นๆ ของยุโรป มีแบรนด์เนมหลากหลายยี่ห้อให้ท่านได้เลือก  อาทิ เช่น GUCCI , PRADA ,BOTTEGA VENETA , BURBERRY, VALENTINO, VERSACE , TOD’S  เป็นต้น (ระยะทาง 136 กม. ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. 30 นาที)

ทางบริษัทคืนท่าน 30 Eur ให้ท่านเลือกรับประทานอาหารตามอัธยาศัย

  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง ฟลอเรนซ์ (FLORENCE) (ระยะทาง 35 กิโลเมตร ใช้เวลา 40 นาที) เมืองที่ได้ขึ้นชื่อว่าหากมาอิตาลีแล้วไม่ได้มาเยือนฟลอเรนซ์ก็เหมือนว่ายังมาไม่ถึงอิตาลีอย่างแท้จริง เมืองสวยอันดับ 1 ของอิตาลี เมืองเก่าที่มีความเจริญสูงสุดในศตวรรษที่ 13-16 เมืองที่ถือเป็นต้นกำเนิดของชาวอิตาลี เป็นเมืองที่ยังคงความสวยงามและมีการอนุรักษ์ไว้ได้อย่างดี เมืองทั้งเมืองเต็มไปด้วยศิลปะ โดยเฉพาะศิลปะยุคเรเนสซองส์เป็นยุคที่ศิลปะเฟื่องฟูที่สุด โดยที่นี้ยังเป็นเมืองเกิดของเหล่าศิลปินอัจฉริยะของโลกมากมายไม่ว่าจะเป็น ลีโอนาโด ดาวินชี่,ไมเคิลแองเจิลโล,กาลิเลโอ ,ดังเต้,และศิลปินชื่อดังอีกมากมาย จึงถือว่าเป็นเมืองที่มีความสำคัญ และเป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกอยากมาเยือนสักครั้งหนึ่งในชีวิต เป็นเมืองที่ว่ากันว่ามีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามที่สุดในประเทศอิตาลี       Florence with the Cathedral of Santa Maria del Fiore in the Center · Free Stock Photo
  • จากนั้นนำท่านสู่ Accademia Gallery ที่ตั้งปัจจุบันของ ประติมากรรมเดวิด (David) เป็นหินอ่อนแกะสลักรูป พระเจ้าเดวิด (King David) ตามตำนานในคำภีร์ไบเบิล ลักษณะเป็นชายหนุ่มยืนเปลือยกาย แสดงให้เห็นถึงความแข็งแรงและความงดงามของร่างกายมนุษย์ โดยศิลปินชื่อ มิเคลันเจโล โดยเริ่มแกะสลักเดวิดในปี 1501 สูง 14 ฟุต 3 นิ้ว โดยใช้หินอ่อนสีขาวมาจากเมืองคาร์รารา (Carrara) แคว้นทัสคานีของอิตาลี ประติมากรรมเดวิดเป็นรูปปั้นนับเป็นผลงานชิ้นเอกที่แสดงถึงความรุ่งเรืองทางศิลปะในยุค “ฟื้นฟูศิลปะวิทยาการ” (Renaissance) ถือเป็นอีกหนึ่งผลงานของมิเคลันเจโล ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาก จนทำให้ผู้คนจากทั่วโลกอยากมาชมผลงานประติมากรรมเดวิดให้ได้สักครั้งในชีวิต                                 Michelangelo, David, 1502-1504; Accademia, Florence (2) | Flickr
  • นำท่าน ชมจตุรัสซินยอเรตตา จตุรัสกลางเมืองซึ่งปัจจุบันเป็นศาลาว่าการเมือง ณ จตุรัสแห่งนี้ท่านจะได้พบกับศิลปะมากมาย อาทิเช่น รูปปั้นเดวิดจำลอง ที่เหมือนของจริงทุกประการชมสถาปัตยกรรมอันโดดเด่นของเมืองและไม่มีที่ไหนเหมือน
  • จากนั้นนำท่านถ่ายรูปกับ มหาวิหารซานตามาเรีย เดลฟิออเร มหาวิหารที่มียอดโดมขนาดใหญ่เป็นอีกหนึ่งสัญญาลักษณ์ของเมือง หอศีลจุ่มที่มีความสวยความงาม
  • จากนั้นนำท่าน ชมสะพานเวคคิโอ หรือสะพานทองคำ สะพานข้ามแม่น้ำอาร์โน แห่งแรกของเมือง
  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เนินเขา Piazzale Michelangelo เพื่อชมวิว 360 องศาของเมือง Florence ที่นักท่องเที่ยวรวมไปถึงชาว Florence เอง มักขึ้นมาชมบรรยากาศในมุมสูงของเมือง ซึ่งจะเห็นหลังคาสีแดงของอาคารบ้านเรือนต่างๆ รวมไปถึง Duomo เรียงรายกันเป็นแนวสวยงามยิ่งนัก อิสระให้ท่านเก็บภาพประทับใจตามอัธยาศัย

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
NILHOTEL FLORENCE หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว 

หมายเหตุ : โรงแรมในเมือง Florence มีจำกัดและห้องพักมีขนาดเล็กหากเต็มทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการไปนอนเมืองข้างเคียง

DAY7

ฟลอเรนซ์ - ซานมาริโน

รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก

  • นำท่านเดินทางสู่ เมืองซานมาริโน (San Marino) (ระยะทาง 200 กิโลเมตร ใช้เวลา 3 ชม. 30 นาที) เป็นรัฐอิสระของประเทศอิตาลีที่มีอายุยาวนานมาถึง 1,700 ปี มีเนื้อที่เพียง 61.5 ตารางกิโลเมตร ถือว่าที่นี่เป็นประเทศที่มีขนาดเล็กอันดับสามของยุโรป ซานมารีโนได้ชื่อว่าเป็นประเทศสาธารณรัฐที่มีอำนาจอธิปไตยเก่าแก่ที่สุดในโลก ดินแดนแห่งนี้ไม่เคยถูกปกครองในรูปแบบราชอาณาจักรที่มีกษัตริย์เป็นประมุข มีประวัติศาสตร์สืบย้อนไปถึงปี 301 เมื่อซานมารีโนประกาศวันก่อตั้งสาธารณรัฐ ในวันที่ 3 กันยายน ค.ศ. 301 ศูนย์กลางเมืองเก่าของซานมารีโนและภูเขาติตาโน ซึ่งอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 750 เมตร ได้รับการจารึกไว้ในรายชื่อมรดกโลกขององค์การยูเนสโก (UNESCO) ตั้งแต่เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ค.ศ. 2008                                                                                Best Things to Do in San Marino, Europe's Most Underrated Destination – Earth Trekkers

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

  • นำท่านชม หอคอยกัวอิตา (Guaita) เป็นป้อมปราการที่เก่าแก่ที่สุดและเป็นที่รู้จักมากที่สุด สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 11 รวมทั้งยังทำหน้าที่เป็นเรือนจำในช่วงเวลาสั้น ๆ หอคอยแห่งนี้ได้รับการบูรณะหลายต่อหลายครั้ง จนกลายเป็นรูปลักษณ์ดังที่เห็นในปัจจุบัน                                                                  Royalty-Free photo: Guaita fortress | PickPik
  • จากนั้นชม มหาวิหารซานมารีโน (Basilica of Saint Marinus) โบสถ์ที่ปลูกสร้างตามแบบนีโอคลาสสิกที่ได้รับการนับถือมากที่สุดของซานมารีโน เพราะเป็นสถานที่จัดเก็บอัฐิของนักบุญมารินุส บิดาผู้ก่อตั้งประเทศ ใกล้ ๆ กันคือโบสถ์เซนต์ปีเตอร์ (Chiesa di San Pietro) ที่สวยงามและมีความสำคัญในฐานะสถานที่ฝังศพของนักบุญมารินุส อิสระท่านชมเมืองตามอัธยาศัย                                      Basilica di San Marino, San Marino, San Marino | "The Basili… | Flickr

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
GRAND HOTEL SAN MARINO หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว

หมายเหตุ : โรงแรม มีจำกัดหากเต็มทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการไปนอนเมืองข้างเคียง

DAY8

ซานมาริโน - โบโลญญ่า - เวนิส เมสเตร้

รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก

  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง โบโลญญ่า (Bologna) เมืองประวัติศาสตร์ที่มีชื่อเสียงทางด้านท่องเที่ยวและเป็นเมืองหลวงของแคว้นเอมีเลีย-โรมัญญ่า (Emilia-Romagna) 1 ใน 20 แคว้นของประเทศอิตาลี โดยตัวเมืองนั้นตั้งอยู่ในหุบเขาโป ทางตอนเหนือของประเทศอิตาลี โดยตั้งอยู่ระหว่างแม่น้ำโปกับเทือกเขาแอเพนไนน์ นอกจากนี้แล้ว เมืองโบโลญญ่ายังเป็นหนึ่งในเมืองยุคกลางที่ได้รับการเก็บรักษาไว้ดีที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป อีกทั้งยังเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักท่องเที่ยวทั้งในและชาวต่างชาติ ด้วยชื่อเสียงในเรื่องความสวยงาม และยังเป็นที่ตั้งมหาวิทยาลัยที่เก่าที่สุดในโลก คือ University of Bologna ก่อตั้งตั้งแต่ปีคริสตศักราชที่ 1088 อีกด้วย (ระยะทางประมาณ 135 กิโลเมตร ใช้เวลา 2 ชม.)
  • จากนั้นนำท่านชมเมืองโบโลญญ่า เริ่มตั้งแต่หอคอยคู่ (Due Torri) หอคอยแห่งนี้ ขึ้นชื่อว่าเป็นหอคอยที่สูงมากของเมืองโบโลญญ่า มีความสูง 97.2 เมตร มีหอคู่กันสูง 48 เมตร ซึ่งสามารถขึ้นไปบนยอดหอคอย เพื่อชมทัศนียภาพที่สวยงามของเมืองแบบพาโนรามาได้ และยังจัดว่าเป็นสัญลักษณ์ของเมืองโบโลญญ่า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของป้อมปราการรักษาเมืองในอดีตด้วย
  • จากนั้นนำท่าสู่ ลานจัตุรัสกลางเมือง (Piazza Maggiore) ลานแห่งนี้ เป็นอีกหนึ่งจัตุรัสที่สำคัญ ซึ่งมีอาคารเก่าแก่ล้อมรอบอยู่ ตั้งอยู่ในกลางเมืองเก่า มีทั้งที่ทำการเมืองเก่า โบสถ์ต่างๆ ที่สวยงาม ลานน้ำพุเทพเนปจูน และอาคารอื่นๆ ซึ่งมีลวดลายทางสถาปัตยกรรมอันประณีต จนต้องเดินทางมาเที่ยวที่ลานเมืองเก่านี้เป็นอันดับต้นๆ                                                                                                          Piazza Maggiore and the best squares to visit – Bologna Guide

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน

  • นำท่านเข้าชม วิหารนักบุญอุปถัมภ์ (Basilica San Petronio) ที่นี่เป็นมหาวิหารและคริสตจักรของอัครสังฆมณฑลโบโลญญ่า ทางตอนเหนือของอิตาลี ถูกสร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับนักบุญอุปถัมภ์ของเมือง เริ่มก่อสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1390 การออกแบบตกแต่งทางสถาปัตยกรรมต่างๆ ยังถูกรักษาไว้ได้สวยงามเป็นอย่างดี                                                                                                                                      The Fascinating Story of San Petronio Church: Will it Ever be Completed? – Taste Bologna
  • อิสระให้ทุกท่านเดินเล่นช้อปปิ้งตามอัธยาศัย
  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เวนิส เมสเตร้ (Venice Mestre) เมืองประตูสู่เกาะเวนิส (ระยะทาง 160 กม. ใช้เวลาเดินทาง 2 ชม.)

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
FOUR POINTS BY SHERATON VENICE MESTRE HOTEL หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว

DAY9

เวนิส เมสเตร้ - เกาะบูราโน่ - เกาะเวนิส

รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก

  • จากนั้นนำท่านเดินทางต่อสู่ท่าเรือทรอนเชนโต้
  • นำท่านล่องเรือสู่ เกาะบูราโน่ (Burano) เกาะแห่งสีสัน คัลเลอร์ฟูล จัดจ้านสุดในอิตาลีเกาะบูราโน่ เป็นอีกสถานที่ยอดนิยม เมื่อนักท่องเที่ยวมาเที่ยวเวนิส ด้วยความโดดเด่นของสีสัน ที่เราจะได้เจอกับบ้านสีสดใส แทบจะทุกเฉดใน pantone ไม่ว่าจะชมพูช็อคกิ้งพิ้ง หรือเขียวนีออน ตัดกันดีกับสีท้องฟ้า และท้องทะเล ตำนานบอกไว้ว่า บูราโน่ เป็นบ้านของชาวประมง และเหตุผลของการทาสีให้สะดุดตาเพื่อให้พวกเขามองเห็นทางกลับบ้านเมื่อมีหมอกปกคลุมทะเลสาบ เนื่องจากบริเวณนั้นมีเกาะในท้องทะเลมากมาย บูราโน่ประกอบด้วยกลุ่มเกาะเล็ก ๆ 4 เกาะ ที่เชื่อมโยงกันด้วยสีสันสะดุดตา และได้รับการอนุรักษ์มาหลายทศวรรษ สาเหตุที่เราเห็นสีของบ้านมีความสดใสตลอดเวลา นั่นเป็นเพราะว่ามีการทาสีใหม่ทุกๆ 2 ปี และที่ทำให้สีสะดุดตามากขึ้น เป็นเพราะทุกๆบ้าน ต้องทำสีที่แตกต่างจากเพื่อนบ้านทั้งสองด้าน Burano Italy Colorful Canal by Michael Matti | The colorful … | Flickr
  • อิสระท่านเดินเล่นชมเมืองตามอัธยาศัย
  • จนกระทั่งได้เวลาพอสมควร นำท่านนั่งเรือสู่เกาะเวนิส เมืองที่ได้รับการยอมรับว่าติดอันดับความโรมแมนติคของโลก

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

  • นำท่านเดินเล่นชมเมืองเวนิส นำท่านชมบริเวณจัตุรัสซานมาร์โก (Pianzza San Marco) เป็นที่ตั้งหอระฆังซานมาร์โก (Campanile di San Marco) เป็นหอระฆังสูงถึง 98 เมตร ที่ตั้งอยู่ด้านหน้ามหาวิหารซานมาร์โกค่ะ ที่นี่เป็นอีกแลนด์มาร์คที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายภาพ และยังเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้นบันไดไปชมวิวสวยๆ ของเมืองเวนิส จากชั้นบนสุดของหอระฆังได้ทุกวันอีกด้วยFile:Piazza San Marco (27997718740).jpg - Wikimedia Commons
  • ถ่ายรูปด้านหน้ากับ มหาวิหารซานมาร์โก้ (San Marco) โบสถ์สำคัญแห่งเมืองเวนิสที่เริ่มสร้างขึ้นครั้งแรกตั้งแต่ ค.ศ.823 ผสมผสานศิลปะของหลายยุคขึ้นไว้ด้วยกัน ตั้งแต่ไบเซนไทน์ โรมาเนสก์ โกธิค จนถึงเรอเนสซองซ์ หลังคาของมหาวิหารซานมาร์โกสร้างแบบโดมสุเหร่าของศาสนาอิสลาม โดมกลางมีขนาดใหญ่ที่สุด ประดับโมเสกสีทองอร่ามตั้งแต่หลังคาจรดพื้น จึงได้รับสมญานามว่า “Church of Gold” มาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 11 เลยทีเดียว
  • โบสถ์ซานตามาเรีย เดลลา ซาลูเต (Santa Maria Della Salute) ภาพเวนิสที่เราเห็นกันตามรูปถ่ายต่างๆ มักจะมีโบสถ์แห่งนี้อยู่ด้วยเสมอ เป็นโบสถ์สไตล์บาโรกที่ตั้งอยู่บริเวณปากแกรนด์คาแนล ทางด้านทิศใต้ ก่อนที่จะออกสู่ทะเลสาบค่ะ ภายในโบสถ์จะมีภาพเขียน และประติมากรรมล้ำค่าหลายชิ้น รวมทั้งรูปสลัก Queen of Heaven expelling the Plague ผลงานชิ้นเอกของศิลปิน Josse de Corte อยู่ด้วย
  • พระราชวังดอจ (Palazzo Ducale) เป็นพระราชวังสไตล์โกธิคของดยุคผู้ครองเมืองเวนิส ซึ่งสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 9 ภายในพระราชวังประดับด้วยทองคำ และมีภาพจิตรกรรมมากมาย นอกจากความสวยงามโอ่อ่านี้ ชั้นใต้ดินของวัง ยังมีคุกขังนักโทษ ซึ่งถูกเชื่อมด้วยทางเดินแคบๆ ไปยังสะพานข้ามคลองสู่แดนคุมขัง สะพานแห่งนี้จึงมีชื่อเรียกว่า สะพานถอนหายใจ (Ponte dei Sospiri หรือ Bridge of Sighs) ตามอาการของนักโทษที่เดินข้ามสะพานและกำลังจะหมดอิสรภาพนั่นเองDoge's Palace in Venice - World History Encyclopedia

แถมพิเศษ!!!! ล่องเรือกอนโดล่า ชมวิวเมืองของเวนิส ซึ่งว่ากันว่าหากมาเวนิส แล้วไม่ได้ล่องเรือกอนโดล่าก็เหมือนว่ามาไม่ถึงเวนิสอย่างแท้จริง

หมายแหตุ : รายการนี้อาจมีความจำเป็นที่จะต้องงดการล่องเรืออันเนื่องมาจากสภาพลม ฟ้า อากาศ ไม่เอื้ออำนวยหรือเป็นช่วงเทศกาลสำคัญต่างๆบนเกาะเวนิส

  • นำท่านเดินชมเกาะเวนิสกันอย่างเต็มอิ่ม นำท่านชม สะพานรีอัลโต (Ponte di Rialto) เป็นหนึ่งในสะพานข้ามแกรนด์คาแนล ที่นักท่องเที่ยวนิยมแวะมาถ่ายรูปมากที่สุด ซึ่งอีก 2 สะพานที่มีชื่อเสียง คือ Accademia Bridge และ Scalzi Bridge ค่ะ เพราะสะพานแห่งนี้มีความเก่าแก่ที่สุด สร้างขึ้นครั้งแรกด้วยไม้ในปี ค.ศ.1181 เลยทีเดียว ต่อมาได้มีการรื้อ และสร้างใหม่ด้วยหินอย่างที่เห็นในปัจจุบัน นอกจากสะพานรีอัลโตจะเชื่อมระหว่างเกาะ San macro กับเกาะ San polo ของเวนิสด้วย โดยบริเวณตีนสะพานทั้งสองฝั่งยังเต็มไปด้วยร้านอาหาร คาเฟ่ และร้านค้าขายของต่างๆ อีกมากมาย จึงเป็นจุดไฮไลท์ของเมืองที่นักท่องเที่ยวชอบไปกันมาก                                                                                        Venice, Ponte di Rialto | Venice, Ponte di Rialto | Flickr
  • แกรนด์ คาแนล (Grand Canal) หรือเรียกเป็นภาษาอิตาเลียนว่า “คานาเล่ แกรนเด้” เป็นคลองที่มีชื่อเสียงในด้านการท่องเที่ยว และเป็นจุดหมายปลายทางหลักของนักท่องเที่ยวที่อยากล่องเรือกอนโดล่านั่นเอง นักท่องเที่ยวนิยมไปนั่งเรือกอนโดล่าลัดเลาะไปตามคลองต่างๆ ในเวนิส ซึ่งจะผ่านสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญต่างๆ ของเมือง และได้สัมผัสกับความสวยงาม และวิถีชีวิตของชาวเมืองอีกด้วย
  • อิสระให้ท่านเดินช้อปปิ้งตามอัธยาศัย จากนั้นได้เวลานัดหมายนำท่านนั่งเรือกลับสู่แผ่นดินใหญ่ เมืองเวนิส เมสเตร้

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
FOUR POINTS BY SHERATON VENICE MESTRE HOTEL หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว

DAY10

เวนิส เมสเตร้ - เซอร์มิโอเน - โคโม่

รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก

  • นำท่านออกเดินทางสู่ เมืองเซอร์มิโอเน (Sirmione) (ระยะทางประมาณ 150 กิโลเมตร ใช้เวลา 2.15 ชม.) ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศอิตาลี เมืองนี้ถูกล้อมรอบด้วยมหาสมุทรเป็นดั่งเมืองลอยน้ำที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ เพราะยังมีซากปรักหักพังของโบราณสถานหลายร้อยปีก่อนตั้งอยู่ที่นี่ โดยมีฉายาว่าเป็น “ไข่มุกแห่งคาบสมุทรเซอร์มิโอ” และยังเป็นดั่งดั่งเมืองเวนิสสอง เพราะบ้านเมืองในเซอร์มิโอเนยังอยู่ท่ามกลางแหล่งน้ำและด้วยลักษณะภูมิประเทศที่เป็นแหลมยื่นเข้าไปในทะเลสาบการ์ดา (Garda) ที่มีความสวยงาม สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามกว้างไกลและถูกล้อมรอบด้วยทะเลสาบทั้งสองด้าน ในอดีตเคยเป็นเมืองที่มีผู้คนที่มีฐานะในยุคสมัยโรมันใช้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจและปัจจุบันก็เป็นเมืองพักผ่อนริมทะเลสาบที่ได้รับความนิยมอย่างมาก นอกจากนี้เมืองเซอร์มิโอเนยังเป็นที่รู้จักในด้าน “เมืองสปาที่มีชื่อเสียง” เพราะที่นี่มีน้ำพุร้อนที่มีสรรพคุณที่ช่วยในการรักษาเยียวยา เต็มไปด้วยแร่ธาตุที่บำรุงผิวพรรณและทำให้รู้สึกผ่อนคลายได้อีกด้วย                                                           Wallpaper island, Italy, panorama, Italy, Lombardy, Lombardy, Garda, Sirmione for mobile and desktop, section пейзажи, resolution 2048x1365 - download

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

  • นำท่านเดินชมเมือง ให้ท่านได้เลือกซื้อของฝากหรือถ่ายรูปตามอัธยาศัย
  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ทะเลสาบโคโม่ (Lake Como) (ระยะทางประมาณ 175 กิโลเมตร ใช้เวลา 2.20 ชม.) เป็นทะเลสาบที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของอิตาลี แต่มีชื่อเสียงด้านความสวยงามมาเป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งรอบๆทะเลสาบจะมีเมืองตากอากาศกระจายตัวอยู่หลายๆเมืองที่เป็นที่นิยมทั้งกับชาวอิตาลีและชาวต่างชาติ ทะเลสาบโคโม่แห่งนี้นั้นตั้งอยู่ในจังหวัดโคโม่ แคว้นลอมบาร์เดีย ที่นอกจากจะได้ขึ้นชื่อว่าเป็นทะเลสาบที่สวยที่สุดในอิตาลี โดยมีความยาวโดยรอบถึง 160 กิโลเมตร บวกกับพื้นที่รอบๆ ทะเลสาบถึง 146 ตารางกิโลเมตร                                                                                Luxury Holiday Guide to Lake Como 2023/2024 , Italy | Black Tomato

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
BARCHETTA EXCELSIOR HOTEL COMO หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว

DAY11

โคโม่ - เวโรน่า - ทะเลสาบโคโม่ - วาเรนน่า - เบลลาจิโอ - สนามบิน

รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก

  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง วาเรนน่า (Varenna) เป็นจุดหมายปลายทางที่มีวิถีชีวิตแบบเรียบง่าย ผู้ที่มาเที่ยวพักผ่อนที่นี่มาเพื่อผ่อนคลายริมทะเลสาบ เป็นเมืองเก่าพันปี เป็นหมู่บ้านชาวประมงโบราณ เมืองนี้นักท่องเที่ยวชอบมากันเป็นเมืองที่สวยทีสุดในทะเลสาบโคโม่ บ้านเรือนเรียงรายสีสันสวยงาม เป็นย่านที่มีร้านอาหาร ร้านช้อปปิ้ง และคนมักนิยมมาดูพระอาทิตย์ตกกันที่นี่ เมืองวาเรนน่า ได้รับการขนานนามว่าเป็นทางเดินแห่งรัก เพราะทุกทางที่เดินสุดโรแมนติกทุกมุม                                Varenna, Lake Como | Jocelyn Erskine-Kellie | Flickr
  • อิสระให้ท่านเดินเล่นชมเมืองวาเรนนาตามอัธยาศัย

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

  • นำท่านนั่งเรือข้ามฟากสู่เมือง เบลลาจิโอ (Bellagio) เมืองเล็กๆ ริมทะเลสาบโคโม่ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นทะเลสาบที่สวยงามที่สุดของอิตาลี ทางตอนเหนือของทะเลสาบคือเทือกเขาแอลป์ อันเปรียบเสมือนป้อมปราการทางธรรมชาติ ที่สร้างฉากหลังอันงดงามอลังการให้กับดินแดนแห่งนี้ เบลลาโจตั้งอยู่ปลายบนของคาบสมุทร โดยถูกแบ่งออกโดยแขนสองข้างทิศใต้ของทะเลสาบ เมืองสามารถเห็นเทือกเขาแอลป์ ทางทิศเหนือได้อีกด้วย
  • จากนั้นนำท่านเดินชมเมืองเบลลาจิโอ ให้ท่านได้เดินเล่น เลือกซื้อของที่ระลึกของฝากตามอัธยาศัย
  • จากนั้นได้เวลานำท่านเดินทางสู่ท่าอากาศยานมิลาโนมัลเปนซา
  • 22.20 น. ออกเดินทางสู่กรุงเทพฯ โดยสายการบินเอมิเรตส์ แอร์ไลน์ (EK) เที่ยวบินที่ EK092

***หมายเหตุไฟล์ทบินอาจมีการเปลี่ยนแปลง***

DAY12

ดูไบ - สนามบินสุวรรณภูมิ - กรุงเทพฯ

  • 06.25 น. เดินทางถึงสนามบินดูไบ (แวะเปลี่ยนเครื่อง)
  • 09.40 น. ออกเดินทางสู่กรุงเทพฯ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบิน EK 372
  • 18.55 น. เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพมหานคร โดยสวัสดิภาพ


แชร์ให้เพื่อน