แกรนด์สเปน 12 วัน
รายละเอียดโปรแกรมทัวร์-แกรนด์สเปน 12 วัน
กำหนดการเดินทาง
รอบที่ | วันเดินทาง | ราคา |
---|---|---|
1 | 5 ก.พ. 68 - 16 ก.พ. 68 | 195,900 บาท |
2 | 5 มี.ค. 68 - 16 มี.ค. 68 | 195,900 บาท |
3 | 9 เม.ย. 68 - 20 เม.ย. 68 | 199,900 บาท |
4 | 23 เม.ย. 68 - 4 พ.ค. 68 | 199,900 บาท |
สถานที่สำคัญ
- 1ชมกรุง MADRID เมืองหลวงและเมืองท่องเที่ยวสำคัญของสเปน
- 2ชมเมือง BARCELONA เมืองท่องเที่ยวสำคัญของสเปน
- 3ชมพระราชวัง LA ALHAMBRA DE GRANADA แห่งเมืองกรานาด้า (UNESCO)
- 4ชมเมือง TOLEDO อดีตเมืองหลวงเก่าของสเปนสุดสวย (UNESCO)
- 5ชมป้อมปราการ ALCAZAR แห่งเมือง SEVILLE (UNESCO)
- 6ชมเมือง RONDA เมืองริมหน้าผาสุดสวย (UNSEEN)
- 7ชม สะพานส่งน้ำโรมัน แห่งเมือง SEGOVIA (UNESCO)
- 8ชม ALCAZAR OF SEVILLE ป้อมปราการสุดสวยแห่งเมืองเซวีลญ่า (UNESCO)
- 9ชม MEZQUITA OF CORDOBA สุเหร่าสุดสวยแห่งเมืองคอร์โดบา (UNESCO)
- 10ชมมหาวิหาร SAGRADA FAMILIA มหาวิหารสุดอลังการ ผลงานของศิลปินเกาดี้
- 11ชมหุบเขา MONTSERRAT มหาวิหารศักดิ์สิทธิ์ ในหุบเขา
- 12ชม GUELL PARK ผลงานศิลปินเกาดี้
- 13เข้าชม ROYAL PALACE พระราชวังหลวงสุดสวย
- 14สนุกสนานช้อปปิ้ง La Roca Outlet
สนามบินสุวรรณภูมิ - กรุงเทพฯ
- 23.00 น. คณะพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 เคาน์เตอร์ T ประตู 9-10 สายการบินเอมิเรตส์ แอร์ไลน์ (EK) เจ้าหน้าที่บริษัทฯ คอยให้การต้อนรับพร้อมอำนวยความสะดวก ด้านสัมภาระ และบัตรที่นั่งขึ้นเครื่อง
ดูไบ - กรุงมาดริด - ชมเมือง
- 02.00 น. ออกเดินทางสู่ นครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบิน EK 377
***หมายเหตุ ไฟล์ทบินอาจมีการเปลี่ยนแปลง***
- 06.00 น. เดินทางถึงสนามบินดูไบ (แวะเปลี่ยนเครื่อง)
- 07.25 น. ออกเดินทางสู่กรุงมาดริด ประเทศสเปน โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบิน EK141
- 12.40 น. เดินทางถึงกรุงมาดริด (MADRID) ประเทศสเปน
- นำท่านเดินทางสู่ กรุงมาดริด (MADRID) เมืองหลวงของประเทศสเปนเป็นมหานครอันทันสมัยล้ำยุค ที่ซึ่งกษัตริย์ฟิลลิปที่ 2 ได้ทรงย้ายที่ประทับจากเมืองโทเลโดมาไว้ที่นี่และประกาศให้มาดริดเป็นเมืองหลวงใหม่ มาดริดได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในโลก
- จากนั้นนำท่านผ่านชมน้ำพุไซเบเลส (Cibeles Fountain) ที่สร้างอุทิศให้แก่เทพธิดาไซเบลีน ใช้เป็นสถานที่เฉลิมฉลองในเทศกาลต่างๆของเมือง และอาคารสวยงามใกล้ๆกันคือที่ทำการไปรษณีย์
- ผ่านชมประตูชัยอาคาล่า (Puerta De Alcala) ที่สร้างถวายพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
EMPERADOR HOTEL MADRID หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว (พัก 2 คืน)
มาดริด - เซโกเวีย - มาดริด
รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก
- นําท่านเดินทางสูเมือง เซอโกเบีย (Segovia) (ระยะทาง 90 กม. ใช้เวลา 1.15 ชม.) เมืองท่องเที่ยวอีกเมืองหนึ่งของสเปน และยังได้รับการขึ้นทะเบียน (UNESCO) ยังได้ขึ้นทะเบียนให้เมืองนี้เป็นเมืองมรดกโลกในปี 1985
- ชมรางส่งน้ำโรมัน (Acueducto de Segovia) ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 1 โดยไม่มีการใช้กาวหรือวัสดุเชื่อมหิน แต่ละก้อนแต่อย่างใด จึงได้ รับการยกย่องว่าเป็นสิ่งก่อสร้างทางวิศวกรรมโดยชาวโรมันที่สำคัญที่สุดของสเปน และยังมีสภาพสมบูรณ์ที่สุดอีกด้วย รางส่งน้ำาประกอบขึ้นจากหินแกรนิตกว่า 25,000 ก้อน มีความยาว 818 เมตร มีโค้ง 170 โค้ง จุดที่สูงที่สุดสูงถึง 29 เมตร จุดเริ่มต้นของราง ส่งน้ำตั้งแต่นอกเมือง แล้วลําเลียงส่งน้าเข้ามาในเมือง รางส่งน้ำแห่งนี้ถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของเมืองเซอโกเบีย และเป็นไฮไลท์หลักของเมือง นําท่านเดินเล่นในเขตเมืองเก่า ซึ่งเต็มไปด้วยสินค้านานาชนิดตลอดสองข้างทาง อิสระให้ท่านเดินตามอัธยาศัย
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง เมนูหมูหันสเปน ต้นตำหรับ
- จากนั้นนำท่านเดินทางกลับสู่กรุงมาดริด (ระยะทาง 90 กม. ใช้เวลา 1.15 ชม.) นำท่านเดินเล่นชมตลาด Mercado de San Miguel เป็นตลาดสดในอาคารที่มีหลังคากระเบื้องสีน้ำตาลแดงและสีน้ำตาล มีความเก่าแก่ตั้งแต่ปี ค.ศ.1915 นอกจากจะเป็นที่ซื้อหาสินค้าประเภทอาหารสด ของกิน ดื่ม ถนนคนเดินแล้ว ตัวอาคารยังมีความน่าสนใจในแง่ศิลปะ สถาปัตยกรรมอาคารหลังโดดเด่นในย่านจัตุรัส San Miguel ใจกลางกรุงมาดริด ที่เป็นทำเลดีๆ ที่ชุมนุมของกลุ่มชนทั้งคนพื้นเมืองและนักท่องเที่ยว เป็นที่รู้กันว่า ที่นี่เป็นแหล่งรวมอาหารพร้อมรับประทาน ผัก ผลไม้ รวมถึงมีอาหารสดขาย จะกิน ดื่ม เที่ยว แต่ละร้านมีชื่อร้าน ขายอาหารแตกต่างกันไป ได้เห็นอาหารและวัฒนธรรมในด้านอาหารของสเปน ได้ลองซื้อรับประทานในราคาที่รับได้ มีอาหารทะเลอาหารพอดีคำ เบเกอรี่ และที่พบคืออาหารที่พร้อมรับประทาน เสียบเป็นไม้ๆ ขาย ไม่เฉพาะอาหารคาว แต่เป็นของกินเล่นที่แปลกเพราะมีทั้งผลไม้ดองเสียบไม้มาคู่กับพวกเนื้อ เครื่องใน และหอย น้ำผลไม้ ผสมสมุนไพร ที่ใส่วัตถุดิบเป็นแก้วๆ ให้เลือก แต่ละแก้วไม่เหมือนกัน เลือกแก้วที่ชอบแล้วให้ทางร้านปั่นให้สดๆ ขนมบางอย่างของที่นี่มีความน่าสนใจ เพราะมีหน้าตาคล้ายขนมไทยอย่างฝอยทองก็มี
- นำท่านเข้าสู่ พลาซ่า มายอร์ (Plaza Mayor) ใกล้เขตปูเอต้าเดลซอล หรือประตูพระอาทิตย์ซึ่งเป็น จัตุรัสใจกลางเมือง จุดนับกิโลเมตรแรกของสเปน (กิโลเมตรที่ศูนย์) ยังเป็นศูนย์กลางรถไฟใต้ดินและรถเมล์ทุกสาย และยังเป็นจุดตัดของถนนสายสำคัญของเมือง ที่หนาแน่นด้วยร้านค้าและห้างสรรพสินค้าใหญ่อีกด้วย
- จากนั้นนำท่านช้อปปิ้งย่าน SOL ซึ่งถือเป็นย่านที่มีร้านค้าหลากหลายทั้งแบรนด์ และสินค้าพื้นเมือง ร้านอาหารต่างๆ มากมาย อิสระให้ท่านช้อปปิ้งตามอัธยาศัย
- แวะถ่ายรูปกับอนุสาวรีย์หมีกับต้นมาโดรนา (El Oso y el Madroño) อันเป็นสัญลักษณ์ของเมือง
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารไทย
EMPERADOR HOTEL MADRID หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว
มาดริด - พระราชวังหลวง - โทเลโด
รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก
- นำท่านเข้าชม พระราชวังหลวง (Royal Palace) ซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขาริมฝั่งแม่น้ำแมนซานาเรส มีความสวยงามโอ่อ่าอลังการไม่แพ้พระราชวังใดในทวีปยุโรป พระราชวังหลวงแห่งนี้ถูกสร้างในปี ค.ศ. 1738 ด้วยหินทั้งหลังในสไตล์บาร็อค โดยการผสมผสานระหว่างศิลปะแบบฝรั่งเศสและอิตาเลียน ประกอบด้วยห้องต่างๆกว่า 2,830 ห้อง ซึ่งนอกจากจะมีการตกแต่งอย่างงดงามแล้ว ยังเป็นคลังเก็บภาพเขียนชิ้นสำคัญที่วาดโดยศิลปินในยุคนั้น รวมทั้งสิ่งของมีค่าต่างๆอาทิ พัดโบราณ, นาฬิกา, หนังสือ, เครื่องใช้, อาวุธ
หมายเหตุ : หากพระราชวังหลวงปิด ซึ่งทางพระราชวังจะไม่มีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้า หากปิดทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงเข้าชมสถานที่อื่นทดแทน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน
- นำท่านเดินทางสู่เมือง โทเลโด (Toledo) (ระยะทาง 70 กม. ใช้เวลา 1 ชม.) อดีตเมืองหลวงเก่าของสเปนตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 13 เป็นเมืองแห่งศูนย์กลางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของสเปน ชื่อเมืองหมายถึงการผสมผสานของ 3 วัฒนธรรม คริสเตียน, อิสลามและฮีบรู ตัวเมืองตั้งอยู่บนหน้าผาสูงเบื้องล่างล้อมรอบไปด้วยแม่น้ำตาโค (Tajo) ซึ่งเหมาะแก่การป้องกันการรุกรานจากข้าศึก ให้ท่านชื่นชมวิวทิวทัศน์สองข้างทาง
- นำท่านสู่เขตเมืองเก่า ผ่านประตูเมือง ปูเอร์ตาเดบิซากรา 1 ในประตูเมืองที่มีความสำคัญที่สุด
- นำท่านเข้าชม มหาวิหารโทเลโด (Toledo Cathedral) สถาปัตยกรรมแบบโกธิคที่ยิ่งใหญ่สวยงามแห่งหนึ่งของโลก ใช้เวลาสร้างยาวนาน แต่เดิมชาวมุสลิมใช้เป็นสุเหร่า ต่อมาได้ก่อสร้างรูปทรงแบบโกธิคในปี 1226 และเพิ่มศิลปะแบบมูเดฆาร์ บาร็อค และนีโอคลาสสิค จนแล้วเสร็จสมบูรณ์ในอีก 300 ปีถัดมา ภายในมีการตกแต่งอย่างงดงามวิจิตรด้วยไม้แกะสลักและภาพสลักหินอ่อน มุมด้านในเป็นอัลคาซาร์ ผลงานของสถาปนิกระดับสุดยอดในสมัยศตวรรษที่ 16 ได้รับการบูรณะและเป็นพิพิธภัณฑ์ในปัจจุบัน
หมายเหตุ : หากทางโบสถ์มีพิธีสำคัญ จะงดให้เข้าชมภายในจะให้ชมเพียงด้านนอกเท่านั้น
- จากนั้นนำท่านแวะถ่ายรูปบริเวณจุดชมวิวเพื่อชมทิวทัศน์ของเมืองโทเลโด ซึ่งเป็นทิวทัศน์ที่จิตรกรชื่อดังของสเปน เอล เกรโก (Ei Greco) ได้เคยจำลองลงบนแผ่นภาพอย่างสวยงาม
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
AC HOTEL BY MARRIOTT CIUDAD DE TOLEDO หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว
โทเลโด - คอร์โดบา - สุเหร่าเมซกีต้า - ชมเมือง
รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก
- นำท่านเดินทางสู่เมือง คอร์โดบา (Cordoba) (ระยะทาง 340 กม. ใช้เวลา 4 ชม.) ครั้งหนึ่งเคยถูก ครอบครองโดยชาวโรมันและชาวมัวร์จากอาหรับ เมืองคอร์โดบาตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำกัวดัลกีเบีย เป็นเมืองศูนย์กลางของวัฒนธรรมมุสลิมในประเทศสเปน องค์การยูเนสโก (UNESCO) ได้ประกาศให้เมืองคอร์โดบาเป็นเมืองมรดกโลกของประเทศสเปน เมืองนี้เป็นเมืองในระบบกาหลิบที่มีความเจริญรุ่งเรืองที่สุดของยุโรปในสมัยศตวรรษที่ 10 มีการสร้างมหาวิทยาลัยเน้นการเรียนรู้ด้านวรรณกรรมวิทยาศาสตร์ ปรัชญาและการแพทย์
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
- นำท่านเข้าชม สุเหร่าเมซกีต้า (Mezquita) ซึ่งมีประวัติศาสตร์การสร้างอันซับซ้อน เช่นเดียวกันการบอกเล่าเรื่องอำนาจ และประวัติศาสตร์ของเมือง จากการแรกเริ่มในศตวรรษที่ 6 คือโบสถ์คริสต์ของพวกวิสิกอธ (Visigoth) ก่อนที่จะกลายมาเป็นที่สร้างมัสยิดต่อมาในยุคที่อิสลามในช่วงปี 726 ถึงกลางศตวรรษที่ 13 โดยค่อยๆ ขยายพื่นที่ออกไปถึงสามครั้ง และกลับมาเป็นโบสถ์อีกครั้งหลังจากที่ กษัตริย์เฟอร์นานโดที่ 3 ของสเปน ที่ดัดแปลงมัสยิด Umayyard ที่งามวิจิตรและแท่นสวดมนต์ ให้กลายเป็นวิหารของพระคริสต์ และหอมินาเร็ต กลายมาเป็นหอระฆังที่ตระหง่านอยู่ทุกวันนี้ ภายในโบสถ์ที่มีเอกลักษณ์ด้วยซุ้มโค้งสลับสีขาวและแดงและเสาหินมากมาย ด้วยการใช้เสาหินจำนวนมากถึง 850 ต้น ต่อยอดเสาด้วยโครงสร้างคานโค้งแบบศิลปะโรมัน ผสมกับลวดลายแบบมัวริช ประดับด้วยเครื่องกระเบื้องเคลือบ อิฐ และหินฉลุลาย ทั่วทั้งอาคาร ด้านในสุดของมัสยิดจะสร้าง “มีหรับ” อันเป็นครื่องหมายแสดงทิศทางของเมืองเมกกะ ต่อมาเมื่อชาวคริสต์เข้ามายึดครองเมืองคอร์โดบา จึงได้มีการสร้างโบสถ์ขึ้นบริเวณกึ่งกลางของมัสยิด และสร้างหอระฆังสูง 93 เมตร ขึ้นในบริเวณสวนส้มและลานน้ำพุ
- นำท่านถ่ายรูปกับสะพานโรมันโบราณ Puento romano อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ
- จากนั้นนำท่านชมย่าน Calleja de las Flores หรือเรียกว่าถนนดอกไม้ โดยมีบ้านเรือนสีขาวน่ารักตกแต่งด้วยดอกไม้สวยงาม อิสระให้ท่านเดินเล่นชมเมืองเลือกซื้อของฝากตามอัธยาศัย
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
H10 PALACIO COLOMERA HOTEL CORDOBA หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว
คอร์โดบา - เซบีย่า - ชมโชว์ระบำฟลามิงโก
รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก
- จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง เซบีย่า (Seville) (ระยะทาง 145 กม. ใช้เวลา 1.45 ชม.) ซึ่งตั้งอยู่ในแคว้นอันดาลูเซีย เป็นเมืองที่มีมรดกทางวัฒนธรรม เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยความเขียวขจีพื้นที่โล่งสวนสาธารณะและสวนดอกไม้ งานเทศกาลที่จัดขึ้นในเมืองเซบีญ่าได้รับการกล่าวขานมากที่สุด เนื่องจากเป็นเมืองที่มีชีวิตชีวามากที่สุดในแคว้นอัลดาลูซีย เมืองนี้เคยอยู่ภายใต้การปกครองของแขกมัวร์มานานกว่า 800 ปี จึงได้รับอิทธิพลศิลปะแบบแขกมัวร์ค่อนข้างมาก ระหว่างให้ท่านได้ชมวิวทิวทัศน์สองข้างทาง
- จากนั้นนำท่านเข้าชม มหาวิหารแห่งเมืองเซบีย่า (Seville Catherdral) ซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสาม รองจากมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ที่กรุงโรม และเซนต์ปอลที่ลอนดอน และใหญ่ที่สุดในสเปน สร้างด้วยศิลปะแบบโกธิค โดยภายในตกแต่งได้อย่างวิจิตรตระการตา สร้างขึ้นแทนที่ตั้งของสุเหร่าเดิม โดยต้องการให้ยิ่งใหญ่แบบไม่มีใครเทียบเทียมได้ ในห้องเก็บทรัพย์สมบัติล้ำค่า มีทั้งภาพเขียน เครื่องใช้ในศาสนพิธี ที่ทำมาจากทองคำและเงินล้วนแต่ประเมินค่ามิได้ ตอนกลางโบสถ์เป็นที่ตั้งของสุสาน คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ซึ่งสร้างอย่างยิ่งใหญ่สมเกียรติยศ
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
- จากนั้นนำท่านเข้าชม ป้อมอัลคาซาร์ (Real Alcazar de Seville) หรือพระราชวังที่ประทับของสุลต่านที่มีการตกแต่งด้วย สถาปัตยกรรมแบบมัวริช ตั้งแต่ศตวรรษที่ 11 ได้อย่างวิจิตรบรรจงสวยงามยิ่งนัก ปัจจุบันยังเป็นที่ประทับของราชวงศ์แห่งสเปน โดยความสวยงามของพระราชวังและประวัติศาสตร์อันยาวนานทำให้พระราชวังแห่งนี้ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก (Unesco) ในปี ค.ศ. 1987
- จากนั้นนำท่านถ่ายรูปกับ หอคอย กิร์ลด้า (Giralda Tower) หอศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้เป็นหอคอยที่สร้างขึ้นโดยชาวมุสลิม เป็นตึกทรงรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าสูง 104.1 เมตร ติดกันกับมหาวิหารเป็นลานส้มและน้ำพุ เพื่อใช้ในพิธีชำระร่างกายของชาวมุสลิม (ท่านไหนมีความประสงค์จะขึ้นหอคอยชมวิว กรุณาติดต่อหัวหน้าทัวร์ ไม่แนะนำสำหรับผู้สูงอายุ)
- จากนั้นนำท่านเข้าสู่แลนด์มาร์คที่สำคัญอีกแห่ง Plaza De Espana จตุรัสอันใหญ่โตและงดงามประจำเมืองและติดอันดับจตุรัสที่สวยที่สุดในยุโรป สร้างขึ้นในปี 1928 ปัจจุบันเป็นที่นับพบปะของชาวเมือง เดินเล่นช้อปปิ้ง และจตุรัสแห่งนี้ยังเคยเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนต์เรื่อง Starwars อีกด้วย อิสระให้ท่านเดินเล่นตามอัธยาศัย
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง พร้อมชมโชว์ระบำฟลามิงโก FRAMINGO
MELIA HOTEL SEVILLE หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว
เซบีย่า - รอนดา - กรานาด้า
รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก
- จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง รอนดา (Ronda) (ระยะทาง 130 กม. ใช้เวลา 1.45 ชม.) เมืองเล็ก ๆ ในจังหวัดมาลากา แคว้นอันดาลูเซีย ทางตอนใต้ของประเทศสเปน คือหนึ่งในสถานที่ที่ซ่อนเสน่ห์และเอกลักษณ์เอาไว้ ทั้งความงดงามของธรรมชาติและกลิ่นอายวัฒนธรรมโบราณที่หลอมรวมกัน จนกลายเป็นหนึ่งในเมืองที่สวยที่สุดในสเปน และอาคารบ้านเรือนแทบทั้งเมืองเป็นสีขาว จึงได้ชื่อว่า El Pueblo Blanco โดยเมืองรอนดาถือกำเนิดขึ้นในยุคโรมันโบราณ นับย้อนไปได้ตั้งแต่ราว 200 ปี ก่อนคริสตกาล ต่อมาในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 15 -16 รอนดาตกอยู่ใต้อิทธิพลของอาณาจักรอาหรับ ทำให้สิ่งก่อสร้างในเมืองแห่งนี้มีความผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่างวัฒนธรรมโรมันโบราณ นีโอคลาสสิก คาธอลิก และอิสลาม ตัวเมืองตั้งอยู่ริมผา สูง 750 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล สิ่งที่โดดเด่นมากนอกจากนครสีขาวก็คือ สะพานหินโบราณ 3 แห่งอันเลื่องชื่อ นั่นก็คือ Puente Romano หรือ สะพานโรมัน สร้างในสมัยโรมันและถูกบูรณะในช่วงอิสลามรุ่งเรือง ต่อมาคือ Puente Viejo หรือ Puente San Miguel เรียกกันว่า สะพานเก่า และ Puente Nuevo หรือ สะพานใหม่ สร้างขึ้นในปี 1751 ความสูง 120 เมตร ทอดตัวเหนือโกรกธารที่ไหลตัดผ่านตัวเมือง และเมืองรอนดายังเป็นที่ตั้งของ Corrida Goyesca สนามแข่งวัวกระทิงที่เก่าแก่ที่สุดในสเปน
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
- นำท่านชมเมืองรอนดา ให้ท่านได้เพลิดเพลินกับบบรรยากาศความเก่าแก่ของเมือง
- จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ตัวเมือง กรานาด้า (GRANADA) (ระยะทาง 160 กม. ใช้เวลา 2 ชม.) อดีตเมืองหลวงเก่าของชาวมุสลิม ก่อนที่จะโดนยึดคืนจากพระนางอิซาเบลที่ 2 ในปี 1492 ตั้งอยู่ตีนเทือกเขาเซียร์ราเนวาดา (Sierra Nevada Mountains) ตรงบริเวณที่แม่น้ำดาร์โร (Darro) และแม่น้ำเฮนิล (Genil) มาบรรจบกัน ส่วนตัวเมืองนั้นตั้งอยู่ที่ระดับความสูงประมาณ 738 เมตร จากระดับน้ำทะเล จังหวัดกรานาดาอยู่ในแคว้นปกครองตนเองอันดาลูเซียของประเทศสเปน นอกจากนี้แล้ว เมืองกรานาด้ายังเป็นที่รู้จักกันดีในสเปนเนื่องจากเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยกรานาดาอันทรงเกียรติ รวมทั้งชีวิตกลางคืน ซึ่งจริง ๆ แล้วกล่าวกันว่าเมืองนี้เป็นหนึ่งในสามเมืองที่ดีที่สุดสำหรับเหล่านักศึกษา
- นำท่านไปยังเขต Albaicin ย่านที่เก่าแก่ที่สุดของเมืองกรานาดา เป็นย่านที่สมัยก่อนเป้นที่อยู่อาศัยของชาวมุสลิมและพวกแขกมัวร์มาก่อน ย่านนี้จึงมีสิ่งก่อสร้างสวยๆเก่าแก่มากมาย
- นำท่านขึ้นชมวิว ณ Mirador de San Nicolas ลานหน้าโบสถ์ Iglesia de San Nicolas เป็นจุดชมวิวที่ท่านมาเยือนกรานาดาไม่ควรพลาด เพราะท่านจะสามารถเก็บภาพของพระราชวัง Alhambra เป็นฉากหลัง
- อิสระให้ท่านเก็บภาพความประทับใจตามอัธยาศัย
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
MELIA HOTEL GRANADA หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว (พัก 2 คืน)
กรานาด้า - พระราชวังอัล ฮัมบรา - ชมเมือง
รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก
- นำท่านเข้าชม พระราชวังอาลัมบรา (Alhambra) ตั้งตระหง่านอยู่บนเนินเขา al-Sabika บนฝั่งซ้ายของแม่น้ำ Darro ทางทิศตะวันตกของเมืองกรานาดา แคว้นอันดาลูเซีย ของสเปน ถือเป็นพระราชวังและป้อมปราการที่อยู่บนจุดยุทธศาสตร์สำคัญ สามารถมองเห็นเมืองได้ทั้งเมืองสุดลูกหูลูกตา ที่มาของชื่อ Alhambra มาจากป้อมปราการแห่งนี้สร้างมาจากอิฐ ดิน หิน ที่รวมกันเป็นสีแดง เพราะในภาษาอาหรับ “qa’lat al-Hamra'” หมายถึง ปราสาทสีแดง โดยประวัติศาสตร์เกี่ยวกับอาลัมบรามีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 9 และอ้างถึง Sawwar ben Hamdun ซึ่งในปี 889 ต้องไปลี้ภัยใน Alcazaba ปล่อยให้ป้อมปราการแห่งนี้ทรุดโทรม จนกระทั่งในศตวรรษที่ 13 ที่การมาถึงของราชวงศ์ Nasrid ราชวงศ์มุสลิมสุดท้ายในสเปน ถือเป็นจุดเริ่มต้นของช่วงเวลาอันรุ่งโรจน์ที่สุดของป้อมปราการที่ดัดแปลงมาสู่ปราสาทอันวิจิตรปราสาทมีการต่อเติม บูรณะเรื่อยมา จนถึงยุคของสุลต่านยูซุฟที่หนึ่ง ต่อเนื่องมาถึงมูฮีมเหม็ดที่สี่ ในช่วงศตวรรษที่ 14 ที่ พระราชวังอาลัมบรา มีความงดงามอย่างสมบูรณ์ เป็นผลงานที่อวดความอลังการของสถาปัตยกรรมมัวร์ ในดินแดนสเปน แต่หลังจากนั้นในศตวรรษที่ 15 สงครามศาสนาก็ทำให้ปราสาทเปลี่ยนมือมาสู่การเป็นพระราชวังของกษัตริย์คาทอลิก แต่สงครามและกาลเวลาก็เป็นปัจจัยของความเปลี่ยนแปลง จนถึงศตวรรษที่ 18 อาลัมบราก็เหลือเพียงความทรุดโทรมถูกทิ้งร้าง บางส่วนเสียหาย กลายเป็นที่อาศัยของคนจร แต่ก็เป็นความโชคดีที่ความงามของโครงสร้างยังอยู่ครบ ทำให้ช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ทางการเข้ามาบูรณะเพื่อให้เป็นอนุสรณ์สถานแห่งชาติ ก่อนที่ พระราชวังอาลัมบรา จะได้รับสถานะเป็นมรดกโลก (UNESCO) เมื่อปี 1984 พระราชวังบนเนินเขาแห่งนี้ครอบคลุมพื้นที่ราว 81.25 ไร่ ตัวพระราชวังตั้งอยู่บนเนินเขาหินขนาดใหญ่ ล้อมรอบด้วยกำแพงและป้อมปราการ 13 ป้อม ด้วยภูมิประเทศเช่นนี้ ทำให้ยากต่อการเข้าโจมตี ซึ่งด้วยเหตุนี้ทำให้กรานาดาสามารถต่อต้านกองทัพคริสเตียนได้กว่า 200 ปี
- ชมพระราชวังของพระเจ้าชาร์ลที่ 5 (Palace of Charles V) เป็นพระราชวังยุคเรอเนซองส์ ตั้งอยู่ในอาลัมบลา สร้างขึ้นในศตวรรษที่16 โดยจักรพรรดิแห่งโรมัน (Charles V)
- นำท่านเข้าชมเริ่มจาก Palacios Nazaries หรือ Nazareth Palaces คือพระราชวังของ Al-Hamarแห่งกรานาดา ในศตวรรษที่ 13 และบ้านของ Nasrid ราชวงศ์ของ Sultans จนถึงศตวรรษที่ 15 พระราชวัง Nasrid อันงดงามเหล่านี้แสดงถึงความงามของสถาปัตยกรรมอิสลามและเป็นเกียรติของ Alhambra การตกแต่งภายในอันงดงามประณีต เต็มไปด้วยการปูกระเบื้องอิสลามฟุ่มเฟือยและงานปูนปั้นประดับตกแต่งอย่างประณีตที่สวยงามวางในสามส่วน Palacios Nazaries ถูกสร้างขึ้นจาก Palacio Real (Royal Palace), Palacio de Comares (พระราชวังของห้องพิธี) และ Palacio de los Leones (พระราชวังของสิงโต ) ในแต่ละส่วนห้องพักทุกห้องจะเปิดสู่ลานกลางในสไตล์ Andalusian อันเป็นเอกลักษณ์ ในส่วนของพระราชวัง The Nasrid palaces ก็มีการแบ่งเพื่อใช้สำหรับการบริหารงานยุติธรรมและงานของรัฐอีกด้วย ส่วน The Comares Palace จะเป็นที่พำนักอย่างเป็นทางการของสุลต่านที่ประกอบด้วยหลายห้อง และมีพื้นที่กลางแจ้งที่มีสระน้ำขนาดใหญ่เรียงรายไปด้วยพุ่มไม้ต่างๆ The Palace of the Lions จะเป็นพื้นที่ส่วนตัวของกษัตริย์และครอบครัว
- ชมสวนลอยฟ้า Palacio del Generalife เป็นพระราชวังฤดูร้อนของมัวร์คิงส์ซึ่งเสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ. 1319 ระหว่างรัชสมัยของ Ismail I. พระราชวัง Generalife Palace มีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุดในบรรดาสวนอันเขียวชอุ่ม บริเวณที่มีภูมิทัศน์ที่สวยงามเพิ่มขึ้นเนินเขาชวนให้นึกถึงสวนของ วิลล่าสไตล์เรอเนสซองส์สไตล์อิตาเลียนที่มีระเบียงถ้ำดอกไม้ประดับประดาและประดับประดาอย่างพิถีพิถัน ลักษณะเด่นที่สุดของสวนคือการใช้น้ำในเลนน้ำและน้ำพุตกแต่ง ความอุดมสมบูรณ์ของน้ำเป็นสัญลักษณ์แห่งความร่ำรวยของทุ่งและน้ำพุเป็นเครื่องแสดงที่ฟุ่มเฟือย ส่วนสุดท้าย Alcazaba คือส่วนที่ซากของป้อมปราการถือที่ว่าเป็นส่วนที่เก่าแก่ที่สุด ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 13 จากบริเวณทางเดินบนป้อมปราการท่านสามารถชมวิวเมือง กรานาดา ได้ทั้งฝั่ง Granada Catherdral และฝั่งเขต Albaicin ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของมรดกโลกควบคู่กับพระราชวังอาลัมบราอีกด้วย
***หมายเหตุ รอบเข้าชม มีจำกัดและเต็มตลอดทั้งปี ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม***
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
- จากนั้นนำท่านสู่จัตุรัสกลางเมือง นำท่านเข้าชมมหาวิหารแห่งกรานาดา (Catherdral of Granada) มหาวิหารแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 16 โดยถูกสร้างขึ้นบนสถานที่ๆเคยเป็นมัสยิดหลวงซึ่งเคยถูกปกครองโดยชาวมุสลิมมาก่อน ศิลปะถูกสร้างขึ้นแบบ Spanish Renaissance ถือเป็นผลงานศิลปะอันยอดเยี่ยมของประเทศสเปนเลยก็ว่าได้ แต่ด้วยระยะเวลาในการสร้างมหาวิหารใช้เวลาเกือบ 200 ปี จึงมีการผสมผสานหลากหลาย ทำให้เป็นมหาวิหารที่มีความสวยงาม เป็นอย่างยิ่ง
- จากนั้นอิสระให้ท่านเดินเล่นชมเมืองหรือเลือกซื้อสินค้าของฝากตามอัธยาศัย
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
MELIA HOTEL GRANADA หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว
กรานาด้า -บินภายในสู่ บาร์เซโลน่า - ชมเมือง
รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก
- นำท่านเดินทางสู่สนามบินกรานาด้า
- …. น. จากนั้นนำออกเดินทางสู่เมืองบาร์เซโลน่า โดยสายการบิน…. เที่ยวบินที่….
***หมายเหตุ ไฟล์ทบินอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม***
- ….น. เดินทางถึงเมืองบาร์เซโลน่า หลังจากรับสัมภาระเรียบร้อยแล้ว
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารไทย
- ผ่านชม มองต์จูอิค (Mont Juic) เป็นเนินเขาในบาร์เซโลน่าที่มีทัศนียภาพอันงดงาม ทางด้านตะวันออกของเนินเขายังมีหน้าผาสูงชันซึ่งทำหน้าที่เป็นดั่งกำแพงเมือง ส่วนด้านบนนั้นเป็นที่ตั้งของป้อมปราการหลายแห่ง ซึ่งในปัจจุบันที่เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยว ได้แก่ Palau Nacional ที่มีความงดงามด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์นีโอบาโรก ซึ่งแต่เดิมนั้นถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นสถานที่สำหรับจัดนิทรรศการต่าง ๆ และปัจจุบันมันได้กลายเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กของบาร์เซโลน่าที่ทุกคนจะต้องแวะมาแชะภาพคู่กับมันด้วย และด้านหน้ายังมีน้ำพุ Font Magica de Montjuic ที่นักท่องเที่ยวต่างถ่ายรูป
- จากนั้นนำท่านเดินเล่น ถนนลารัมบลา (La Rambla) ถนนสายเล็กๆ ที่มีความยาวเพียง 1.2 กิโลเมตร แต่มีสีสันเสน่ห์น่าประทับใจทั้งกลางวันและกลางคืน อิสระให้ท่านได้ช้อปปิ้งตามอัธยาศัย
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
HILTON BARCELONA HOTEL หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว (พัก 2 คืน)
บาร์เซโลนา - มหาวิหารมอนต์เซอร์รัต - บาร์เซโลนา
รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก
- จากนั้นนำท่านเดินทางไปชม มหาวิหารซานตามาเรีย มอนต์เซอร์รัต (Santa Maria de Montserrat) (ระยะทาง 60 กม. ใช้เวลา 1 ชม.) อีกหนึ่งมหาวิหารศักดิ์สิทธิ์ที่ตั้งอยู่บนระดับความสูง 1,236 เมตรที่ตั้งอยู่ในหุบเขามอนต์เซอร์รัต (Montserrat Mountain) ซานตามาเรีย เดอ มอนต์เซอร์รัต ได้กลายเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจากทั้งในและต่างประเทศ เนื่องจากภายในมหาวิหารยังเป็นที่ประดิษฐานของรูปปั้นพระแม่มารีดำ (Black Madonna หรือ black virgin) และยังมีความเชื่อว่า ในบริเวณมหาวิหารหรือในหุบเขาแห่งนี้ อาจเป็นที่ซ่อนของจอกศักดิ์สิทธิ์ตามตำนานความเชื่อในศาสนาคริสต์อีกด้วย นำท่านชมภายในวิหาร จากนั้นอิสระให้ท่านเก็บภาพความประทับใจ ให้ท่านได้ชื่นชมภายในมหาวิหารอังยิ่งใหญ่นี้
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
- จากนั้นนำท่านเดินทางกลับสู่เมืองบาเซโลน่า นำท่านชมเมือง บาร์เซโลน่า(Barcelona) เมืองใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศสเปน และเป็นเมืองหลวงแห่งแคว้น คาตาโลเนีย และเป็นท่าเรือสำคัญที่สุดในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
- จากนั้นนำท่านถ่ายรูปด้านนอกกับอาคาร Casa Milà ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1906 เป็นผลงานชิ้นสุดท้ายของอันตอนี เกาดี
- นำท่านแวะถ่ายรูปกับ คาซ่า บัตโล่ (Casa Batllo) นั้นถือได้ว่าเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงที่สร้างชื่อเสียงให้กับอันตอนี เกาดี (Antoni Gaud) โดยบ้านแห่งนี้เป็นของตระกูลบัตโล่นั่นเองครับ ด้วยการรังสรรค์สถาปัตยกรรมที่แปลกแหวกทุกแนว คิดดูว่าใครจะสร้างบ้านโดยแอบเอาความกระดูกมาผสมผสาน แต่ถึงจะแปลกแต่ก็ลงตัวอย่างเหลือเชื่อ ทุกส่วนมีความน่าสนใจของตัวมันเองอย่างเสาก็จะเป็นมังกรแบบทำให้เป็นเกล็ดๆเรียลๆ หลายๆส่วนก็ยังถูกออกแบบให้มีรูปทรงคล้ายมังกร บ้านหลังนี้เรียกได้ว่ามีลายเซ็นของอันตอนี เกาดีอย่างชัดเจน
- จากนั้นนำท่านสู่ถนน Passeig de Gracia ถนนสายช้อปปิ้งที่สำคัญและดีที่สุดในเมืองบาเซโลน่าโดยสองข้างทางจะเต็มไปด้วย shop สินค้าทั้งแบรนด์ไฮเอน และแบรนด์ท้องถิ่น เช่น Chanel , Louis Vuitton, Gucci ,Burberry, Zara , H&M เป็นต้น
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
HILTON BARCELONA HOTEL หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว
บาร์เซโลนา - สวนสาธารณะกูเอล - มหาวิหารซากราดา แฟมิเลีย - ช้อปปิ้ง La Roca Outlet
รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก
- จากนั้นนำท่านชม กรุงบาร์เซโลนา (Barcelona) เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของสถาปัตยกรรมหลากยุคสมัย มีสวนสาธารณะสิ่งแวดล้อมและการวางผังเมืองที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว ชมผลงานก่อสร้างในศิลปะแบบอาร์ตนูโว ที่แสดงความงดงามอย่างมีชีวิตชีวา โดยฝีมือของศิลปินผู้ยิ่งใหญ่นาม อันโตนีโอ เกาดี้ (Antonio Gaudi) ผู้ที่ทำให้เมืองบาร์เซโลนา ได้รับฉายาว่า “City of Gaudi”
- นำท่านเข้าชม “สวนสาธารณะกูเอล” (Guell Park) ณ เชิงเขาคาร์เมล อันเป็นผลงานในปี ค.ศ. 1900 ของ “เกาดี้” ซึ่งใช้เวลาออกแบบตกแต่ง และเนรมิตร ความยิ่งใหญ่ของจินตนาการ ที่นำมาประยุกต์กับธรรมชาติ อย่างยาวนานถึง 14 ปี เพลิดเพลินกับจุดชมวิวบน ระเบียงนั่งเล่น (Serpentine Bench) ที่ประดับตกแต่งลวดลายด้วยกระเบื้องโมเสกนับล้านชิ้น สวนลอยฟ้าที่มี “เสาโดริก” รองรับอย่างสวยงาม ชมประติมากรรม “มังกรโมเสก” Mosaic Dragon ไต่คลานบนบันไดน้ำพุ เป็นขวัญใจของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก
- อิสระให้ท่านชื่นชมผลงานตามอัธยาศัย
- จากนั้นนำท่านเข้าชม มหาวิหารซากราดา แฟมิเลีย (Sagrada Familia) สัญลักษณ์แห่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สูงใหญ่ถึง 170 เมตร ออกแบบก่อสร้างอย่างสวยงามแปลกตา ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1882 เป็นผลงานชั้นยอดที่แสดงถึงอัจฉริยภาพของ อันโตนี เกาดี้ สถาปนิกผู้เลื่องชื่อ มหาวิหารแห่งนี้ ตั้งอยู่บนถนน Carrer de Mallorca งานชิ้นนี้มีความแปลกตาจากงาน ชิ้นอื่นของเกาดี้ ตรงสีสันอันเรียบนิ่งแบบโทนสีธรรมชาติ ให้ความรู้สึกที่สงบผ่อนคลายและเยือกเย็น เพราะความที่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และยังคงรายละเอียดไว้อย่างดี ดูจากลวดลายสลักเสลาที่ด้านนอกตัวโบสถ์และภายใน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงแรงศรัทธาในศาสนาอย่างท่วมท้น สมกับเป็นงานชิ้นสุดท้ายที่เขาอุทิศตนให้กับศาสนจักร ปัจจุบันมหาวิหารแห่งนี้ยังคงดำเนินการก่อสร้าง และ คาดว่าจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ใน ปี ค.ศ. 2026 อิสระให้ท่านได้บันทึกภาพความยิ่งใหญ่ของมหาวิหารที่ยังไม่แล้วเสร็จแห่งนี้
***หมายเหตุ รอบเข้าชม มีจำกัดและเต็มตลอดทั้งปี ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม***
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน
- จากนั้นนำท่านช้อปปิ้ง ลา โรคค่า เอาท์เลต (La Roca Village Shopping Center) เอาท์เลตแบรนด์เนมขนาดใหญ่ใกล้เมืองบาร์เซโลน่า จุใจกับสินค้าแบรนด์เนมมากมาย อาทิ เช่น Camper, Coach, Gucci, Guess, G-Star, Lacoste, Loewe, MAxMara, Ray Ban, Samsonite, Tag Heuer, Timberland, Versace, etc. อิสระให้ท่านช้อปปิ้งตามอัธยาศัย
อิสระอาหารค่ำ ณ แหล่งช้อปปิ้งตามอัธยาศัย
- จากนั้นได้เวลานำท่านเดินทางสู่สนามบิน เพื่อมีเวลาให้ท่านทำ Tax Refund
- 20.25 น. ออกเดินทางสู่กรุงเทพฯ โดยสายการบินเอมิเรตส์ แอร์ไลน์ (EK) เที่ยวบินที่ EK188
ดูไบ - สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ
- 05.55 น. เดินทางถึงสนามบินดูไบ (แวะเปลี่ยนเครื่อง)
- 08.55 น. ออกเดินทางสู่กรุงเทพฯ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบิน EK 370
- 18.05 น. เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ