ทัวร์เยอรมัน – ฝรั่งเศส


Tour by HappyLongway

รายละเอียดโปรแกรมทัวร์-ทัวร์เยอรมัน – ฝรั่งเศส

รหัสทัวร์ : PRETTY VILLAGES IN GERMANY & FRANCE 11 DAYS (TG)
ระยะเวลา 11 วัน 8 คืน
สายการบิน : Thai Airways (TG)

กำหนดการเดินทาง

รอบที่ วันเดินทาง ราคา
1 10 ก.ย. 68 - 20 ก.ย. 68 189,900 บาท
2 15 ต.ค. 68 - 25 ต.ค. 68 189,900 บาท

สถานที่สำคัญ

  • 1
    ชมปราสาท Hohenzollen Castle เป็น เป็น 1 ใน 3 ปราสาทที่สวยที่สุดในเยอรมัน (UNSEEN)
  • 2
    ชมปราสาท Lichtenstein Castle เป็นหนึ่งปราสาท UNSEEN ของเยอรมัน
  • 3
    ชมหมู่บ้าน Rothenburg ob der Tauber หมู่บ้านที่ได้ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดของเยอรมัน เส้นทาง Romantic Road
  • 4
    ชมหมู่บ้าน Gengenbach / Schiltach หมู่บ้านที่ได้ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดในป่าดำ (UNSEEN)
  • 5
    ชมหมู่บ้าน Dinkelsbühl / Nordlingen หมู่บ้านสีลูกกวาดของเยอรมัน เส้นทางสาย Romantic Road (UNSEEN)
  • 6
    ชม World's Largest Cuckoo Clock นาฬิกากุ๊กกูที่ใหญ่ที่สุดในโลก เมือง Triberg แห่งป่าดำ (UNSEEN)
  • 7
    ชมหมู่บ้าน Essingen an Neckar หนึ่งในเมืองสวยของรัฐบาเดน (UNSEEN)
  • 8
    ชมเมือง Heppenheim เมืองเล็กๆน่ารัก อายุกว่า 1,000 ปี (UNSEEN)
  • 9
    ชมเมือง Idstein เมืองเล็ก ๆน่ารัก เมืองที่ได้รับการอนุรักษ์บ้านทรงไม้สุดสวยของเยอรมัน (UNSEEN)
  • 10
    ชมหมู่บ้าน Colmar / Riquewihr / Eguisheim / Strasbourg แคว้น ALSACE ของประเทศฝรั่งเศส
  • 11
    ชมเมือง Ulm เมืองที่มีโบสถ์เคยสูงที่สุดในยุโรป (UNSEEN)
  • 12
    ชมเมือง Baden Baden ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองสปาที่ดีทีสุดของยุโรป (UNSEEN)
  • 13
    ชมเมือง Stuttgart และ พิพิธภัณฑ์รถยนต์ Porche Museum
  • 14
    ชมเมือง Titisee เมืองแห่งต้นทางป่าดำแห่งเยอรมัน แหล่งผลิตนาฬิกากุ๊กกู ชื่อดัง
  • 15
    ชมเมือง Wurzburg เมืองแห่งการผลิตไวน์ เส้นทางสาย Romantic Road
  • 16
    ชมเมือง Heidelberg และปราสาท Heidelberg Castle ขึ้นชื่อว่า ปราสาทซากปรักหักพังที่สวยที่สุดในโลก
  • 17
    ชมเมือง Frankfurt หนึ่งในเมืองธุรกิจของประเทศเยอรมัน
  • 18
    ช้อปปิ้งแบรนด์เนมราคาพิเศษ OUTLET CITY METZINGEN

HappyLongWay
ขอนำเสนอโปรแกรมทัวร์ยุโรป
ทัวร์เยอรมัน – ฝรั่งเศส 11 วัน 8 คืน
ป่าดำ – บาเดน – อัลซาส – เส้นทางโรแมนติค
โดยสายการบิน การบินไทย (TG)

DAY1

สนามบินสุวรรณภูมิ - กรุงเทพมหานคร

  • 20.00 น. คณะพร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 ประตูทางหมายเลข 4 สายการบินไทย เคาน์เตอร์ H  พบเจ้าหน้าที่บริษัทอำนวยความสะดวกโปรดสังเกตป้าย HAPPYLONGWAY
  • 23.45 น. ออกเดินทางบินตรงสู่แฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมัน โดยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 920
DAY2

แฟรงก์เฟิร์ต - เฮพเพนไฮม์ - ไฮเดลเบิร์ก - บาเดน บาเดน

  • 06.15 น. เดินทางถึง สนามบินแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมันนี
  • นำท่านเดินทางออกสู่เมือง เฮพเพนไฮม์ (Heppenheim) เมืองเล็กๆ ทางตอนใต้ของเยอรมัน เป็นเมืองเก่าแก่กว่า 1,000ปีบ้านเรือนสไตล์ Half-Timbered house ที่ยังคงถูกอนุรักษ์ไว้อย่างดี (ระยะทาง 60 กิโลเมตร ใช้เวลา 1 ชม.) เมืองเฮพเพนไฮม์ เป็นที่ตั้งของเขต Bergstraße ตั้งอยู่ริม Odenwald เป็นบ้านเกิดของ Sebastian Vettel แชมป์โลก Formula One สี่สมัย เป็นแหล่งปลูกองุ่นและผลิตไวน์ที่มีชื่อเสียงFile:20060408-Heppenheim Rathaus AM.jpg - Wikimedia Commons
  • นำท่านชมจัตุรัสเมืองเก่าอันสวยงาม ให้ท่านเดินเล่นถ่ายรูปหรือเลือกซื้อสินค้าที่ระลึกตามอัธยาศัย
  • จากนั้นนำท่านออกเดินทางสู่เมือง ไฮเดลเบิร์ก (Heidelberg) (ระยะทาง 35 กิโลเมตร ใช้เวลา 40 นาที)ตั้งอยู่ในรัฐ Baden-Wurttemburg ทางใต้ของแฟรงค์เฟิร์ตเป็นเมืองที่มีบรรยากาศสวยงามริมฝั่งแม่น้ำเน็คคาร์ (Neckar) โดยมีปราสาทไฮเดลเบิร์กตั้งอยู่บนเชิงเขา                                                    พื้นหลังไฮเดลเบิร์ก เยอรมนี การท่องเที่ยว ปราสาทไฮเดลเบิร์ก ฤดูใบไม้ร่วง รูปถ่าย และรูปภาพสำหรับดาวน์โหลดฟรี - Pngtree
  • จากนั้นนำท่านเข้าชม ปราสาทไฮเดลเบิร์ก (Heidelberg Castle) ซึ่งตั้งอยู่บนเขาแบร์กบาห์ ปราสาทแห่งนี้ใช้เวลาสร้างนานถึง 400 ปีจึงเสร็จสมบูรณ์ สถาปัตยกรรมที่เห็นจึงมีหลากหลายตามยุค โดยเริ่มก่อสร้างจากยุคโกธิค ในศตวรรษที่ 12 โดยพระเจ้ารูเพรชท์ที่ 3 ปราสาทได้รับความาเสียหายในปี 1622 ซึ่งอยู่ในช่วงสงคราม30ปีและมาถูกเผาทำลายถึง 2ครึ่งในปี 1689และ 1693 ในสงครามกับฝรั่งเศส จึงเหลือตาซากปรักหักพัง และได้การยอมรับว่านี้คือซากปรักหักพังของปราสามที่สวยงามที่สุดในโลก
  • นำท่านชมวิวจากจุดชมวิวบนตัวปราสาท ท่านจะมองเห็นเมืองไฮเดลเบิร์กได้อย่างสวยงาม
  • นำท่านชมเก็บ ถังไวน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยขนาดความจุราว 222,000 ลิตร
  • จากนั้นนำท่านลงสู่ตัวเมืองเก่าของไฮเดลเบิร์ก

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

  • นำท่านชมสะพานเก่าอัลเทอบรุค (Alte Brucke) เป็นสะพานข้ามแม่น้ำเน็คคาร์ ที่ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 18 เมื่อเดินข้ามสะพานไปแล้วมองหันกลับมาท่านจะเห็ปราสาทไฮเดลเบิร์กสีชมพูอมแดงตั้งโดดเด่นเหนือตัวเมืองไฮเดลเบิร์ก
  • นำท่านชมรูปปั้นลิง บนตัวสะพานที่มีความเชื่อว่าหากได้มาสัมผัสรูปปั้นลิงนี้จะได้กลับมาเยือนอีกครั้งหนึ่งHeidelberg | SUYTES Business Studios
  • จากนั้นนำท่านเดินเข้าสู่ จตุรัสมาร์คพลัทซ์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของโบสถ์ไฮลิก ไกสท์เคียร์เค่อ โบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 14 เป็นศิลปะแบบโกธิค
  • จากนั้นนำท่านเดินเล่นถนนคนเดิน Hauptstrasse ถนนนี้เป็นถนนสายหลักของเมือง สถานที่ท่องเที่ยวของเมืองส่วนใหญ่ก็ตั้งอยู่ตามสองข้างทางของเมืองให้ดูกันไปเรื่อย ๆ แน่นอนว่าเมื่อเป็นถนนสายหลัก สองข้างทางก็ต้องเต็มไปด้วยแหล่ง Shopping และของกิน                                                      Heidelberg: Hauptstraße | Heidelberg (Germany) | Jorge Franganillo | Flickr
  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ บาเดน-บาเดน (Baden-Baden) (ระยะทาง 90 กม. ใช้เวลาประมาณ 1 ชม.) เป็นเมืองในหุบเขาตั้งอยู่ในรัฐบาเดิน-เวือร์ทเทิมแบร์ค ประเทศเยอรมนี ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของทิวเขาป่าดำ บริเวณพรมแดนใกล้กับประเทศฝรั่งเศส เมืองนี้มีชื่อเสียงในด้านสปา คำว่าบาเดินเป็นคำนามซึ่งตรงกับคำในภาษาอังกฤษว่าเบดิง (Bathing) ที่แปลว่าการอาบน้ำ ประวัติศาสตร์ของบาเดิน-บาเดินสามารถย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยจักรพรรดิฮาดริอานุสแห่งโรมัน มีการขุดค้นพบซากอ่างอาบน้ำโรมันใน ค.ศ. 1847 ใน พ.ศ. 2450 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จประพาสเมืองนี้เพื่อรักษาพระองค์แบบธาราบำบัดตามคำแนะนำของแพทย์หลวงชาวเยอรมัน ได้ชื่อว่าเป็นเมืองสปาที่ดีที่สุดในยุโรป                                                                                                                      File:Baden Baden Panorama Kurpark.jpg - Wikimedia Commons
  • นำท่านชม Trinkhalle ในคอมเพล็กซ์สปา Kurhaus ในเมือง Baden-Baden ประเทศเยอรมนีสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1839–42 โดย Heinrich Hübsch ในรูปแบบสถาปัตยกรรมเสริมเป็นอาคารหลักของสปา อาร์เคดยาว 90 เมตรเรียงรายไปด้วยจิตรกรรมฝาผนังและม้านั่ง ว่ากันว่าน้ำสปามีพลังบำบัดนำ
  • ท่านเดินเล่นชมเมืองบาเดน บาเดน ให้ท่านได้เลือกซื้อสินค้าของฝากตามอัธยาศัยหรือท่านใดจะเลือกพักผ่อนแช่น้ำแร่ที่โรงแรม หรือจะลองแช่น้ำแร่ ณ บ่อสาธารณะ (สำหรับบ่อสาธารณะมีค่าใช้จ่ายไม่รวมในค่าทัวร์)

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
LEONARDO ROYAL HOTEL BADEN- BADEN หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว

DAY3

บาเดน บาเดน - ไฟรบวร์ก - สตราสบูร์ก

รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก

  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองไฟรบวร์ก อิมไบรส์เกา หรือ ไฟรบูร์ก อิม ไบรส์เกา (Freiburg im Breisgau) (ระยะทาง 110 กม. ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. 30 นาที) คืออีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงทางด้านการท่องเที่ยวมากเมืองหนึ่งของประเทศเยอรมนี โดยเมืองถูกก่อตั้งขึ้นในปี 1120 และเป็นหนึ่งใน เป็นเมืองขนาดกลางที่ตั้งอยู่ใจกลางของศูนย์กลางการทำไวน์ โดยตัวเมืองนั้นตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ อยู่ระหว่างแม่น้ำไดรซัม (Dreisam River) ที่เชิงเขาด้านตะวันตกสุดของแบล็กฟอเรสต์ หรือ ป่าดำ (Black Forest) โดยภายในเมืองยังเป็นที่ตั้งของมหาวิหารยุคกลางและมหาวิทยาลัยเก่าแก่ที่มีชื่อเสียง ปัจจุบันเมืองไฟรบวร์กกลายเป็นเมืองเก่าที่มีชื่อเสียงด้านความสวยงาม และยังเป็นเมืองที่มีแดดและอบอุ่นที่สุดในเยอรมนีอีกด้วย
  • นำท่านชมโบสถ์ Freiburg Muenster เป็นโบสถ์ใหญ่ประจำเมืองที่ใช้เวลาสร้างนานถึง 313 ปี และมีความสูงถึง 116 เมตร โบสถ์นี้รอดพ้นจากการทิ้งระเบิดของฝ่ายสัมพันธมิตรในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้อย่างเหลือเชื่อ ทั้งที่ตัวเมืองถูกทำลายลงถึง 90%                                              Freiburger Münster | Freiburg im Breisgau (Baden-Württemberg… | Jorge Franganillo | Flickr
  • จากนั้นนำท่านเดินเล่นถนนที่สวยสุดของเมืองที่เรียกว่า Konviktstrasse เป็นบริเวณที่มีร้านค้ามากมาย มีไม้เลื้อยขึ้นตามบ้าน ทำให้ถนนเส้นนี้น่ารักยิ่งขึ้นไปอีก ละถือเป็นไฮไลท์ของเมืองแห่งนี้คือ รางน้ำเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ริมถนนเกือบทุกเส้นในเมือง สร้างขึ้นในสมัยยุคกลางเป็นที่ระบายของเสีย ดับไฟ และใช้ป้องกันไม่ให้ไฟลามตอนเกิดไฟไหม้ และให้สัตว์ได้ดื่มกิน ปัจจุบันกลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองและเป็นที่นั่งเล่นของเด็กๆในฤดูร้อน

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

  • จากนั้นได้เวลานำท่านข้ามพรมแดนสู่แคว้นอัลซาส (Alsace) ประเทศฝรั่งเศส
  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง สตราสบูร์ก (Strasbourg) (ระยะทาง 90 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1 ชม.) เป็นเมืองแห่งความโรแมนติค และเมืองหลวงของแคว้นอัลซาส(Alsace)ประเทศฝรั่งเศส เมืองที่มีความสวยงามเมืองหนึ่งของยุโรป ซึ่งเมื่อท่านเดินทางมาแถบลุ่มแม่น้ำไรน์ไม่ควรพลาดเด็ด
  • นำท่านชม เมืองสตราสบูร์ก
  • โดยเริ่มจากนำท่านชมเขต La Petite France ภูมิทัศน์สวยงามด้วยบ้านเรือนที่ตั้งอยู่ริมฝั่งสองแม่น้ำ ซึ่งเป็นศูนย์กลางเมือง มีลักษณะเป็นพื้นที่ล้อมรอบด้วยแม่น้ำอิลล์ทั้งสี่ด้านและมีเส้นทางคูคลองเชื่อมต่อกันไปมากมาย บริเวณใกล้เคียงเป็นเกาะที่มีสะพานหลายแห่งเป็นตัวเชื่อมต่อไปยังพื้นที่ส่วนอื่นๆของเมือง ภายในย่านนี้มีลักษณะเป็นตรอกซอกซอย พื้นถนนปูลาดด้วยหินกรวด เรียงรายด้วยบ้านไม้โบราณสไตล์อัลซาสที่สวยงามซึ่งทอดตัวเป็นภาพเงาสะท้อนในคลองตลอดถนน Rue des MoulinsLa Petite France, la Venise strasbourgeoise par excellence - easyVoyage
  • จากนั้นนำท่านถ่ายรูปกับมหาวิหารนอร์ทเทอดาม ได้รับการยกย่องให้เป็นมหาวิหารที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรปและมียอดโดมสูงที่สุดในยุโรปตะวันตกอีกด้วยออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิค สร้างด้วยหินทรายสีชมพูทั้งหลังโดยสร้างขึ้นในช่วงกลางถึงปลายศตวรรษที่ 12 ใช้เวลาในการก่อสร้างนานกว่า 260 ปีตัววิหารมีการรวบรวมรูปแบบการก่อสร้างที่งดงามหลายส่วนรวมถึงรูปแกะสลักต่างๆ ช่วงยุคกลาง
  • จากนั้นอิสระถ่ายรูปหรือเลือกซื้อสินค้าพื้นตามอัธยาศัย

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
SOFITEL STRASBOURG HOTEL หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว (พัก 2 คืน)

DAY4

สตราสบูร์ก - กอลมาร์ - เอกิซไฮม์ - ริคเวีย - สตราสบูร์ก

รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก

  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง กอลมาร์ (COLMAR) (ระยะทาง 70 กม. ใช้เวลาประมาณ 1 ชม.) เมืองในแคว้นอัลซาส ประเทศฝรั่งเศส เป็นเมืองที่ถูกจัดอันดับ 1ใน 10 เมืองโรแมนติคที่สุดในโลก ได้รับการขนานนามว่าเวนิสน้อย (LA PETITE VENISE)                                                                            Colmar France Stock Photo - Download Image Now - iStock
  • ตั้งอยู่บนเส้นทางไวน์ของอัลซาส และยังเป็นบ้านเกิดของศิลปิน เฟรดเดริก โอกุสต์ บาร์ตอลดี ผู้ออกแบบเทพีเสรีภาพ เมืองกอลมาร์มีชื่อเสียงในการอนุรักษ์เมืองให้คงเป็นเมืองที่มีลักษณะสถาปัตยกรรมการสร้างบ้านแบบ Half – Timber และบรรยากาศของเมืองโบราณ ในตัวเมืองมีพิพิธภัณฑ์ ร้านค้า ที่อยู่อาศัยเหมือนในยุคกลาง ด้วยบรรยากาศที่สวยงามตัดกับบ้านเรือนสีสันสดใสจึงเป็นเมืองที่คู่รักจากทั่วโลกเดินทางมาฮันนีมูนที่นี่
  • นำท่านเดินเล่นชมเมืองกอลมาร์ เริ่มตั้งแต่ย่าน La Petite Venise และเข้าสู่จัตุรัสกลางเมือง
  • จากนั้นอิสระให้ทุกท่านเดินเล่นตามอัธยาศัย หรือเลือกซื้อสินค้าของที่ระลึกตามอัธยาศัย

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

  • นำท่านเดินทางสู่หมู่บ้าน เอกิซไฮม์ (Equisheim) (ระยะทาง 5 กม. ใช้เวลาประมาณ 10 นาที) Les Plus Beaux Village de France เป็นหนึ่งในหมู่บ้านที่สวยที่สุดในประเทศฝรั่งเศส และได้ขึ้นชื่อว่าเป็น Typical Village มีชื่อเสียงเรื่องการผลิตไวน์ บ้านเรือนเป็นแบบกึ่งไม่กึ่งปูนแบบสมัยในยุคกลางกว่า 70 หลัง พื้นที่กว่า 600 ไร่                                                                                                                    Eguisheim, France | bluesyemre
  • ให้ท่านเดินชื่นชมบรรยากาศ บ้านเรือนตามอัธยาศัย
  • จากนั้นได้เวลานำท่านสู่เมือง ริคเวีย (Riquewihr) (ระยะทาง 15 กม. ใช้เวลาประมาณ 25 นาที) เมืองที่ติดกับเมืองกอลมาร์ เป็นแหล่งปลูกไวน์ชั้นเลิศของแคว้นอาลซาส และเป็นหนึ่งใน Les Plus Beaux Village de France หรือหมู่บ้านที่สวยที่สุดในฝรั่งเศส                                                                  Riquewihr France Images – Browse 4,315 Stock Photos, Vectors, and Video | Adobe Stock
  • ท่านเดินชมบ้านเรือนที่อยู่ในหุบเขา ล้อมรอบไปด้วยไร่องุ่นที่ไว้สำหรับทำไวน์ โดยเฉพาะช่วงเดือน  เม.ย – พ.ย. จะเห็นต้นองุ่นที่ถูกปลูกสวยงามยิ่งนัก                                                                                    5 main stops on the Alsace Wine Route | Alsace Wine Route
  • นำท่านเดินเล่นชมเมือง ริคเวีย ท่านจะได้พบกับร้านเรือนที่มีสีสันสวยงามล้อมรอบไปด้วยไร่องุ่นมีตรอกซอกซอยร้านค้า ร้านไวน์ ร้านกาแฟ ให้ท่านเลือกนั่งจิ๊บไวน์หรือกาแฟ หรือเลือกซื้อไวน์ที่มีชื่อเสียง
  • อิสระให้ท่านเดินถ่ายรูปหรือเลือกซื้อสินค้าตามอัธยาศัย จากนั้นได้เวลานำท่านเดินทางกลับสู่โรงแรมที่พัก

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารไทย
SOFITEL STRASBOURG HOTEL หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว   

DAY5

สตราสบูร์ก - เจนเก้นบาค - ชิลทัค - ทรีแบร์ค - นาฬิกากุ๊กกูที่ใหญ่ที่สุดในโลก - ทิทิเซ่

รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก 

  • ท่านเดินทางสู่เมือง เจนเก้นบาค (Gengenbach) (ระยะทาง 40 กม. ใช้เวลาประมาณ 40 นาที) ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเยอรมนีใกล้ป่าดำ เป็นเมืองที่มีความสวยงามตามแบบฉบับของเมืองเยอรมันแบบดั้งเดิมจึงได้รับเลือกให้เป็นฉากหลังในภาพยนตร์เช่น ‘Charlie and the Chocolate Factory’ เมืองเล็ก ๆ แห่งนี้คือ อัญมณียุคกลางที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี มีถนนสายหลักสามสาย Hauptstrase, Adlergrasse และ Victor Kretz Strase ตรอกซอกซอยเล็ก ๆ เริ่มต้นจากถนนทั้งสามแห่งนี้ซึ่งสามารถเดินทางได้ด้วยการเดินเท้าหรือขี่จักรยานเท่านั้นซึ่งจะทำให้มีความสงบมากขึ้น ครั้งหนึ่งเคยเป็นเมืองอิมพีเรียลเสรีในอดีตซึ่งหมายความว่ามีอิสระทางการค้าในการจัดเก็บภาษี ปัจจุบันเป็นเมืองเล็ก ๆ แต่ด้วยเสน่ห์ที่ทำให้มีผู้มาเยือนมากมาย                                                                          Gengenbach private and guided walking tour | musement
  • นำท่านชมตรอก Engelgasse เป็นตรอกที่สวยงามที่สุดในเมือง
  • จากนั้นอิสระท่านเดินเล่นชมเมืองตามอัธยาศัย
  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่หมู่บ้าน ชิลทัค (Schiltach) (ระยะทาง 40 กม. ใช้เวลาประมาณ 45 นาที) เป็นเมืองในเขต Rottweil ใน Baden-Württemberg ประเทศเยอรมนี ตั้งอยู่ในป่าดำด้านตะวันออก ริมแม่น้ำ Kinzig เป็นหนึ่งในหมู่บ้านเล็กๆ ในเขตป่าดำ ที่ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุด เป็นตำบลหนึ่งของเขต Rottweil ตั้งอยู่ทางตะวันตกของป่าดำ  ตามประวัติเมืองนี้เริ่มจากที่ชาวโรมันได้มีการสร้างถนนที่นี่เพื่อเชื่อมระหว่าง Rottweil และ Strasbourg  หมู่บ้านนี้ก่อตั้งในศตวรรษที่ 13 ดยุคแห่ง Teck เพื่อที่จะรักษาความปลอดภัยของดินแดนของเขา และเป็นหมู่บ้านนี้เป็นจุดหยุดพักสำหรับพ่อค้าก่อนเดินทางไป Rottweil โดยมีการใช้แพไม้เป็นพาหนะลำเลียงของ ลักษณะเด่นของหมู่บ้านคือเป็นหมู่บ้านสไตล์ Half Timber แบบครึ่งตึกครึ่งไม้ ตึกที่เด่นที่สุดในหมู่บ้านคือ Town Hall หรือศาลากลางของเมือง สร้างในปี ค.ศ.1593 ในรูปแบบ Renaissance ภาพวาดบนตึกได้ถูกวาดในปี ค.ศ.1942 ด้านหน้ามีน้ำพุที่ตั้งตรงหน้าศาลากลางมีสิงโต เป็นสัญลักษณ์ประจำเมือง นำท่านเดินชมบรรยากาศของเมืองน่ารักๆแห่งนี้Schiltach | Matías Callone | Flickr

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง ทรีแบร์ค (Triberg) หรือชื่อเต็มคือ ทรีแบร์คอิมชวาทซ์วัลท์ (Triberg im Schwarzwald, หรือ ทรีแบร์คในป่าดำ”) (ระยะทาง 35 กม. ใช้เวลาประมาณ 40 นาที) เป็นเมืองชนบทในรัฐบาเดิน-เวือร์ทเทิมแบร์ค ประเทศเยอรมนี ตั้งอยู่ใจกลางป่าดำระหว่างความสูง 500 ถึง 1,038 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เมืองนี้มีประชากรราว 5,300 คน เป็นแหล่งนาฬิกากุ๊กกูที่มีชื่อเสียงแห่งนึงของเยอรมัน
  • จากนำท่านชมนาฬิกากุ๊กกูที่ใหญ่ที่สุดในโลก (World’s Largest Cuckoo Clock) โดยช่างทำนาฬิกาในท้องถิ่น ชื่อ Ewald และ Ralf Eble โดยนาฬิกามีขนาดความสูง 15 ฟุต (4.5 ม.) และหนัก 6 ตัน ตัวกุ๊กกูมีน้ำหนัก 330 ปอนด์ (150 กก.) และลูกตุ้มแกว่งยาว 26 ฟุต (8 ม.) นาฬิกากุ๊กกูที่ใหญ่ที่สุดในโลกสร้างเสร็จในปี 1994 หลังจากก่อสร้างมาเป็นเวลา 5 ปี นาฬิกาเรือนนี้ได้รับการบันทึกลงในกินเนสบุ๊กออฟเวิลด์เรคคอร์ดสเมื่อ 3 ปีต่อมา และครองตำแหน่งดังกล่าวมาจนถึงปัจจุบัน                      File:Weltgrösste Kuckucksuhr - World's Biggest Cuckoo Clock - panoramio.jpg - Wikimedia Commons
  • จากนั้นนำท่านเดินเล่นชมเมืองทรีแบร์ค ให้ท่านเลือกซื้อของฝากตามอัธยาศัย
  • จากนั้นได้เวลานำท่านเดินทางสู่เมือง ทิทิเซ่ (TITISEE) (ระยะทาง 40 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 40 นาที) เขตป่าดําตอนใต้(SOUTH BLACK FOREST) เมืองเล็กๆที่อยู่ท่ามกลางป่าสนอันอุดมสมบูรณ์และทะเลสาบสุดสวย
  • นําท่านชมทะเลสาบที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ ทะเลสาบทิทิเซ่ (TITISEE LAKE) ทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในป่าดํามีความยาว 2 กิโลเมตร และมีความกว้าง 700 เมตร ท่านจะได้พบกับความสวยงามของธรรมชาติที่ห้อมล้อมทะเลสาบแห่งนี้ซึ่งถือเป็นหนึ่งในทะเลสาบที่สวยติดอันดับในทวีปยุโรปอีกด้วย     Titisee lake • Lake » outdooractive.com
  • นำท่านเดินเล่นชมหมู่บ้านทิทิเซ่ หมู่บ้านเล็กๆน่ารักริมทะเลสาบแสนสวยให้ท่านได้เลือกซื้อหรือชม นาฬิกากุ๊กกู เป็นของฝากหรือเลือกซื้อสินค้าที่ระลึกตามอัธยาศัย

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
MARITIM TITISEE HOTEL หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว

DAY6

ทิทิเซ่ - ปราสาทโฮเฮนโซลเลิร์น - ปราสาทลิคเท่นสไตน์ - ชตุตการ์ต

รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก

  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ที่ตั้งของ ปราสาทโฮเฮนโซลเลิร์น (Hohenzollen Castle) (ระยะทาง 100 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1.30 ชม.) รัฐ บาเดิน-เวิอร์ทเทมแบร์ก (Baden – Wurttemberg)
  • จากนั้นนำท่าน เข้าชมด้านในของปราสาทโฮเฮนโซลเลิร์น ปราสาทแห่งนี้เป็น 1 ใน 8 ปราสาทเทพนิยายของประเทศเยอรมัน และถือเป็น 1 ใน 3 ปราสาทที่สวยที่สุดของเยอรมัน โดยปราสาทโฮเฮนโซลเลิร์น ตั้งตระหง่านอยู่เหนือชนบทของ Zollemalb ที่ความสูง 855 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ปราสาทแห่งนี้เป็นบ้านของราชวงศ์โฮเฮนโซลเลิร์นมาตั้งแต่เริ่มก่อสร้างในศตวรรษที่ 11 ต่อมาได้ถูกทำลายลงในปีค.ศ.1423 และสร้างขึ้นใหม่ถึงสองครั้ง โดยรูปแบบปัจจุบันเป็นผลงานจากสมัยศตวรรษที่ 19 ตอนปลาย ปราสาทแห่งนี้เคยเป็นที่พำนักประจำของราชวงศ์ปรัสเซีย และเป็นอนุสรณ์สถานสำหรับราชวงศ์โฮเฮนโซลเลิร์น ในปัจจุบันมีการปรับใช้ปราสาทให้เข้ากับยุคสมัยมากขึ้น โดยเป็นทั้งโรงละครแบบเปิด สถานที่จัดคอนเสิร์ต ปัจจุบัน แต่ละปีมีมีผู้คนมาเยี่ยมชมปราสาทแห่งนี้ไม่ต่ำกว่าปี
    ละ 300,000 คน จึงเป็นหนึ่งในปราสาทที่มีคนมาเยี่ยมชมอันดับต้นๆ ของประเทศเยอรมันCastle hohenzollern sunrise. - PICRYL - Public Domain Media Search Engine Public Domain Search

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ปราสาทลิคเท่นสไตน์ (Lichtenstein Castle หรือ Schloss Lichtenstein (ในภาษาเยอรมัน) (ระยะทาง 35 กม. ใช้เวลาประมาณ 40 นาที) ตั้งอยุ่ที่เมือง Reutlingen ในเขต Baden Württemberg ประเทศเยอรมัน ปราสาทแห่งนี้เคยถูกทำลาย จากสงคราม Reichskriegs ใน ค.ศ. 1311 จากทางการเมือง Reutlingen ทำให้เหลือแต่ซากปรักหักพัง จากนั้น Duke Wilhelm of Urach ซึ่งเป็นปกครองแคว้น Württemberg ขณะนั้น ได้สั่งให้สร้างขึ้นมาใหม่ และตั้งชื่อว่า Lichtenstein ตามแรงบันดาลใจจากนิยายเรื่อง Lichtenstein นี้นั่นเอง (ปราสาทได้ถูกออกแบบและก่อสร้างโดย Carl Alexander Heideloff) ปัจจุบันปราสาทแห่งนี้ ก็ยังเป็นทรัพย์สินของ Duckes of UrachMan Made Lichtenstein Castle (Württemberg) HD Wallpaper
  • นำท่านเข้าปราสาทและให้ทุกท่านได้เก็บภาพความประทับใจตามอัธยาศัย
  • นำท่านเดินทางสู่ ชตุตการ์ต (Stuttgart) (ระยะทาง 45 กม. ใช้เวลาประมาณ 45 นาที) คือเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของรัฐ Baden-Württemberg ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ Neckar เป็นต้นกำเนิดของรถยนต์ในยุคแรก ๆ มีบริษัทรถยนต์ที่มีชื่อเสียงเช่น เมอร์เซเดส-เบนซ์ ,พอร์เช่ ,มายบัค รวมถึงรถต้นแบบคันแรกของโฟล์คสวาเกน

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารจีน
MARITIM HOTEL STUTTGART หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว

DAY7

ชตุตการ์ต - เอสลิงเก้น - OUTLET CITY METZINGEN - พิพิธภัณฑ์รถพอร์ช - ชตุตการ์ต

รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก 

  • นำท่านเดินทางสู่เมือง เอสลิงเก้น อัม เน็คคาร์ (Essingen an Neckar) (ระยะทาง 40 กม. ใช้เวลาประมาณ 1 ชม.) เมืองริมฝั่งแม่น้ำเน็คคาร์ เมืองแห่งนี้มีการพัฒนามาตั้งแต่ยุคโบราณ โดยเคยเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรโรมัน ทำให้ขนาดเมืองนี้ค่อนข้างใหญ่ โดยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมหลายประเภท เช่น สิ่งทอ อาหาร เหล็ก เอสลิงเก้น ได้รับความเสียหายบางส่วนจากเหตุสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ในเขตเมืองเก่านั้นได้รับการป้องกันเป็นอย่างดี                                                                                      File:Esslingen Neckar- Stuttgart - Germany (8917790032).jpg - Wikimedia Commons
  • จากนั้นนำท่านชม St. Agnes Bridge สะพานข้ามคลอง Roßneckarkanal ที่สร้างขึ้นเมื่อปี 1893 ที่ด้านหลังเป็น Stadtkirche St. Dionys หรือ Church of St. Dionys โบสถ์คริสต์นิกายโปรเตสแตนท์ยุคโกธิคที่สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 ซึ่งเป็นแลนด์มาร์คสำคัญของเมือง จากนั้นนำท่านเข้าสู่จัตุรัสเก่ากลางเมือง Altes Rathaus ศาลาว่าการหลังเก่าที่สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 15 ถึงจะเก่าแต่ก็ยังสมบูรณ์งดงามมีเอกลักษณ์ ที่หน้าปัดนาฬิกาสีทองคลาสสิกจะมีนกอินทรีออกมากระพือปีกทักทายทุกๆ ต้นชั่วโมง ดูไปดูมาแล้วก็คล้ายกับนาฬิกากุ๊กกูเรือนยักษ์                                                                  File:ES Agnesbrücke Stadtkirche.jpg - Wikimedia Commons
  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ OUTLETCITY METZINGEN หนึ่งใน Outle tที่มีชื่อเสียงของยุโรป ให้ท่านได้อิสระช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมในราคาพิเศษ เช่น GUCCI , PRADA, BURBURRY , BALENCIAGA , BOSS , ARMANI , POLO RALPH LAURENT , VERSACE , VALENTINO เป็นต้น

อิสระให้ท่านรับประทานอาหารตามอัธยาศัย บริษัทคืนท่านละ 40 EURO

  • นำท่านเดินทางสู่ ชตุตการ์ต (Stuttgart) (ระยะทาง 30 กม. ใช้เวลาประมาณ 30 นาที) คือเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของรัฐ Baden-Württemberg ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ Neckar เป็นต้นกำเนิดของรถยนต์ในยุคแรก ๆ มีบริษัทรถยนต์ที่มีชื่อเสียงเช่น เมอร์เซเดส-เบนซ์ ,พอร์เช่ ,มายบัค รวมถึงรถต้นแบบคันแรกของโฟล์คสวาเกน
  • จากนั้นนำท่านชม พิพิธภัณฑ์พอร์ช (Porsche Museum Germany) ออกแบบโดย Delugan Meissl มีรูปลักษณ์โดดเด่นและเชื่อมต่อกับสำนักงานของพอร์ชใน Zuffenhausen บริเวณจัดแสดงครอบคลุมพื้นที่ถึง 5,000 ตารางเมตร เต็มไปด้วยรถหายากและโมเดลที่หลากหลายในประวัติศาสตร์ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้รวบรวมการจัดแสดงรถพอร์ช นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันกว่า 80 คัน เพื่อให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสกับโลกของพอร์ชอย่างเต็มอรรถรส รวมทั้งยังมี Le Mans ที่เคยคว้าชัยในรายการแข่งขันทางเรียบมาแล้ว และดาการ์แรลลี่สุดหฤโหดแรงเร็วทะลุโลก ซึ่งทางพอร์ชการันตีว่า รถทุกคันที่โชว์อยู่ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ยังขับเคลื่อนได้อยู่                                                                                                            File:Porsche Museum interior-4 2013 March.jpg - Wikimedia Commons
  • จากนั้นนำท่านเดินเล่นช้อปปิ้งถนน KoenigStrasse เป็นแหล่งที่เต็มไปด้วยร้านค้าทุกประเภท เป็นแหล่งย่านช้อปปิ้ง รวมทั้งบาร์ ร้านอาหาร คาเฟ่ ฯลฯ ที่สำคัญของเมือง                                              File:Königstraße (Stuttgart).JPG - Wikimedia Commons
  • อิสระท่านตามอัธยาศัย

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารไทย
MARITIM HOTEL STUTTGART หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว 

DAY8

ชตุตการ์ต - อูล์ม - เนิร์ดลิงเง่น - ดิงเกลส์บูล - โรเธนเบิร์ก ออบ เดียร์ เทาเบอร์

รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก 

  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง อูล์ม (Ulm) (ระยะทาง 90 กม. ใช้เวลาประมาณ 1.15 ชม.) ตั้งอยู่ริมชายฝั่งแม่น้ำดานูบที่อยู่ทางใต้ของประเทศ เป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวนิยมไปท่องเที่ยว เพราะนอกจากสวยงามแล้วเมืองแห่งนี้ยังมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานตั้งแต่ปี ค.ศ.850 แล้ว ยังเป็นบ้านเกิดของนักฟิสิกส์ชื่อก้องโลก อย่าง อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ อีกด้วย
  • นำท่านชม วิหารอูล์ม (Ulm Munster) ถือว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของเมือง สร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 ขึ้นชื่อว่าเป็นโบสถ์ที่สูงที่สุดในโลกโดยมีความสูงที่ 161.53 เมตร เมื่อสร้างเสร็จแล้ว ซึ่งสูงมาก ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนของเมืองก็จะเห็นยอดโบสถ์ตั้งเด่น สง่า อย่างชัดเจน                IMG_1125 - Ulm Church | Ulm Minster (German: Ulmer Münster, … | Flickr
  • จากนั้นนำท่านชมจัตุรัสเมืองเก่า Marktplatz คือศาลากลางโกธิคที่สวยงาม (Rathaus) ที่มีภาพเฟรสโกตั้งแต่ปีพศ. 1540 เคยเป็นห้างสรรพสินค้าในยุคกลางและซเป็นที่ตั้งของร้านค้าและช่างฝีมือต่างๆ ที่หลากหลายก่อนที่จะกลายเป็นศาลากลางจังหวัดซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในปัจจุบัน สิ่งที่น่าสนใจอื่น ๆ ของอาคาร ได้แก่ การจำลองนาฬิกาดาราศาสตร์ในศตวรรษที่ 16 และน้ำพุที่สวยงามซึ่งเป็นที่รู้จักในชื่อ Fischkasten (ถังเก็บปลา) ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อปีค. ศ. 1482 ซึ่งตั้งอยู่ด้านนอกอาคาร
  • จากนั้นนำท่านชมย่านชุมชนเก่าแก่ ชาวประมง Tanners ‘Quarter ซึ่งตั้งอยู่บริเวณปากแม่น้ำBlau ซึ่งไหลลงสู่แม่น้ำดานูบ โดยยังมีบ้านไม้ขนาดครึ่งหลังที่ได้รับการบูรณะอย่างยอดเยี่ยมอีกทั้งยังมีการเชิญชวนให้ตรอกซอกซอยที่แคบและสะพานจำนวนมาก
  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง เนิร์ดลิงเง่น (Nordlingen) (ระยะทาง 80 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1 ชม.) ตั้งอยู่ในเขต Donau-Ries แคว้น Bavaria มีประชากรอาศัยอยูประมาณ 20,000 คน ผู้คนเหล่านี้อาศัยอยู่ในเมืองที่สวยงามดั่งเทพนิยายแห่งนี้ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ที่เป็นแอ่งตื้น เมืองก่อนยุคประวัติศาสตร์แห่งนี้แตกต่างจากเมืองอื่นๆ ในประเทศเยอรมนีก็คือ สถานที่ตั้งของเมืองซึ่งตั้งอยู่กลางหลุมอุกกาบาตขนาดมหึมาซึ่งมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 25 กิโลเมตร อุกกาบาต Nördlinger Ries ลูกนี้พุ่งชนโลกเมื่อ 14.5 ล้านปีก่อน แต่เพิ่งมาถูกค้นพบต้นกำเนิดและประวัติของมันเมื่อประมาณ 50 ปีก่อนนี่เองNördlingen - Air View (Postcard) | Air view of Nördlingen, a… | Flickr

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

  • นำท่านชมเมืองเก่าแก่มีอายุเกือบ 1พันปี ตัวเมืองมีลักษณะเป็นวงกลมมีกำแพงเมือง สร้างมาตั้งแต่ ปี ค.ศ.1327 หอคอย 11 แห่งและประตูเมือง 5 ประตูที่ล้อมเมืองไว้ สวยงามราวภาพวาด
  • นำท่านเดินเล่นชมเมือง หรือท่านไหนสนใจขึ้นชมวิวเมืองจากมุมสูงสามารถขึ้นได้ ณ โบสถ์ใจกลางเมือง (ไม่รวมอยู่ในราคาทัวร์)
  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง ดิงเกลส์บูล (Dinkelsbühl) (ระยะทาง 30 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 40 นาที) เมืองท่องเที่ยวที่เก่าแก่แห่งแคว้นบาวาเรีย (Bavaria) (เป็น 1 ใน 10 หมู่บ้านที่สวยที่สุดในเยอรมัน) ส่วนใหญ่มักถูกล้อมรอบด้วยกำแพงและอาคารเก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่สมัยยุคกลาง ด้วยสีสันและศิลปะในการก่อสร้างอาคารบ้านเรือน                                                                                            Dinkelsbühl | Dinkelsbühl Historisches Stadtfest-"Leben in e… | Flickr
  • นำท่านชมย่าน ไวน์มาร์ค (Weinmarkt) หรือไวน์ มาร์เก็ต (Wine Market) ซึ่งเป็นตึกเก่าเรียงตัวกันอยู่ 5 หลัง มีสีสันตัดกันตั้งแต่สีส้ม สีเขียว สีแดง สีเหลือง ซึ่งการทาสีบ้านในเมืองนี้เน้นการทาสีเดียว (single color) และเขียนชื่อธุรกิจไว้หน้าบ้านด้วยตัวหนังสือแบบลายมือ (calligraphy letter) ในสีเอิร์ธโทน (earth tone) นอกจากตามหน้าต่างจะมีการประดับด้วยกระถางไม้ดอกสีสดใสแข่งขันชูช่อออกดอกบานสะพรั่งแล้ว อีกเอกลักษณ์สำคัญของอาคารเก่าก็คือ หลังคาสีแดงสดที่เหมือนกันไปหมดทั้งเมือง ในส่วนของจุดเด่นของอาคารแถบนี้คงเป็นที่หน้าจั่วแบบขั้นบันได โดยตึกสีส้มที่อยู่ตรงหัวมุมจะมีลักษณะพิเศษเพิ่มนอกจากหน้าจั่วแล้วยังมีโดมเล็กๆ อยู่ด้านบนอีก ปัจจุบันเป็นโรงแรมที่ชื่อว่า อัลเดอร์เมน อินน์ (Aldermen’s Inn) ว่ากันว่าที่นี่เคยเป็นที่ประทับของบุคคลสำคัญๆ เช่น จักรพรรดิคาร์ลที่ 5 (Emperor Karl V) เมื่อปี ค.ศ.1546 และกษัตริย์กุสตาฟ อดอล์ฟ แห่งสวีเดน เมื่อปี ค.ศ.1632Weinmarkt, Dinkelsbühl | Dinkelsbühl, Franken. | Flickr
  • จากนั้นนำท่านเดินสู่เมือง โรเธนเบิร์ก ออบ เดียร์ เทาเบอร์ (Rothenburg ob der Tauber) หรือเรียกๆว่า เมืองโรเธนเบิร์ก (ระยะทาง 45 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 45 นาที) เมืองเก่าแก่ของจักรวรรดิฟรังค์ ในเขตบาวาเรีย (Bavaria) ซึ่งปัจจุบันกลายมาเป็นจุดหมายปลายทางที่ สำคัญของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก เพราะได้รับการยอมรับว่าเป็นเมืองในยุคกลางที่สวยที่สุดในเยอรมัน

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
ALTES BRAUHAUS HOTEL  หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว (NO PORTER)

หมายเหตุ : โรงแรมเมืองโรเธนเบิร์กมีจำกัด หากโรงแรมเต็มทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์นอนเมืองใกล้เคียง

DAY9

โรเธนเบิร์ก ออบ เดียร์ เทาเบอร์ - วูร์ซบวร์ก - พระราชวังวูร์ซบวร์ก - แฟรงก์เฟิร์ต

รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก 

  • นำท่านเดินชมเมือง โรเธนเบิร์ก เป็นเมืองโบราณ ที่ตั้งอยู่ภายในวงล้อมของกำแพงเมืองถือว่าเป็นเมืองที่ค่อนข้างมีประวัติศาสตร์อันแสนโรแมนติกของเยอรมนีเช่นกันอีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์และแนวกำแพงป้องกันเมืองดั้งเดิมบ่งบอกถึงความรุ่งเรืองของเมืองที่ทำการค้า ไวน์ โค กระบือ และขนสัตว์ที่มีมาตั้งแต่ ค.ศ. 1274
  • นำท่านชม ศาลาว่าการเมือง (Town Hall) ที่ตั้งตระหง่านเป็นสัญลักษณ์สำคัญของเมือง โดยตัวอาคารนั้นถูกสร้างขึ้นในช่วงปี ค.ศ.1250 ในแบบอาคารโกธิค
  • นำท่านขึ้นไปชมทัศนียภาพอันงดงามของอาคารบ้านเรือนหลากสีสัน จัตุรัส Plönlein จัตุรัสเล็ก ๆ แต่มีชื่อเสียงในไปทั่วโลก บริเวณรอบ ๆประกอบไปด้วยลานน้ำพุและตลาดเก่า                                        2015 - Rothenburg ob der Tauber - Plönlein | One of the more… | Flickr
  • อิสระท่านเดินเล่นชมเมืองซื้อของฝากและถ่ายรูปเป็นที่ระลึก

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

  • นำท่านเดินสู่เมืองวูร์ซบวร์ก (Wuerzburg) (ระยะทาง 60 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1 ชม.) เมืองบนเนินเขาทางตอนเหนือของแคว้นบาวาเรีย ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเมนซึ่งเป็นอีกแหล่งเพาะปลูกองุ่นเพื่อผลิตไวน์ของเยอรมัน
  • ท่านเข้าชม Wuerzburg Residence เป็นพระตำหนักหลังใหญ่สไตล์บาโรกที่ล้อมรอบด้วยสวนภูมิทัศน์และป่าทึบ อาคารสมัยศตวรรษที่ 18 หลังนี้ประกอบด้วยเครื่องเรือนและการตกแต่งย้อนยุค พร้อมทั้งภาพจิตรกรรม อดีตพระราชวังที่ประทับของ Prince-Bishop Johann Philipp Franz von Schönborn เจ้าชายแห่ง Würzburg อาคารสไตล์บาโรคสุดอลังการนี้เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี 1720 โดยใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 60 ปีกว่าจะตกแต่งภายในเสร็จสมบูรณ์ ปัจจุบันเป็นหนึ่งในมรดกโลกขององค์การ UNESCO
  • จากนั้นนำท่านชมความงดงามของเมืองวูร์ซบวร์ก โดยเริ่มจาก ศาลาว่าการเมือง (City Hall)
  • ถ่ายรูปกับมหาวิหารแห่งเมืองวูร์ซบวร์ก (Wurzburg Cathedral) สร้างขึ้นเมื่อ ค.ศ. 788 และในการก่อสร้างระหว่างปี 1040 – 1225 ได้รับอิทธิพลจากศิลปะแบบโรมาเนสก์ จึงทำให้ภายนอกมหาวิหารสร้างแบบโรมาเนสก์                                                                                                                            File:St. Killian, Würzburger Dom, as seen from Festung Marienburg 20140112 2.jpg - Wikimedia Commons
  • อิสระท่านเดินเล่นชมเมืองตามอัธยาศัย
  • นำท่านเดินทางสู่เมืองแฟรงค์เฟิร์ต (Frankfurt) เมืองธุรกิจการค้าที่สำคัญของเยอรมัน (ระยะทาง 120 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1.30 ชม.)

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
NHOW HOTEL  FRANKFURT หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว

DAY10

แฟรงก์เฟิร์ต - อิดสไตน์ - แฟรงก์เฟิร์ต - ช้อปปิ้ง - สนามบิน

รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก 

  • นำท่านเดินทางสู่เมือง อิดสไตน์ (IDSTIEN) (ระยะทางประมาณ 50 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 45 นาที) ตั้งอยู่ใจกลางประเทศเยอรมนี ตรงบริเวณเชิงเขา “เทานุส” ที่มีความสูงประมาณ 300 เมตร เป็นที่ตั้งของ ปราสาทอิดสไตน์ (Burg Idstein) เป็นปราสาทบนเนินเขาที่พำนักของแนสซอ-อิดสไตน์ สถาปัตยกรรมสไตล์เรอเนสซองส์ โดยหอคอยแม่มดของปราสาทเป็นหนึ่งในอาคารที่เก่าแก่ที่สุดของเมืองและเป็นสถานที่สำคัญในท้องถิ่น โดยปราสาทแห่งนี้สร้างขึ้นประมาณ ค.ศ.1170 ในช่วงต้นศตวรรษที่ 17สมัยเจ้าชายจอร์จ ออกัสตัส ซามูเอลแห่งแนสซอ-อิดสไตน์ การตกแต่งภายในแบบบาโรกเสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ. 1714 โดดเด่นและสวยงามของบ้านสไตล์ Fachwerkstraße หรือเรียกว่าเยอรมันไม้กรอบ (German Timber-Frame Road) ถือเป็นเส้นทางหมู่บ้าน Fachwerkstraße Road  File:Idstein, Obergasse 1, König-Adolf-Platz 7, 5 20161027-001.jpg - Wikimedia Commons
  • นำท่านชมย่านจัตุรัสเมือง
  • อิสระท่านเดินเล่นชมเมืองตามอัธยาศัย
  • จากนั้นนำท่านเดินทางกลับเมืองแฟรงก์เฟิร์ต
  • จากนั้นนำท่านชมจัตุรัสโรเมอร์ (ROMERBERG) ย่านใจกลางเมืองเก่า อันเป็นที่ตั้งของศาลาว่าการเมือง (THE ROMER) ศิลปะแบบโกธิคที่ได้รับการก่อสร้างขึ้นในปี 1405 ตรงกันข้ามกับศาลาว่าการเมือง ท่านจะพบกับอาคารกึ่งไม้ซุงอันงดงามแบบฟาคแวร์กเฮ้าส์ที่เรียกว่า ออสไซเล่อ (OSTZEILE) ที่ได้รับการก่อสร้างขึ้นมาใหม่โดยสามารถรักษารายละเอียดของอาคารดั้งเดิมที่เคยถูกทำลายหมดสิ้นเมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่สองได้ทุกรายละเอียดนำท่าน ถ่ายภาพความสวยงามของน้ำพุแห่งความยุติธรรม ที่ตั้งเด่นเป็นตระหง่านอยู่กลางลาน ผ่านชมโบส์ถเซนต์พอล และวิหารใหญ่ประจำเมืองRömerberg | Römerberg is the heart of medieval Frankfurt, Ge… | Flickr

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารไทย

  • อิสระให้ท่านช้อปปิ้งสินค้าหลากหลายบริเวณถนนสายช้อปปิ้ง ย่านถนนซายล์ (ZEIL) ถนนสายช้อปปิ้งที่ยาวที่สุดของประเทศเยอรมนีที่เต็มไปด้วยร้านจำหน่ายสินค้าแบรนด์เนมชื่อดังเรียงรายอยู่มากมายไม่ว่าจะเป็น Louis Vuitton, Hugo Boss, Chanel, Giorgio Armani เป็นต้น
  • อิสระให้ท่านช้อปปิ้งตามอัธยาศัย
  • จากนั้นได้เวลานำท่านเดินทางสู่สนามบิน ให้ท่านได้มีเวลาทำ TAX REFUND
  • 20.40 น. ออกเดินทางกลับสู่กรุงเทพ โดยสายการบินไทย  เที่ยวบินที่ TG 923
DAY11

สนามบินสุวรรณภูมิ - กรุงเทพ ฯ

  • 12.30 น. เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพมหานคร โดยสวัสดิภาพ


แชร์ให้เพื่อน