ทัวร์อิตาลีเหนือ – กลาง (Unseen)


Tour by HappyLongway

รายละเอียดโปรแกรมทัวร์-ทัวร์อิตาลีเหนือ – กลาง (Unseen)

รหัสทัวร์ : UNSEEN NORTH ITALY 12 DAYS (QR)
ระยะเวลา 12 วัน 9 คืน
สายการบิน : QATAR AIRWAYS (QR)

กำหนดการเดินทาง

รอบที่ วันเดินทาง ราคา
1 11 ก.ย. 67 - 22 ก.ย. 67 209,900 บาท
2 12 ต.ค. 67 - 23 ต.ค. 67 209,900 บาท

สถานที่สำคัญ

  • 1
    ชมเส้นทาง Val D’Orcia เส้นทางท้องทุ่งสุดสวยของแคว้นทัสคานี ที่มีชื่อเสียงทั่วโลก (Unesco)
  • 2
    ชมหมู่บ้าน Civita di Bagnregio อายุเก่าแก่กว่า 2,000ปี ! (Unseen)
  • 3
    ชมรัฐอิสระ San Marino รัฐอิสระเล็กเป็นอันดับ 3 ของโลก (Unseen) (Unesco)
  • 4
    ชมหมู่บ้าน Cinque Terre หมู่บ้านหน้าผาริมทะเล ที่สวยที่สุดในโลก (Unesco)
  • 5
    หมู่บ้าน San Gimignano หมู่บ้านที่ได้รับการยอมรับว่าสวยที่สุดในทัสคานี (Unesco) (Unseen)
  • 6
    ชมหมู่บ้าน Pienza หมู่บ้านบนเนินเขาในท้องทุ่งสุดสวยของทัสคานี (Unesco) (Unseen)
  • 7
    ชมหมู่บ้าน Bellagio & Varenna ในทะเลสาบ Como Lake ทะเลสาบที่สวยที่สุดในอิตาลี
  • 8
    ชมหมู่บ้าน Montepulciano หมู่บ้านบนเนินเขาสุดสวยในท้องทุ่งทัสคานี (Unseen)
  • 9
    ชมเกาะ Burano เกาะสีสันลูกกวาดสุดสวย (Unseen)
  • 10
    ชมเกาะ Isola Bella ในทะเลสาบ Maggiore หนึ่งในสถานที่ Unseen สุดสวย
  • 11
    ชมเมือง Siena เมืองโบราณแห่งแคว้นทัสคานี สไตล์อิตาลี ได้รับ (Unesco)
  • 12
    ชมเมือง Bologna หนึ่งในเมืองสวยของอิตาลี (Unesco)
  • 13
    ชมเมือง Ravenna ศูนย์กลางจักรวรรดิไบแซนไทน์ (Unesco)
  • 14
    ชมเกาะ Venice เกาะที่โรแมนติคที่สุดของโลก (Unesco)
  • 15
    ชมเมือง Milan เมืองแห่งแฟชั่นของโลก
  • 16
    นำท่านชิมและชมการบ่มไวน์ (Wine Tasting) ไวน์ที่มีชื่อเสียงแห่งแคว้นทัสคานี

HappyLongWay
ขอนำเสนอโปรแกรมทัวร์ยุโรป
ทัวร์อิตาลี (กลาง-เหนือ) 12 วัน 9 คืน

โดยสายการบินการ์ตาร์ แอร์เวย์ (QR)

 

DAY1

สนามบินสุวรรณภูมิ - กรุงเทพฯ - โดฮา

  • 18.00 น. คณะพร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 เคาน์เตอร์ M ประตู 6 สายการบินการ์ตาร์ แอร์เวย์ พบเจ้าหน้าที่บริษัทอำนวยความสะดวกในการเช็คอิน
  • 20.00 น. ออกเดินทางสู่โดฮา โดยสายการบินการ์ตาร์ แอร์เวย์ เที่ยวบินที่ QR 835

***หมายเหตุ ไฟล์ทบินอาจมีการเปลี่ยนแปลง***

DAY2

โดฮา - กรุงโรม (อิตาลี) - ซิวิตา ดิ แบนอริจิโอ - เซียน่า

  • 23.00 น. เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติโดฮา (แวะพักเปลี่ยนเครื่อง)
  • 02.35 น. นำท่านเดินทางสู่กรุงโรมโดยสายการบินการ์ตาร์ แอร์เวย์ เที่ยวบินที่ QR 115
  • 07.25 น. เดินทางถึงทางอากาศนานาชาติฟูมิชิโน่ กรุงโรม ประเทศอิตาลี หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรแล้ว
  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่หมู่บ้าน ซิวิตา ดิ แบนอริจิโอ (Civita di Bagnoregio) (Unseen) (ระยะทาง 150 กม. ใช้เวลาประมาณ 2 ชม.) หมู่บ้านเล็กๆ บนเนินเขาในแคว้นลาซิโอใกล้ๆกรุงโรม มีการตั้งถิ่นฐานมาตั้งแต่ 2,500 ปี ภายในมีบ้านเรือนที่ทำจากหินอายุหลายร้อยปี มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว  ได้รับการยอมรับว่าคือ เพชรเม็ดงามแห่งแคว้นลาซิโอ มีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 100 คนเท่านั้น ยิ่งในฤดูหนาวจะมีประชากรอาศัยอยู่ไม่ถึง 20 คน                                                                        Civita di Bagnoregio 8 by CitizenFresh on DeviantArt
  • จากนั้นให้ท่านเดินขึ้นชมเมืองด้านบน

*** หมายเหตุ ทางเดินขึ้นหมู่บ้านเป็นสะพานยาว และลาดชัน ระยะทางประมาณ 700 เมตร ไม่แนะนำให้ท่านที่มีปัญหาเกี่ยวกับขา หัวเข่า เดินขึ้น หรือผู้สูงอายุ หรือวิลแชร์ **

  • นำท่านเดินชมเมือง เลือกซื้อของฝากตามอัธยาศัย จากนั้นได้เวลานัดหมายนำท่านกลับลงสู่ด้านล่าง

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง เซียน่า (SIENA) หรือเมืองซีเอน่า (ระยะทาง 130 กม. ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. 30 นาที) เมืองใหญ่อันดับ 2 ในแคว้นทัสคานี ถือเป็นเมืองในยุคกลางที่ถือว่าเป็นเมืองคู่แข่งของเมืองฟลอเรนซ์ เมืองเซียน่ายังได้รับการยอมการประกาศเป็นเมืองมรดกโลก (Unesco) อีกด้วย เนื่องจากความเก่าแก่และความสวยงามและการอนุรักษ์ไว้อย่างดีของชาวเมืองเซียน่า

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
FOUR POINTS BY SHERATON SIENA หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว (พัก 2 คืน)

หมายเหตุ : เซียน่า มีโรงแรมจำกัด หากโรงแรมเต็มทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ย้ายไปพักเมืองข้างเคียง

DAY3

เซียน่า - Val D’Orcia - Wime Tasting - ปิเอนซ่า - มอนเตปุลเชียโน - เซียน่า

รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก 

  • นำท่านออกเดินทางสู่เส้นทาง วาดอร์เซีย (Val D’Orcia) เส้นทางที่ว่ากันว่าสวยที่สุดในแคว้นทัสคานีระหว่างทางท่านจะได้เห็นวิวท้องทุ่ง ที่มีบ้านชาวนา และต้นไซเปรซ ที่ยืนเด่นตามแนวท้องทุ่งได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลก (Unesco) ให้เป็น World Cultural Landscape ซึ่งหลายๆทิวทัศน์แห่งนี้ถูกเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนต์ของ Hollywood                                                                                    Spring in Val d'Orcia [EXPLORE] | Colors in Val d'Orcia in t… | Flickr
  • ให้ท่านได้เพลิดเพลินวิวตลอดสองข้างทาง
  • จากนั้นนำท่านเข้าชมโรงงานบ่มไวน์ ให้ท่านได้ชมกรรมวิธีการบ่มไวน์ และชิมไวน์ (Wine Tasting) ที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก อย่างไวน์ Brunello di Montalcino หรือ Chianti Classico  จากนั้นให้ท่านได้เลือกซื้อไวน์ตามอัธยาศัย

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

  • จากนั้นนำท่านสู่เมือง ปีเอนซ่า (Pienza) หรือเพียนซ่า (ระยะทาง 23 กม. ใช้เวลาประมาณ 30 นาที) เมืองปีเอนซ่า เป็นเมืองเล็กๆที่สวยงามยุคเรอเนสซองซ์ เป็นหมู่ที่นักท่องเที่ยวต่างหลงไหล เดิมมีชื่อเรียกว่า Corsignano และเป็นบ้านเกิดของ Pope Pius II ซึ่งได้รับคัดเลือกให้เป็นพระสันตะปาปาในปี ค.ศ.1458 หลังจากได้รับตำแหน่งเมืองนี้ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ทั้งหมดและเปลี่ยนมาเป็นชื่อปีเอนซ่า หรือเพียนซ่า เพื่อเป็นเกียรติศักดิ์แก่ตนเอง                                                                            Pienza - Wikipedia
  • นำท่านเดินเล่นถ่ายรูปกับพระราชวังองค์สันตะปาปา บ้านเรือนที่ยังคงถูกอนุรักษ์ไว้อย่างดี ซึ่งยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก (Unesco)                                                                                  
  • จากนั้นให้ท่านได้ชมวิวจากตัวเมืองมองลงไปเห็นท้องทุ่งแห่งแคว้นทัสคานี และ เลือกซื้อสินค้าตามอัธยาศัย จนกระทั่งได้เวลาพอสมควร
  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง มอนเตปุลเชียโน (Montepulciano) (ระยะทาง 15 กม. ใช้เวลาประมาณ 25 นาที) เป็นเมืองที่มีความสวยงามอีกแห่งของทัสคานี ตั้งอยู่บนเนินเขาในจังหวัดเซียน่าของอิตาลีทางตอนใต้ ที่นี่เป็นเมืองยุคกลางที่เต็มไปด้วยพระราชวังยุคเรอเนสซองส์ที่สง่างาม โบสถ์โบราณจัตุรัสที่มีเสน่ห์ และมุมสวยๆที่ซ่อนอยู่ โดยมีทัศนียภาพกว้างไกลของหุบเขา Val d’Orcia และหุบเขา Val di Chiana ล้อมรอบ เมือง Montepulciano ได้รับความสนใจอย่างมากเพราะเป็นหนึ่งในสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์อันโด่งดัง เรื่อง Twilight: New Moon ทำให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาตามรอยกันอย่างคึกคัก นอกจากทัศนียภาพอันน่าทึ่งของเมืองชนบทโดยรอบที่ปกคลุมไปด้วยไร่องุ่นแล้ว เมืองแห่งนี้ก็มีชื่อเสียงด้านอาหารการกิน ขึ้นชื่อในเรื่องเนื้อหมู ชีส พาสต้า น้ำผึ้ง และสิ่งที่เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ก็คือ ไวน์ Montepulciano ซึ่งถือเป็นหนึ่งในไวน์ชั้นเลิศของอิตาลี                                        Montepulciano, Italy - The Quintessential Tuscan Hill Town
  • นำท่านเดินเล่นเมืองมอนเตปุลเชียโน
  • จากนั้นได้เวลานำท่านเดินทางกลับสู่โรงแรมที่พัก

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
FOUR POINTS BY SHERATON SIENA หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว

หมายเหตุ : เมืองเซียน่า มีโรงแรมจำกัด หากโรงแรมเต็มทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ย้ายไปพักเมืองข้างเคียง

DAY4

เซียน่า - ซาน จิมิยาโน - วาเลียโจ

รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก 

  • นำท่านเข้าสู่จตุรัส เดล คัมโป (Piazza del Campo) เป็นจตุรัสใจกลางเมืองที่บ่งบอกประวัติศาสตร์ของเมืองเซียน่าได้เป็นอย่างดี และได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในจตุรัสที่สมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป  ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญๆ จำนวนมาก
  • นำท่านเข้า ชมมหาวิหารเมืองเซียน่า (Duomo di Siena) มหาวิหารประจำเมืองเซียน่า ที่ถูกสร้างขึ้นในปี 1200 ด้วยสไตล์กอธิคและเรเนซองส์ ที่ประดับประดาตกแต่งอย่างวิจิตรอลังการและสวยงามมาก โดยเฉพาะด้านในของตัววิหารที่บอกเล่าเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับเมืองเซียน่าไว้ได้อย่างสวยงามและเป็นโบสถ์ 1 ใน 5 โบสถ์ที่สวยที่สุดในประเทศอิตาลี อีกด้วย                                                Mosaic Floor of Siena Cathedral: history and facts - Italia.it
  • จากนั้นชมเมืองเก่าเซียน่า (SIENA OLD TOWN) ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก้ในปี 1995 (UNESCO) ชมความเป็นเมืองเก่าสมัยฟื้นฟูศิลปะวิทยาการหรือยุคเรอเนสซองส์ เต็มไปด้วยอาคารต่างๆ โบสถ์ และพิพิธภัณฑ์ และสัมผัสบรรยากาศของประวัติศาสตร์และร้านค้ามากมาย เซียน่าเป็นเมืองคู่แข่งของฟลอเรนซ์ในเรื่องของศิลปะและสถาปัตยกรรม

(หมายเหตุ : การเปิด-ปิดให้เข้าชมโบสถ์ หากกรณีมีการประกอบพิธีสำคัญไม่อนุญาติให้เข้าชมด้านในโบสถ์ ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ให้ถ่ายรูปด้านนอกเท่านั้น)

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน

  • นำท่านเดินทางต่อสู่เมือง ซาน จิมิยาโน (SAN GIMIGNANO) (ระยะทาง 45 กม. ใช้เวลา 1 ชม.) เมืองเล็กๆ ที่มีทิวทัศน์งดงามที่สุดในแคว้นทัสคานี ตั้งอยู่บนเนินเขาที่ล้อมรอบด้วยกำแพงเมืองโบราณ เป็นเมืองแห่งสุดยอดสถาปัตยกรรมของยุคกลาง โดยเฉพาะหอคอยสูงตระหง่าน 14 หอ ที่สามารถมองเห็นได้แม้อยู่ห่างจากตัวเมืองหลายกิโลเมตร เป็นเมืองเดียวในอิตาลี่ที่สามารถอนุรักษ์สิ่งก่อสร้างและสถาปัตยกรรมยุคกลางไว้ได้อย่างครบถ้วนจนได้รับการประกาศเป็นเมืองมรดกโลกโดยองค์กร (UNESCO)San Gimignano, Tuscany: The highlights of this region can all be found in one gorgeous village
  • นำท่านถ่ายรูปกับโบสถ์ประจำเมือง (SAN GIMIGNANO DUOMO) โบสถ์หลักประจำเมืองตั้งอยู่ในจัตุรัสดูโอโม (PIAZZA DEL DUOMO) ภายในมีการตกแต่งแบบโรมาเนสก์ และมีภาพเฟรสโกตกแต่งกำแพงภายในโบสถ์ที่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับศาสนา ชมภายนอกพระราชวังโปโปโล (POPOLO PALACE) อดีตเป็นที่ตั้งของศาสนา คริสต์นิกายโรมันคาทอลิก ทรงกระบอก 8 ชั้น สร้างด้วยหินอ่อนสีขาว สูง 55.86 เมตร น้ำหนักรวม 14,500 ตัน มีบันได 293 ขั้น เอียง 3.97 องศา ยอดของหอห่างจากแนวตั้งฉากประมาณ 3.9 เมตร ชม La Rocca ป้อมโบราณสมัยศตวรรษที่ 14                                        People at Piazza del Duomo in San Gimignano, Italy · Free Stock Photo
  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองวาเลียโจ (Viareggio) (ระยะทางประมาณ 100 กม  ใช้เวลา 1.20 ชม.)

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
PALACE HOTEL VIAREGGIO หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว (พัก 2 คืน)

DAY5

วาเลียโจ - ลา สเปเซีย - หมู่บ้านชิงเกว่ แตร์เร - วาเลียโจ

รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก 

  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง ลา สเปเซีย (La Spezia) เมืองท่าที่เป็นประตูสู่ 5 หมู่บ้านริมทะเลที่สวยที่สุดในโลก) (ระยะทางประมาณ 70 กิโลเมตร ใช้เวลา 1 ชม.)
  • จากนั้นนำท่านนั่งรถไฟสู่หมู่บ้าน ชิงเกว่ แตร์เร (CINQUE TERRE) หมู่บ้านเล็กๆที่ตั้งอยู่บน ชายฝั่งริเวียร่าของอิตาลี CINQUE TERRE มีความหมายว่า ห้าดินแดน (FIVE LANDS) ประกอบด้วยหมู่บ้าน 5 แห่งได้แก่ VERNAZZA,MANAROL, RIOMAGGIORE,CORNIGLIA. MONTEROSSO AL MARE โดยทั้งห้าหมู่บ้านนี้มีหุบเขาล้อมรอบประกอบกันเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติฯ และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก้ด้วย (UNESCO) เรานำท่านชมหมู่บ้านเพียง 2  หมู่บ้านที่สวยที่สุด คือ
  • หมู่บ้าน MANAROLA                                                               Manarola, Italy: The Complete Guide

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

  • หมู่บ้าน RIOMAGGIORE                                                                                                              The BEST Riomaggiore Safaris & wildlife activities 2022 - FREE Cancellation | GetYourGuide
  • จากนั้นได้เวลานำท่านเดินทางกลับสู่โรงแรมที่พัก

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
PALACE HOTEL VIAREGGIO หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว

DAY6

วาเลียโจ - โบโลญญ่า - ราเวนนา - ริมินี

รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก

  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองโบโลญญ่า (Bologna) (ระยะทางประมาณ 170 กิโลเมตร ใช้เวลา 2 ชม.) เมืองประวัติศาสตร์ที่มีชื่อเสียงทางด้านท่องเที่ยวและเป็นเมืองหลวงของแคว้นเอมีเลีย-โรมัญญ่า (Emilia-Romagna) 1 ใน 20 แคว้นของประเทศอิตาลี โดยตัวเมืองนั้นตั้งอยู่ในหุบเขาโปทางตอนเหนือของประเทศอิตาลี โดยตั้งอยู่ระหว่างแม่น้ำโปกับเทือกเขาแอเพนไนน์ นอกจากนี้แล้ว เมืองโบโลญญ่ายังเป็นหนึ่งในเมืองยุคกลางที่ได้รับการเก็บรักษาไว้ดีที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป อีกทั้งยังเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักท่องเที่ยวทั้งในและชาวต่างชาติ ด้วยชื่อเสียงในเรื่องความสวยงาม และยังเป็นที่ตั้งมหาวิทยาลัยที่เก่าที่สุดในโลก คือ University of Bologna ก่อตั้งตั้งแต่ปีคริสตศักราชที่ 1088 อีกด้วย
  • จากนั้นนำท่านชมเมืองโบโลญญา เริ่มตั้งแต่หอคอยคู่ (Due Torri) หอคอยแห่งนี้ ขึ้นชื่อว่าเป็นหอคอยที่สูงมากของเมืองโบโลญญ่า มีความสูง 97.2 เมตร มีหอคู่กันสูง 48 เมตร ซึ่งสามารถขึ้นไปบนยอดหอคอย เพื่อชมทัศนียภาพที่สวยงามของเมืองแบบพาโนรามาได้ และยังจัดว่าเป็นสัญลักษณ์ของเมืองโบโลญญ่า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของป้อมปราการรักษาเมืองในอดีตด้วย
  • นำท่านเข้าชม วิหารนักบุญอุปถัมภ์ (Basilica San Petronio) ที่นี่เป็นมหาวิหารและคริสตจักรของอัครสังฆมณฑลโบโลญญา ทางตอนเหนือของอิตาลี ถูกสร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับนักบุญอุปถัมภ์ของเมือง เริ่มก่อสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1390 การออกแบบตกแต่งทางสถาปัตยกรรมต่างๆ ยังถูกรักษาไว้ได้สวยงามเป็นอย่างดี                                                                                                                                      The Fascinating Story of San Petronio Church: Will it Ever be Completed? – Taste Bologna
  • จากนั้นำท่าสู่ ลานจัตุรัสกลางเมือง (Piazza Maggiore) ลานแห่งนี้ เป็นอีกหนึ่งจัตุรัสที่สำคัญ ซึ่งมีอาคารเก่าแก่ล้อมรอบอยู่ ตั้งอยู่ในกลางเมืองเก่า มีทั้งที่ทำการเมืองเก่า โบสถ์ต่างๆ ที่สวยงาม ลานน้ำพุเทพเนปจูน และอาคารอื่นๆ ซึ่งมีลวดลายทางสถาปัตยกรรมอันประณีต จนต้องเดินทางมาเที่ยวที่ลานเมืองเก่านี้เป็นอันดับต้นๆ                                                                                                          Piazza Maggiore and the best squares to visit – Bologna Guide
  • อิสระให้ทุกท่านเดินเล่นช้อปปิ้งตามอ้ธยาศัย

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน

  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง ราเวนนา (Ravenna) เป็นเมืองที่อยู่ในแคว้นเอมีเลีย-โรมัญญา ประเทศอิตาลี ราเวนนาเคยเป็นเมืองหลักของจักรวรรดิโรมันตะวันตก และอาณาจักรออสโตรกอท (Ostrogoth Kingdom) ในเวลาต่อมา ปัจจุบันเป็นเมืองหลวงของจังหวัดราเวนนา มีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 652 ตารางกิโลเมตร ราเวนนาเป็นเมืองที่มีเนี้อที่ใหญ่เป็นที่สองของอิตาลีรองจากกรุงโรม เป็นเมืองที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่เเสนจะสวยงามอีกเเห่งของอิตาลี โดยมีชื่อเสียงอย่างมากในเรื่องของกระจกโมเสก
  • จากนั้นนำท่านชม มหาวิหารแห่งซาน วิตาเล (San Vitale Basilica) ตั้งอยู่กลางเมืองราเวนนา สาธารณรัฐอิตาลี ซึ่งเป็นศูนย์กลางจักรวรรดิไบแซนไทน์ (Byzantine Empire) ในช่วงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 6 ในรัชกาลจักรพรรดิจัสติเนียนที่ 1 (Justinian I) มหาวิหารถูกสร้างขึ้นตามบัญชาของบิชอปเอเคลซิโอ (Ecclesio) ในปี ค.ศ. 532 และเสร็จสมบูรณ์ในสมัยของบิชอปแมกซีเมียนนุส (Maxmianus) บิชอปแห่งราเวนนา คนต่อมา ภายใต้การอุปถัมภ์ของจูลิอุส อาเจนตาริอุส (Julius Argentarius) นายธนาคาร ผู้มีบทบาทสำคัญในการสร้างอารามหลายแห่งในเมืองราเวนนา อย่างมหาวิหารแห่งซานอะโพลินาเรที่คลาสเซ (Basilica di Sant’Apollinare in Classe) ในปีค.ศ. 549 อาคารทั้ง 2 ถือเป็นตัวอย่างสำคัญของสถาปัตยกรรมในสมัยคริสเตียนตอนต้น (Early Christian Architecture) ที่ยังคงสภาพสมบูรณ์มาจนถึงปัจจุบัน                                                                                          File:Basilica di San Vitale, Ravenna, Italia (2).JPG - Wikimedia Commons
  • จากนั้นนำท่านเข้าชม โบสถ์ศีลจุ่มเนโอเนียน (Neon Baptistery) ในอดีตคือสถานที่ทำพิธีศีลจุ่มอิฐยุคแรกในศตวรรษที่ 5 ในใจกลางเมือง อาคารแปดเหลี่ยมเป็นอาคารที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในราเวนนาและถือว่าเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดและสมบูรณ์แบบที่สุดของโบสถ์คริสเตียนยุคแรกที่ยังมีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน กระเบื้องโมเสคที่เรียงรายเรียงเป็นแถวทั้งโดมซึ่งเป็นเหรียญโมเสคขนาดใหญ่ที่ด้านบนของภาพการล้างบาปของพระเยซูโดย John the Baptist                                                                  Neonian Baptistery
  • จากนั้นนำท่านผ่านชม Sant’Apollinare Nuovo โบสถ์นิกายโรมันคาทอริกแห่งนี้ ถูกสร้างขึ้นเวลาเดียวกันกับ Arain Baptistry คือในช่วงปลายๆ ศตวรรษที่ 5 ถึงปลายศตวรรษที่ 6 ตามคำสั่งของ Theodoric  ความงดงามของผนังโมเสส ดึงดูดนักท่องเที่ยวมาสู่มหาวิหาร ซาน อพอลลินาเร นูโอโว มหาวิหารนี้เป็นศาสนสถานที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในราเวนนา และเคยตกเป็นของศาสนาอื่นๆ ก่อนที่จะมาเป็นส่วนหนึ่งของคริสตจักรคาทอลิก มหาวิหารเป็นหนึ่งในมรดกโลกของเมืองราเวนนาที่ได้รับการขึ้นทะเบียนโดยองค์การยูเนสโก นำท่านชมศิลปะภายในวิหาร ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญที่สุดส่วนหนึ่งของที่นี่มหาวิหารนี้สร้างขึ้นเป็นโบสถ์ของลัทธิเอเรียสเพื่อถวายแด่พระเยซูคริสต์ผู้ไถ่บาป โดยพระเจ้าธีโอดอริคมหาราชในต้นศตวรรษที่ 6 ในปี 561 ชาวไบแซนไทน์ได้อุทิศโบสถ์ให้แก่นักบุญมาร์แต็งแห่งตูร์ ผู้เป็นศัตรูของลัทธิเอเรียส ชื่อปัจจุบันของโบสถ์ตั้งขึ้นใน 3 ศตวรรษต่อมา หลังจากที่อัฐิของนักบุญอพอลลินาริสได้รับการย้ายมาที่นี่
  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองริมินี (Rimini) หนึ่งในเมืองตากอากาศริมทะเลที่มีชื่อเสียง ของประเทศอิตาลี (ระยะทางประมาณ 55 กิโลเมตร ใช้เวลา 45 นาที)

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
ASTORIA SUITE HOTEL  RIMINI หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว

หมายเหตุ : เมืองริมินีมีโรงแรมจำกัด หากโรงแรมเต็มทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ย้ายไปพักเมืองข้างเคียง

DAY7

ริมินี - ซาน มารีโน่ (รัฐอิสระ) - เมสเตร้

รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก

  • นำท่านเดินทางสู่ ซาน มารีโน่ (SAN MARINO) หรือสาธารณรัฐซานมารีโน่ (REPUBBLICA DI SAN MARINO) อิสระเล็กๆ ที่ซ่อนอยู่ในประเทศอิตาลี ถือเป็นรัฐอิสระเล็กเป็นอันดับ 3 ของโลก  มีประวัติและอิสระภาพเกือบ 2,000 ปี เป็นรัฐอิสระ 1 ใน 2 ที่อยู่ในประเทศอิตาลี ซึ่งอีกประเทศหนึ่งก็คือ รัฐวาติกัน (ระยะทางประมาณ 20 กิโลเมตร ใช้เวลา 20 นาที)                                                                Best Things to Do in San Marino, Europe's Most Underrated Destination – Earth Trekkers
  • จากนั้นนำท่านนั่ง CABLE CAR ขึ้นสู่ยอดเขาอัพเพนนินี ที่ตั้งของเมืองซาน มาริโน                          San Marino & Mount Titano by Cable Car - Selected Tours Italy
  • นำท่านชมตัวเมืองของซานมารีโน่ ตั้งอยู่บนเขาอัพเพนนินี ล้อมรอบโดยแคว้น เอมีเลียโรมาญา กับแคว้นมาร์เก ของอิตาลี ไม่มีทางออกสู่ทะเล โดยที่ตั้งสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 800 เมตร มีพื้นที่ 61.5 ตารางกิโลเมตร มีประชากรประมาณ 32,000 คนเท่านั้นเองเเละส่วนใหญ่นับถือคริสต์ศาสนานิกายโรมันคาทอลิก โดยมีการปกครองแบบสาธารณรัฐมาตั้งเเต่ก่อตั้งประเทศเมื่อ ค.ศ. 257 นับว่าเป็นประเทศที่ปกครองเเบบสาธารณรัฐที่เก่าเเก่มากที่สุดในโลกที่ยังคงดำรงค์อยู่ถึงปัจจุบัน โดยมีการเเบ่งออกเป็น 9 เขตด้วยกันทั้ง อักกวาวีวา, บอร์โกมัจโจเร, กีเอซานูโอวา, โดมัญญาโน, ฟาเอตาโน, ฟีโอเรนตีโน, มอนเตจาร์ดีโน เเละ แซร์ราวัลเล โดยมี นครซานมารีโน เป็นเมืองหลวง โดยภูมิอากาศของที่นี่จะเป็นในเเบบเมดิเตอร์เรเนียน เเละรายได้หลักของประเทศก็มาจากการท่องเที่ยวเป็นส่วนใหญ่ ซานมารีโน นั้นตั้งอยู่ในภูมิประเทศที่เป็นเทือกเขาสูง ทำให้สามารถรักษาเอกราชมาได้ตลอดระยะเวลาตั้งเเต่ก่อตั้งประเทศขึ้นมา โดยต้องย้อนกลับไปในปี ค.ศ. 257 เมื่อครั้งที่อาณาจักรโรมันยังรุ่งเรือง เเละคริสต์ศาสนานิกายโรมันคาทอลิก เริ่มเป็นที่เผยเเพร่ในอาณาจักรโรมัน เเต่ยังไม่เป็นที่ยอมรับจากทางการโรมันมากนัก ทำให้เกิดการกวาดล้างชาวคริสต์อยู่ตลอดเวลา จนเป็นเหตุผลที่ทำให้ช่างหินคนหนึ่งที่มีชื่อว่า มารีนุส อพยพหนีการตามล่าของทหารโรมันมายังบริเวณมอนเตตีตาโน ซึ่งก็คือซานมารีโนในปัจจุบันนั่นเอง พร้อมกับได้เริ่มตั้งถิ่นฐานในบริเวณนี้ เนื่องจากคามเป็นภูเขาสูง ห่างไกล เเละทุรกันดาร กองทหารโรมันจึงไม่สนใจในการตามล่าพวกเขา ทำให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างสงบสุข จนก่อเกิดเป็นรัฐอิสระขึ้นมา เเละภายหลังได้ใช้ชื่อตาม มารีนุส ซึ่งเป็นบุคคลเเรกที่มาตั้งถิ่นฐานบริเวณนี้ เเละต่อมาเขาได้รับการยกย่องเป็นนักบุญองค์หนึ่งในชื่อว่า ซานมารีโน นั่นเอง
  • นำท่านเข้าสู่บริเวณจัตุรัส Piazza della Libertà เป็นจัตุรัสกลางเมืองหลักที่นักท่องเที่ยวต่างพากันมา โดยบริเวณจัตุรัสเป็นที่ตั้งของอาคารสาธารณะรัฐซานมาริโน โดยจะมีการผลัดเปลี่ยนเวรยามด้านหน้าอาคารด้วย
  • จากนั้นให้ท่านเดินเล่นชมเมืองหรือเลือกซื้อสินค้าที่ระลึกตามอัธยาศัย

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

  • จนได้เวลานัดหมายนำท่านนั่ง Cable Car กลับลงสู่ด้านล่าง
  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองเมสเตร้ (Mestre) เมืองประตูสู่เกาะเวนิส (ระยะทาง 290 กม. ใช้เวลาเดินทาง 4 ชม.)

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
FOURPOINT BY SHERATON VENICE MESTRE HOTEL หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว (พัก 2 คืน)

DAY8

เมสเตร้ - เกาะบูราโน - เกาะเวนิส - เมสเตร้

รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก

  • นำท่านนั่งเรือสู่ เกาะบูราโน่ (Burano) เกาะบูราโน่อยู่ห่างจากเมืองเวนิสไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 11 กิโลเมตร มีประชากรท้องถิ่นประมาณ 3,000 คน ชื่อ “Burano” มาจากภาษาท้องถิ่นว่า “Porta Boreana” มีความหมายว่า “ประตูเมืองด้านเหนือ” เกาะแห่งนี้มีความโดดเด่นจากอาคารบ้านเรือนที่มีสีสันสดใสตัดกับสีของท้องฟ้าและท้องทะเล เกิดเป็นทัศนียภาพที่มีความสวยงามเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว  ในอดีตบ้านเรือนที่สร้างในช่วงแรกที่มีประชากรอพยพมาตั้งถิ่นฐานนั้นสร้างจากโคลนและไม้ ต่อมาเมื่อมีการตั้งรกรากอย่างจริงจังจึงมีการพัฒนาที่อยู่อาศัยโดยการก่อสร้างอาคารบ้านเรือนด้วยอิฐเพื่อความคงทนแข็งแรงและทาด้วยสีสันสดใส ข้อสันนิษฐานของการทาสีบ้านด้วยสีสันฉูดฉาดอาจเป็นเพราะในอดีตชาวประมงต้องการทำสัญลักษณ์ให้สังเกตเห็นเกาะได้ง่าย เพื่อที่ชาวประมงจะได้สามารถมองเห็นเกาะที่เป็นบ้านของตัวเองได้จากนอกชายฝั่งเมื่อออกเรือไปหาปลาในระยะไกล และยังมีหอเอียงแห่งบูราโน่ (Burano’s Leaning Bell Tower) ซึ่งเป็นหอระฆังความสูง 53 เมตรที่มีความเอียงจากการทรุดตัวของพื้นดินด้านล่าง นอกจากทัศนียภาพอันสวยงามบนเกาะแล้ว ที่นี่ยังมีชื่อเสียงด้านงานหัตถศิลป์ในการถักทอผ้าลูกไม้ ซึ่งจัดเป็นศิลปาชีพท้องถิ่นของเกาะแห่งนี้ที่สร้างรายได้จำนวนมากให้กับชาวบ้าน และยังมีร้านค้าและร้านขายของที่ระลึกให้ซื้อสินค้าติดมือกลับไปได้อีกด้วยBurano Italy Colorful Canal by Michael Matti | The colorful … | Flickr

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

  • จากนั้นนำท่านนั่งเรือสู่เกาะเวนิส (Venice) หรือ เวเนเซีย จุดหมายปลายทางอันสุดโรแมนติกของเหล่าคู่รัก ตั้งอยู่แคว้นเวเนโต เมืองเวนิสเป็นเกาะ ที่อยู่ห่างออกไปในทะเลเอเดรียติก เกิดจากการเชื่อมเกาะเล็กๆ จำนวน 118 เกาะและมีสะพานเชื่อมมากกว่า 400 แห่ง เป็นเมืองที่มีคลองมากที่สุดในโลก ด้วยความสวยงามราวกับเป็นภาพที่อยู่ในความฝัน ไม่มีใครที่ไม่รู้จักเกาะแห่งนี้ ได้รับฉายามากมาย ไม่ว่าจะเป็น ราชินีแห่งทะเลเอเดรียติก (Queen of the Adriatic) ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก้ด้วย (UNESCO) เวนิสเป็นเมืองที่มีการใช้คลองสำหรับการคมนาคมทำให้เรือเป็นพาหนะเป็นหลัก เมืองในฝันแห่งนี้จึงไม่มีความวุ่นวายของมลพิษหรือเสียงดังจากรถยนต์ An expert city break guide to Venice | Telegraph Travel
  • ให้ท่านได้ถ่ายภาพคู่กับสะพานถอนหายใจหรือสะพานสะอื้น ที่เชื่อมต่อระหว่าง “Doge Palace” ซึ่งเคยเป็นที่ประทับของเจ้าผู้ครองนครเวนิสในอดีต อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางของการปกครองแคว้นในยุคสมัยนั้นอีกด้วย
  • นำท่านชม จัตุรัสเซนต์มาร์โค ที่มีโบสถ์เซนต์มาร์คเป็นฉากหลัง สร้างด้วยสถาปัตยกรรมไบแซนไทน์ อิสระเลือกช้อปปิ้งสินค้าพื้นเมืองของเวนิสตามอัธยาศัย อาทิ เครื่องแก้วมูราโน่ ต้นตำรับของการเป่าแก้วของชาวมูราโน่ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะมาตั้งแต่บรรพชน โดยเครื่องแก้วแต่ละชิ้นมีรูปแบบ และคุณภาพเป็นที่ยอมรับจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก                                                                                          Piazza San Marco | Piazza San Marco in Venice Italy. I shot … | Flickr
  • จากนั้นนำท่านชมสะพานริอัลโต (Ponte di Rialto) สะพานที่เก่าแก่ที่สุดและมีชื่อเสียงสุดในเวนิส และเป็นสัญลักษณ์อีกอย่างของเมืองเวนิส เป็นจุดถ่ายภาพที่สำคัญแห่งหนึ่ง จุดเด่นของสะพานรีอัลโตคือมีหลังคาคลุมสะพานที่สวยงามซึ่งเป็นสะพานแบบมีหลังคานี้สร้างโดย Antonio Da Ponte ชนะจิตรกรชื่อดังอย่าง Michelangelo ในการทำสัญญาว่าจ้างก่อสร้างสะพานนี้ สะพาน Rialtoสร้างขึ้นแทนที่สะพานเก่าสมัยปลายศตวรรษที่ 12 โดยผสมผสานความงามเข้ากับประโยชน์ใช้สอย ส่วนโค้งของสะพานมีความสูง 7.5 เมตร ซึ่งสูงพอให้เรือลอดผ่านไปได้ และยังเป็นย่านการค้าเก่าแก่ของเมืองมาตั้งแต่พันปีก่อนคริสตกาล                                                                                            Ponte di Rialto - Venice - VisitItaly
  • จากนั้นอิสระให้ท่านเดินเล่นชมเมืองเวนิสหรือเลือกซื้อสินค้าตามอัธยาศัย
  • จากนั้นนำท่านนั่งเรือกลับสู่แผ่นดินใหญ่ เมือง เมสเตร้

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารจีน
FOURPOINT BY SHERATON VENICE MESTRE HOTEL หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว

DAY9

เมสเตร้ - เซอร์มิโอเน - โคโม่

รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก

  • นำท่านออกเดินทางสู่ เมืองเซอร์มิโอเน (Sirmione) (ระยะทางประมาณ 145 กิโลเมตร ใช้เวลา 1.45 ชม.) ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศอิตาลี เมืองนี้ถูกล้อมรอบด้วยมหาสมุทรเป็นดั่งเมืองลอยน้ำที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ เพราะยังมีซากปรักหักพังของโบราณสถานหลายร้อยปีก่อนตั้งอยู่ที่นี่ โดยมีฉายาว่าเป็น “ไข่มุกแห่งคาบสมุทรเซอร์มิโอ” และยังเป็นดั่งดั่งเมืองเวนิสสอง เพราะบ้านเมืองในเซอร์มิโอเนยังอยู่ท่ามกลางแหล่งน้ำและด้วยลักษณะภูมิประเทศที่เป็นแหลมยื่นเข้าไปในทะเลสาบการ์ดา (Garda) ที่มีความสวยงาม สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามกว้างไกลและถูกล้อมรอบด้วยทะเลสาบทั้งสองด้าน ในอดีตเคยเป็นเมืองที่มีผู้คนที่มีฐานะในยุคสมัยโรมันใช้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจและปัจจุบันก็เป็นเมืองพักผ่อนริมทะเลสาบที่ได้รับความนิยมอย่างมาก นอกจากนี้เมืองเซอร์มิโอเนยังเป็นที่รู้จักในด้าน “เมืองสปาที่มีชื่อเสียง” เพราะที่นี่มีน้ำพุร้อนที่มีสรรพคุณที่ช่วยในการรักษาเยียวยา เต็มไปด้วยแร่ธาตุที่บำรุงผิวพรรณและทำให้รู้สึกผ่อนคลายได้อีกด้วย                                                           Wallpaper island, Italy, panorama, Italy, Lombardy, Lombardy, Garda, Sirmione for mobile and desktop, section пейзажи, resolution 2048x1365 - download
  • จากนั้นนำท่านล่องเรือชมความสวยงามของเมืองเซอร์มิโอเนและ ทะเลสาบการ์ดา

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

  • หลังจากนั้นนำท่านเดินชมเมืองให้ท่านได้เลือกซื้อของฝากหรือถ่ายรูปตามอัธยาศัย
  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ทะเลสาบโคโม่ (Lake Como) (ระยะทางประมาณ 175 กิโลเมตร ใช้เวลา 2 ชม.) เป็นทะเลสาบที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของอิตาลี แต่มีชื่อเสียงด้านความสวยงามมาเป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งรอบๆทะเลสาบจะมีเมืองตากอากาศกระจายตัวอยู่หลายๆเมืองที่เป็นที่นิยมทั้งกับชาวอิตาลีและชาวต่างชาติ ทะเลสาบโคโม่แห่งนี้นั้นตั้งอยู่ในจังหวัดโคโม่ แคว้นลอมบาร์เดีย ที่นอกจากจะได้ขึ้นชื่อว่าเป็นทะเลสาบที่สวยที่สุดในอิตาลี โดยมีความยาวโดยรอบถึง 160 กิโลเมตร บวกกับพื้นที่รอบๆ ทะเลสาบถึง 146 ตารางกิโลเมตร                                                                                Luxury Holiday Guide to Lake Como 2023/2024 , Italy | Black Tomato
  • นำท่านชม Como Cathedral วิหารทรงโกธิค (Gothic) ผสานไปด้วยกลิ่นอายของสถาปัตยกรรมแบบเรเนซองส์ (Renaissance) เนื่องจากสร้างในช่วงศตวรรษที่ 14 ซึ่งเป็นยุคของการเปลี่ยนแปลงทางด้านศิลปะ จากยุคโกธิคมาสู่ยุคเรเนซองส์
  • จากนั้นอิสระให้ท่านเดินชมเมืองโคโม่แสนสวยแห่งนี้

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
BARCHETTA EXCELSIOR HOTEL COMO หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว (พัก 2 คืน)

DAY10

โคโม่ - ทะเลสาบโคโม่ - วาเรนน่า - เบลลาจิโอ - โคโม่

รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก

  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง วาเรนน่า (Varenna) เป็นจุดหมายปลายทางที่มีวิถีชีวิตแบบเรียบง่าย ผู้ที่มาเที่ยวพักผ่อนที่นี่มาเพื่อผ่อนคลายริมทะเลสาบ เป็นเมืองเก่าพันปี เป็นหมู่บ้านชาวประมงโบราณ เมืองนี้นักท่องเที่ยวชอบมากันเป็นเมืองที่สวยทีสุดในทะเลสาบโคโม่ บ้านเรือนเรียงรายสีสันสวยงาม เป็นย่านที่มีร้านอาหาร ร้านช้อปปิ้ง และคนมักนิยมมาดูพระอาทิตย์ตกกันที่นี่ เมืองวาเรนน่า ได้รับการขนานนามว่าเป็นทางเดินแห่งรัก เพราะทุกทางที่เดินสุดโรแมนติกทุกมุม                                Varenna, Lake Como | Jocelyn Erskine-Kellie | Flickr
  • อิสระให้ท่านเดินเล่นชมเมืองวาเรนนาตามอัธยาศัย

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

  • นำท่านนั่งเรือข้ามฟากสู่เมือง เบลลาจิโอ (Bellagio) เมืองเล็กๆ ริมทะเลสาบโคโม่ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นทะเลสาบที่สวยงามที่สุดของอิตาลี ทางตอนเหนือของทะเลสาบคือเทือกเขาแอลป์ อันเปรียบเสมือนป้อมปราการทางธรรมชาติ ที่สร้างฉากหลังอันงดงามอลังการให้กับดินแดนแห่งนี้ เบลลาโจตั้งอยู่ปลายบนของคาบสมุทร โดยถูกแบ่งออกโดยแขนสองข้างทิศใต้ของทะเลสาบ เมืองสามารถเห็นเทือกเขาแอลป์ ทางทิศเหนือได้อีกด้วย
  • จากนั้นนำท่านเดินชมเมืองเบลลาจิโอ ให้ท่านได้เดินเล่น เลือกซื้อของที่ระลึกของฝากตามอัธยาศัย
  • จากนั้นนำท่านเดินทางกลับโคโม่

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
BARCHETTA EXCELSIOR HOTEL หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว

DAY11

โคโม่ - สเตรซ่า - เกาะอิโซล่า เบลล่า - มิลาน - สนามบิน

รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก

  • นำท่านออกเดินทางสู่ ท่าเรือสเตรซ่า (Stresa) (ระยะทางประมาณ 90 กิโลเมตร ใช้เวลา 1 ชม. 20 นาที) เมืองตากอากาศน่ารักๆริมทะเลสาบ Maggiore ทะเลสาบที่ตั้งอยู่ในเขตแดนของสองประเทศ คือ สวิส และอิตาลี
  • จากนั้นนำท่าน ล่องเรือสู่ เกาะ Isola Bella ซึ่งมีสวนแบบอิตาเลี่ยนที่มีชื่อเสียงและวิลล่าหรูหราศิลปะแบบ Baroque ของตระกูล  Borromeo เกาะตั้งอยู่ในทะเลสาบ Maggiore ทางตอนเหนือของประเทศอิตาลี เป็นเกาะเล็ก ๆ ที่มีตระกูล Borromeo เป็นเจ้าของเกาะ แปลตามตัวว่า เกาะที่สวยงาม โดยพื้นที่สองในสามของเกาะเป็นสวนบาร็อคสไตล์อิตาเลี่ยนซึ่งประดับไว้ด้วยรูปปั้น น้ำพุ ต้นไม้หายาก และ ไม้ดอกนานานาพันธุ์ อีกทั้งยังใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำหนังเรื่อง Ocean Twelve อีกด้วย สวนบนเกาะจัดเป็นลานระเบียงซ้อนกันสิบชั้นมีความสูงถึง 120 ฟุต คล้ายกับเนินเขาย่อมๆ การออกแบบดังกล่าวได้เชื่อมพื้นที่ระดับต่างๆเข้ากับอาคารในตัววัง ทำให้สวน และวังดูเป็นหนึ่งเดียวกันได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งยังทำให้สามารถมองเห็นทัศนียภาพของเกาะโดยรอบ มองเห็นทัศนียภาพที่ไกลออกไป อาทิ แนวเทือกเขาสูง และหมู่บ้านต่างๆที่กระจายอยู่ตามไหล่เขาทุกทิศทาง จนกระทั่งได้เวลาอันสมควร

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง มิลาน (MILAN) (ระยะทาง 85 กิโลเมตร ใช้เวลา 1 ชม. 20 นาที) เมืองสำคัญในภาคเหนือของประเทศอิตาลี ตั้งอยู่ในแคว้นที่ราบลอมบาร์ดีเป็น เมืองที่มีชื่อเสียงในด้านแฟชั่นและศิลปะ ซึ่งมิลานถูกจัดให้เป็นเมืองแฟชั่นในลักษณะเดียวกับ นิวยอร์ก ปารีส ลอนดอน และ โรม
  • นำท่านเดินทางเข้าสู่ลานจตุรัสบริเวณ มหาวิหารแห่งมิลานหรือมิลานดูโอโม (DUOMO) สัญลักษณ์ที่โดดเด่นที่สุดของเมืองซึ่งมีขนาดใหญ่โตมโหฬาร สร้างขึ้นด้วย หินอ่อนสีขาวในศิลปะแบบโกธิคใช้เวลาสร้างนานกว่า 500 ปีปัจจุบันเป็นโบสถ์แคธอล์ลิกที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกและเป็นมหาวิหารใหญ่อันดับ 4 ของโลก สูง 157 เมตรกว้าง 92 เมตรเริ่มสร้างในปีค.ศ. 1386 ใช้เวลาก่อสร้าง นานถึง 500 ปีชมความงดงามยอดปราสาทที่มีปลายยอดแหลมกว่า 135 ยอด                          File:Milano Italy Duomo-Milan-01.jpg - Wikimedia Commons
  • อิสระให้ทุกท่านช้อปปิ้งเลือกซื้อสินค้า บริเวณอาคารแกลเลอเรีย วิคตอริโอ เอมานูเอล 2  (Galleria Vittorio Emanuele II) เป็นห้างหรือศูนย์การค้าที่เก่าแก่ที่สุดในโลก อาคารนี้สวยงามมากๆ พอเข้าไปข้างใน ซึ่งเป็นอาเขตยิ่งสวยงาม เรียกว่าเป็นอาคารช้อปปิ้งที่สวยสุดแห่งหนึ่งของโลกก็ว่าได้ มีชื่อเรียกเล่นๆ ว่าเป็นห้องนั่งเล่นของเมืองมิลาน นอกจากจะมีสินค้าแบรนด์เนมขายแล้ว ยังมีร้านกาแฟที่เรียกกันว่าไซด์วอล์คคาเฟ่ สามารถนั่งจิบคาปูชิโน นั่งดูหนุ่มสาวแต่งกายด้วยเสื้อผ้าทันสมัยคลังภาพถ่ายฟรีของ galleria vittorio emanuele ii, การก่อสร้าง, การชมทิวทัศน์, การตกแต่ง, การท่องเที่ยว, งานปั้น, จากด้านล่าง, จุดสังเกต, จุดหมาย, ช็อปปิ้ง, ซุ้มประตู, ตกแต่งภายใน, ตอนกลางวัน, ถนน, ทางเดิน, น่าอัศจรรย์, บูติก, ประวัติศาสตร์, มรดก, มิลาน

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารไทย

  • จากนั้นได้เวลานำท่านเดินทางสู่สนามบิน
  • 23.00 น. ออกเดินทางสู่สนามบินโดฮา โดยสายการบินการ์ตาร์ แอร์เวย์ เที่ยวบิน QR118

***หมายเหตุ ไฟล์ทบินอาจมีการเปลี่ยนแปลง***

DAY12

โดฮา - สนามบินสุวรรณภูมิ - กรุงเทพฯ

  • 05.45 น. เดินทางถึงสนามบินโดฮา (แวะเปลี่ยนเครื่อง)
  • 08.30 น. ออกเดินทางสู่ สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสายการบินการ์ตาร์ เที่ยวบิน QR 828
  • 19.25 น. เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพมหานคร โดยสวัสดิภาพ


แชร์ให้เพื่อน