ทัวร์อิตาลีเหนือ – กลาง 12 วัน



รายละเอียดโปรแกรมทัวร์-ทัวร์อิตาลีเหนือ – กลาง 12 วัน

รหัสทัวร์ : INCREDIBLE NORTH ITALY TUSCANY 12 DAYS (EK)
ระยะเวลา 12 วัน 9 คืน
สายการบิน : EMIRATES (EK)

กำหนดการเดินทาง

รอบที่ วันเดินทาง ราคา
1 3 พ.ค. 66 - 14 พ.ค. 66 189,900 บาท
2 31 พ.ค. 66 - 11 มิ.ย. 66 189,900 บาท
3 20 มิ.ย. 66 - 1 ก.ค. 66 189,900 บาท

สถานที่สำคัญ

  • 1
    ชมเส้นทาง Val D’Orcia เส้นทางท้องทุ่งสุดสวยของแคว้นทัสคานี ที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก (Unesco) (Unseen)
  • 2
    ชมหมู่บ้าน Civita di Bagnregio อายุเก่าแก่กว่า 2,000ปี ! (Unseen)
  • 3
    ชมหมู่บ้าน Cinque Terre หมู่บ้านริมหน้าผา ที่สวยที่สุดในโลก ( Unesco)
  • 4
    หมู่บ้าน San Gimignano หมู่บ้านที่ได้รับการยอมรับว่าสวยที่สุดในทัสคานี (Unesco) (Unseen)
  • 5
    ชมหมู่บ้าน Pienza หมู่บ้านบนเนินเขาในท้องทุ่งสุดสวยของทัสคานี (Unesco) (Unseen)
  • 6
    ชมหมู่บ้าน Bellagio / Varenna หมู่บ้านสวยในทะเลสาบโคโม่ หนึ่งในทะเลสาบที่สวยที่สุดในอิตาลี
  • 7
    ชมหมู่บ้าน Montalcino หมู่บ้านผลิตไวน์ที่ดัง Brunello ที่มีชื่อเสียงระดับโลก (Unseen)
  • 8
    ชมหมู่บ้าน Montepulciano หมุ่บนเนินเขาสุดสวยในท้องทุ่งทัสคานี (Unseen)
  • 9
    ชมเกาะ Burano เกาะสีสันลูกกวาดสุดสวย (Unseen)
  • 10
    ชมเมือง Siena เก่าโบราณแห่งแคว้นทัสคานี สไตล์อิตาลี ได้รับ (Unesco)
  • 11
    ชมรูปแกะสลัก David รูปต้นแบบ ( Original) ฝีมือ มิเคลันเจโล
  • 12
    ชมเมือง Sirmione เมืองสุดสวยริมทะเลสาบการ์ดา หนึ่งในทะเลสาบที่สวยที่สุดในอิตาลี
  • 13
    ชมเกาะ Venice เกาะที่โรแมนติคที่สุดของโลก พร้อมพักบนเกาะเวนิส 2 คืน
  • 14
    ชมหอเอน Pisa Tower หอระฆังสุดมหัศจรรย์ (Unesco)
  • 15
    ชมเมือง Florence เมืองที่ว่ากันว่าสวยที่สุดในอิตาลี
  • 16
    ชมเมือง Milan เมืองแห่งแฟชั่นของโลก
  • 17
    ช้อปปิ้ง The Mall Outlet Luxury
  • 18
    นำท่านชิมและชมการบ่มไวน์ ( Wine Tasting) ไวน์ที่มีชื่อเสียงแห่งแคว้นทัสคานี

HappyLongWay
ขอนำเสนอโปรแกรมทัวร์ยุโรป
ทัวร์อิตาลี เหนือ-กลาง
เส้นทางเจาะลึกอันซีน 12 วัน 9 คืน
โดยสายการบินเอมิเรตส์ EK

DAY1

สนามบินสุวรรณภูมิ - กรุงเทพฯ

  • 21.30 น. คณะพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 เคาน์เตอร์ T ประตู 9-10 สายการบินเอมิเรตส์ แอร์ไลน์ (EK) เจ้าหน้าที่บริษัทฯ คอยให้การต้อนรับพร้อมอำนวยความสะดวก ด้านสัมภาระ
DAY2

ดูไบ - มิลาน

  • 01.35 น. ออกเดินทางสู่ นครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยสายการบินเอมิเรตส์  เที่ยวบิน EK 385
  • 04.45 น. เดินทางถึงสนามบินดูไบ (แวะเปลี่ยนเครื่อง)
  • 09.45 น. ออกเดินทางสู่ กรุงมิลาน ประเทศอิตาลี โดยสายการบินเอมิเรตส์  เที่ยวบิน EK 205
  • 14.20 น. ถึงท่าอากาศยานมิลาน-มัลเปนซาประเทศอิตาลี
  • นำท่านเดินทางสู่ตัวเมือง มิลาน (MILAN) เมืองสำคัญในภาคเหนือของประเทศอิตาลี ตั้งอยู่ในแคว้นที่ราบลอมบาร์ดีเป็น เมืองที่มีชื่อเสียงในด้านแฟชั่นและศิลปะ ซึ่งมิลานถูกจัดให้เป็นเมืองแฟชั่นในลักษณะเดียวกับ นิวยอร์ก ปารีส ลอนดอน และ โรม
  • เดินทางเข้าสู่ลานจตุรัสบริเวณ มหาวิหารแห่งมิลานหรือมิลานดูโอโม (DUOMO) สัญลักษณ์ที่โดดเด่นที่สุดของเมืองซึ่งมีขนาดใหญ่โตมโหฬาร สร้างขึ้นด้วย หินอ่อนสีขาวในศิลปะแบบโกธิคใช้เวลาสร้างนานกว่า 500 ปีปัจจุบันเป็นโบสถ์แคธอล์ลิกที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกและเป็นมหาวิหารใหญ่อันดับ 4 ของโลก สูง 157 เมตรกว้าง 92 เมตรเริ่มสร้างในปีค.ศ. 1386 ใช้เวลาก่อสร้าง นานถึง 500 ปีชมความงดงามยอดปราสาทที่มีปลายยอดแหลมกว่า 135 ยอด                                                  Duomo di Milano (Milan Cathedral) - Information for Visitors
  • อิสระท่านตามอัธยาศัย

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
 CROWNE PLAZA HOTEL หรือระดับเทียบเท่า  4 ดาว

หมายเหตุ : เมืองมิลานถูกจัดงานแฟร์บ่อยๆ หากโรงแรมเต็มทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ย้ายไปพักเมืองข้างเคียง

DAY3

มิลาน -ทะเลสาบโคโม – เบลลาจิโอ – วาเรนนา - มิลาน

รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก 

  • นำท่านเดินทางสู่เมืองเบลลาจิโอ (Bellagio) ( ระยะทางประมาณ 70 กิโลเมตร ใช้เวลา 1 ชม.) เมืองเล็กๆ ริมทะเลสาบโคโม่ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นทะเลสาบที่สวยงามที่สุดของอิตาลี ทางตอนเหนือของทะเลสาบคือเทือกเขาแอลป์ อันเปรียบเสมือนป้อมปราการทางธรรมชาติ ที่สร้างฉากหลังอันงดงามอลังการให้กับดินแดนแห่งนี้ เบลลาโจตั้งอยู่ปลายบนของคาบสมุทร โดยถูกแบ่งออกโดยแขนสองข้างทิศใต้ของทะเลสาบ เมืองสามารถเห็นเทือกเขาแอลป์ ทางทิศเหนือได้อีกด้วย                      Bellagio Italy - Magical Beauty of Como Lake | Train-Travel-Italy.com
  • นำท่านเดินชมเมืองเบลลาจิโอ ให้ท่านได้เดินชิวๆ เลือกซื้อของที่ระลึกของฝากตามอัธยาศัย

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

  • นำท่านนั่งเรือสู่เมืองวาเรน่า (Varenna) เป็นจุดหมายปลายทางที่มีวิถีชีวิตแบบเรียบง่าย ผู้ที่มาเที่ยวพักผ่อนที่นี่มาเพื่อผ่อนคลายริมทะเลสาบ เป็นเมืองเก่าพันปี เป็นหมู่บ้านชาวประมงโบราณ เมืองนี้นักท่องเที่ยวชอบมากันเป็นเมืองที่สวยทีสุดในทะเลสาบโคโม่ บ้านเรือนเรียงรายสีสันสวยงาม เป็นย่านที่มีร้านอาหาร ร้านช้อปปิ้ง และคนมักนิยมมาดูพระอาทิตย์ตกกันที่นี่ เมืองวาเรนน่า ได้รับการขนานนามว่าเป็นทางเดินแห่งรัก เพราะทุกทางที่เดินสุดโรแมนติกทุกมุม                                              Varenna, il borgo lombardo degli innamorati sul lago di Como
  • จากนั้นได้เวลานำท่านเดินทางกลับสู่เมืองมิลาน   ( ระยะทางประมาณ 70 กิโลเมตร ใช้เวลา 1 ชม.)

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารจีน
 CROWNE PLAZA HOTEL หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว

DAY4

มิลาน – เซอร์มิโอเน - เวโรน่า - เวนิส

รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก 

  • นำท่านออกเดินทางสู่ เมืองเซอร์มิโอเน (Sirmione) ( ระยะทางประมาณ 130 กิโลเมตร ใช้เวลา 1 ชม. 45 นาที) ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศอิตาลี เมืองนี้ถูกล้อมรอบด้วยมหาสมุทรเป็นดั่งเมืองลอยน้ำที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ เพราะยังมีซากปรักหักพังของโบราณสถานหลายร้อยปีก่อนตั้งอยู่ที่นี่ โดยมีฉายาว่าเป็น “ไข่มุกแห่งคาบสมุทรเซอร์มิโอ” และยังเป็นดั่งดั่งเมืองเวนิสสอง เพราะบ้านเมืองในเซอร์มิโอเนยังอยู่ท่ามกลางแหล่งน้ำและด้วยลักษณะภูมิประเทศที่เป็นแหลมยื่นเข้าไปในทะเลสาบการ์ดา (Garda) ที่มีความสวยงาม สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามกว้างไกลและถูกล้อมรอบด้วยทะเลสาบทั้งสองด้าน ในอดีตเคยเป็นเมืองที่มีผู้คนที่มีฐานะในยุคสมัยโรมันใช้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจและปัจจุบันก็เป็นเมืองพักผ่อนริมทะเลสาบที่ได้รับความนิยมอย่างมาก นอกจากนี้เมืองเซอร์มิโอเนยังเป็นที่รู้จักในด้าน “เมืองสปาที่มีชื่อเสียง” เพราะที่นี่มีน้ำพุร้อนที่มีสรรพคุณที่ช่วยในการรักษาเยียวยา เต็มไปด้วยแร่ธาตุที่บำรุงผิวพรรณและทำให้รู้สึกผ่อนคลายได้อีกด้วย
  • นำท่านล่องเรือทะเลสาบการ์ดา (Garda Lake) เป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดของอิตาลีและเป็นทะเลสาบน้ำจืดที่เกิดจากน้ำแข็งละลายจากเทือกเขาแอลป์ จึงถูกล้อมรอบด้วยทะเลสาบทั้งสองด้านRevisiting the spa town in Northern Italy, 25 years after arriving as a young newly-wed | Short & City breaks | Travel | Express.co.uk

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง  

  • นำท่านเดินทางสู่เมืองเวโรนา (Verona) จุดหมาย แคว้นเวเนโต (Veneto) ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศอิตาลี (ระยะทาง 40 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 30นาที) เมืองนี้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำอะดิเจ (Adige River) เวโรนา เป็นเมืองที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน เมืองนี้เต็มไปด้วยโบราณสถานน่าตื่นตา ไม่ว่าจะเป็นสิ่งปลูกสร้างในสมัยโรมัน โบสถ์วิหารเก่าแก่ หรือแม้แต่บ้านเรือนก่อด้วยอิฐและหิน ด้วยเหตุนี้ใน ค.ศ. 2000 องค์การยูเนสโก (UNESCO) จึงประกาศให้เวโรนาเป็นมรดกโลกอันทรงคุณค่า เนื่องจากสถาปัตยกรรมที่คงอยู่เหนือกาลเวลาในเมืองนี้นั่นเอง                                                  21 Best Things To Do In Verona, Italy - Nomads Unveiled
  • นำท่านถ่ายรูปกับ บ้านจูเลียต (Juliet’s House) หากมาถึงเวโรนาแล้วไม่ได้มาบ้านจูเลียตแล้วละก็ คงไม่อาจเรียกได้ว่ามาเยือนเมืองนี้อย่างแท้จริง บ้านจูเลียตเป็นอาคารซ้อนชั้นก่อด้วยหินที่สร้างขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 13 แรกเริ่มเดิมที เจ้าของสถานที่แห่งนี้คือตระกูลคาเปลโล (Capello) ผู้ดีเก่าในเมืองเวโรนา พวกคาเปลโลดัดแปลงบ้านให้เป็นสถานที่พักแรมสำหรับขุนนางต่างถิ่นที่มาเยือนอิตาลี การณ์ดำเนินเช่นนี้จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1597 เมื่อบทละครโรมิโอและจูเลียตของเช็กสเปียร์ถูกตีพิมพ์เป็นครั้งแรก ผลงานชั้นครูชิ้นนั้นทำให้ชื่อของเช็กสเปียร์โด่งดังไปทั่วยุโรป                                  Verona: visiting Juliet's balcony and tomb - Wanted in Milan
  • ชมปงเต ปิเอตรา (Ponte Pietra) เป็นภาษาอิตาเลียนที่แปลตรงตัวว่า “สะพานหิน” ปงเต ปิเอตราเป็นสะพานข้ามแม่น้ำอะดิเจที่เก่าแก่ที่สุดในเวโรนา สะพานแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปีที่ 100 ก่อนคริสตกาลเมื่อครั้งที่เวโรนายังเป็นจังหวัดหนึ่งของโรม สะพานหินทรงโค้งเป็นตัวแทนสถาปัตยกรรมโรมันที่อ่อนช้อยและแข็งแกร่งในเวลาเดียวกัน นักท่องเที่ยวนิยมมาเยี่ยมชมบรรยากาศเงียบสงบริมแม่น้ำอะดิเจ พร้อมกับเก็บภาพความประทับใจกับสิ่งปลูกสร้างสุดคลาสสิก
  • ชมโบสถ์ซันต์ อะนาสตาเซีย (Sant’Anastasia) โบสถ์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปี 1280 ตามประสงค์ของบาทหลวงเบนเวนูโต ดา อิโมลา (Fra’ Benvenuto da Imola) และบาทหลวงนิโกลา ดา อิโมลา (Fra’ Nicola da Imola) สองนักบวชผู้เผยแผ่คริสต์ศาสนานิกายโดมินิกันในเมืองเวโรนา ซันต์ อะนาสตาเซียเป็น สิ่งปลูกสร้างสไตล์โกธิค (Gothic Architecture) ที่นิยมในครึ่งหลังของยุคกลาง โถงด้านในมีเพดานยกสูง ประดับด้วยปูนปั้นรูปนักบุญ เทวดา และนางฟ้า รวมถึงภาพเขียนสีน้ำมันเก่าแก่ ซันต์ อะนาสตาเซียจึงถือเป็นขุมทรัพย์ล้ำค่าของคนรักศิลปะทั่วโลกเลยก็ว่าได้
  • นำท่านออกเดินทางสู่ เกาะเวนิส (Venice) ( ระยะทาง 120 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. 30นาที) จุดหมายปลางทางสุดโรแมนติก แห่งแคว้นเวเนโต ประเทศ อิตาลี ถูกสร้างขึ้นจากการเชื่อมเกาะเล็กๆ จำนวน 118 เกาะ เข้าด้วยกันในบริเวณ ทะเลสาบเวนิเทีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทะเลอาเดรียตริกในภาคเหนือของประเทศอิตาลี ด้วยความสวยงามและความน่าอยู่ของบ้านเมืองทำให้ เวนิส เป็นสถานที่ซึ่งได้รับฉายามากมาย ตั้งแต่ เมืองแห่งสายน้ำ เมืองแห่งสะพาน เมืองแห่งแสงสว่าง ราชินีแห่งทะเลอาเดรียตริก และที่สำคัญ ยูเนสโก ยกให้ เวนิส เป็นหนึ่งในเมืองมรดโลก
  • นำท่านนั่งเรือข้ามฝากสู่เกาะเวนิส                                                                                                  Venice | Italy, History, Population, & Facts | Britannica

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
 MONACO & GRAND CANAL HOTEL หรือระดับเทียบเท่า  4 ดาว   (พัก 2 คืน)

DAY5

เกาะเวนิส – เกาะบูราโน่

รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก 

  • นำท่านเดินทางสู่ เกาะบูราโน่ (Burano) เกาะแห่งสีสัน คัลเลอร์ฟูล เกาะบูราโน่ เป็นที่ตั้งของหมู่บ้านชาวประมง ห่างจากเวนิสไป 11 กม. เป็นอีกสถานที่ยอดนิยม เมื่อนักท่องเที่ยวมาเที่ยวเวนิส ต้องแวะมาที่นี่ ด้วยความโดดเด่นของสีสัน ที่เราจะได้เจอกับบ้านสีสดใส แทบจะทุกเฉดใน pantone ไม่ว่าจะชมพูช็อคกิ้งพิ้ง หรือเขียวนีออน ตัดกันดีกับสีท้องฟ้า และท้องทะเล ตำนานบอกไว้ว่า บูราโน่ เป็นบ้านของชาวประมง และเหตุผลของการทาสีให้สะดุดตาเพื่อให้พวกเขามองเห็นทางกลับบ้านเมื่อมีหมอกปกคลุมทะเลสาบ เนื่องจากบริเวณนั้นมีเกาะในท้องทะเลมากมาย Burano ประกอบด้วยกลุ่มเกาะเล็ก ๆ 4 เกาะ ที่เชื่อมโยงกันด้วยสีสันสะดุดตา และได้รับการอนุรักษ์มาหลายทศวรรษ สาเหตุที่เราเห็นสีของบ้านมีความสดใสตลอดเวลา นั่นเป็นเพราะว่ามีการทาสีใหม่ทุกๆ 2 ปี และที่ทำให้สีสะดุดตามากขึ้น เป็นเพราะทุกๆบ้าน ต้องทำสีที่แตกต่างจากเพื่อนบ้านทั้งสองด้าน นอกจากสีสันที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว บูราโน่ยังมีชื่อเสียงในงานถักทอผ้าลูกไม้ เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่สืบทอดกันมาตั้งแต่ปี 1500 ตามตำนานท้องถิ่นว่ากันว่า ผ้าลูกไม้ ได้รับแรงบันดาลใจจากฟองคลื่นที่เกิดจากการสะบัดหางของนางเงือก งานทอผ้าลูกไม้ของบูราโน่ ได้รับความนิยม และสร้างรายได้จำนวนมากให้กับชาวบ้าน ถึงกับมีพิพิธภัณฑ์ผ้าลูกไม้เมอร์เล็ตโต (Museo del Merletto) จัดแสดงความเป็นมาของการผลิตผ้าให้นักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมอีกด้วย จนกระทั่งได้เวลาพอสมควร                                                                                       Burano Italy — How to Visit The Most Colorful Town in Europe!
  • นำท่านเดินกลับสู่เกาะเวนิส

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

  • จากนั้นนำท่านเดินชมเกาะเวนิส
  • นำท่านชม มหาวิหารซานมาร์โก้ (San Marco) โบสถ์สำคัญแห่งเมืองเวนิสที่เริ่มสร้างขึ้นครั้งแรกตั้งแต่ ค.ศ.823 ผสมผสานศิลปะของหลายยุคขึ้นไว้ด้วยกัน ตั้งแต่ไบเซนไทน์ โรมาเนสก์ โกธิค จนถึงเรอเนสซองซ์ หลังคาของมหาวิหารซานมาร์โกสร้างแบบโดมสุเหร่าของศาสนาอิสลาม โดมกลางมีขนาดใหญ่ที่สุด ประดับโมเสกสีทองอร่ามตั้งแต่หลังคาจรดพื้น จึงได้รับสมญานามว่า “Church of Gold” มาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 11 เลยทีเดียว
  • โบสถ์ซานตามาเรีย เดลลา ซาลูเต (Santa Maria Della Salute) ภาพเวนิสที่เราเห็นกันตามรูปถ่ายต่างๆ มักจะมีโบสถ์แห่งนี้อยู่ด้วยเสมอ เป็นโบสถ์สไตล์บาโรกที่ตั้งอยู่บริเวณปากแกรนด์คาแนล ทางด้านทิศใต้ ก่อนที่จะออกสู่ทะเลสาบค่ะ ภายในโบสถ์จะมีภาพเขียน และประติมากรรมล้ำค่าหลายชิ้น รวมทั้งรูปสลัก Queen of Heaven expelling the Plague ผลงานชิ้นเอกของศิลปิน Josse de Corte อยู่ด้วย
  • พระราชวังดอจ (Palazzo Ducale) เป็นพระราชวังสไตล์โกธิคของดยุคผู้ครองเมืองเวนิส ซึ่งสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 9 ภายในพระราชวังประดับด้วยทองคำ และมีภาพจิตรกรรมมากมาย นอกจากความสวยงามโอ่อ่านี้ ชั้นใต้ดินของวัง ยังมีคุกขังนักโทษ ซึ่งถูกเชื่อมด้วยทางเดินแคบๆ ไปยังสะพานข้ามคลองสู่แดนคุมขัง สะพานแห่งนี้จึงมีชื่อเรียกว่า สะพานถอนหายใจ (Ponte dei Sospiri หรือ Bridge of Sighs) ตามอาการของนักโทษที่เดินข้ามสะพานและกำลังจะหมดอิสรภาพนั่นเอง
  • สะพานรีอัลโต (Ponte di Rialto) เป็นหนึ่งในสะพานข้ามแกรนด์คาแนล ที่นักท่องเที่ยวนิยมแวะมาถ่ายรูปมากที่สุด ซึ่งอีก 2 สะพานที่มีชื่อเสียง คือ Accademia Bridge และ Scalzi Bridge ค่ะ เพราะสะพานแห่งนี้มีความเก่าแก่ที่สุด สร้างขึ้นครั้งแรกด้วยไม้ในปี ค.ศ.1181 เลยทีเดียว ต่อมาได้มีการรื้อ และสร้างใหม่ด้วยหินอย่างที่เห็นในปัจจุบัน นอกจากสะพานรีอัลโตจะเชื่อมระหว่างเกาะ San macro กับเกาะ San polo ของเวนิสด้วย โดยบริเวณตีนสะพานทั้งสองฝั่งยังเต็มไปด้วยร้านอาหาร คาเฟ่ และร้านค้าขายของต่างๆ อีกมากมาย จึงเป็นจุดไฮไลท์ของเมืองที่นักท่องเที่ยวชอบไปกันมากหอระฆังซานมาร์โก (Campanile di San Marco) เป็นหอระฆังสูงถึง 98 เมตร ที่ตั้งอยู่ด้านหน้ามหาวิหารซานมาร์โกค่ะ ที่นี่เป็นอีกแลนด์มาร์คที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายภาพ และยังเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้นบันไดไปชมวิวสวยๆ ของเมืองเวนิส จากชั้นบนสุดของหอระฆังได้ทุกวันอีกด้วย
  • แกรนด์ คาแนล (Grand Canal) แกรนด์ คาแนล หรือเรียกเป็นภาษาอิตาเลียนว่า “คานาเล่ แกรนเด้” เป็นคลองที่มีชื่อเสียงในด้านการท่องเที่ยว และเป็นจุดหมายปลายทางหลักของนักท่องเที่ยวที่อยากล่องเรือกอนโดล่านั่นเองค่ะ นักท่องเที่ยวนิยมไปนั่งเรือกอนโดล่าลัดเลาะไปตามคลองต่างๆ ในเวนิส ซึ่งจะผ่านสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญต่างๆ ของเมือง และได้สัมผัสกับความสวยงาม และวิถีชีวิตของชาวเมืองอีกด้วย                                                                                                                              Things Every Traveler Must Do in Venice, Italy | TravelPulse

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
MONACO & GRAND CANAL HOTEL หรือระดับเทียบเท่า  4 ดาว

DAY6

เวนิส - ฟลอเรนซ์

รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก 

  • นำท่านเดินทางสู่ฝั่งแผ่นดินใหญ่ ณ ท่าเรือ Tronchetto
  • นำท่านเดินทางสู่เมืองฟลอเรนซ์ (Florence) (ระยะทางประมาณ 255 กิโลเมตร ใช้เวลา 3 ชม.) เป็นเมืองในภาคกลางของประเทศอิตาลี เป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของแคว้นตอสกา แม่น้ำอาร์โน (Arno)ไหลผ่านใจกลางเมือง ฟลอเรนซ์ก่อตั้งโดยชาวโรมัน ในปี 59 ก่อนคริสตกาล เมื่อนายทหารโรมันได้รับการจัดสรรที่ดินจากจูเลียส ซีซาร์ บริเวณริมแม่น้ำอาร์โน ทหารจึงสร้างเมืองคล้ายป้อมค่าย เนื่องจากเมืองนี้เติบโตภายใต้การปกครองของชาวโรมัน ใจกลางเมืองจึงมีวิหารเทพเจ้า โรงมหรสพ โรงอาบน้ำ ตามธรรมเนียมโรมัน ฟลอเรนซ์ได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งศูนย์กลางทางศิลปะและและสถาปัตยกรรม เนื่องจากยุคกลาง เกิดกาฬโรคระบาดไปทั่วยุโรป ประชาชนล้มตาย ผู้คนต้องอพยพย้ายถิ่นฐาน เมื่อเหล่าปัญญาชนกลับเข้ามาสู่ตะวันตกก็นำความรู้จากฝั่งตะวันออกและความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ รวมถึงตำราความรู้ของกรีก โรมันที่เก็บรักษาไว้อย่างดีกลับมาด้วย ฟลอเรนซ์ได้รับผู้คนเหล่านี้เข้ามาในเมือง ด้วยการอุปถัมภ์หลักจากตระกูล เมดิชี (Medici) เมดิชีเริ่มต้นด้วยธุรกิจเกษตรและค้าขนแกะก่อนจะขยายตัวไปสู่ธุรกิจธนาคาร เมื่อผู้มีอำนาจเก่าสูญอำนาจ ตระกูลเมดิชีก็ได้ก้าวเข้ามาปกครองฟลอเรนซ์           Florence, Italy: Where to Eat, Stay, and Play in the Historic City | Vogue

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน

  • นำท่านชมเมืองฟลอเรนซ์ถ่ายรูปกับ มหาวิหารฟลอเรนซ์ (Florence cathedral) ซึ่งมีอายุกว่า 800ปี ภายนอกอาคารสร้างด้วยหินอ่อนสีขาวและเป็นผลงานทางสถาปัตยกรรมแบบโกธิค                          Florence Cathedral, Giotto's Bell Tower and Brunelleschi's Duomo — attitudeDRIVEN Adventure
  • ชม  จัตุรัสเปียซซา เดลลา ซิญญอเรีย (Piazza della Signoria) เป็นจัตุรัสขนาดใหญ่ ตั้งอยู่หน้าพระราชวังเวคคิโอ สถานที่แห่งนี้เป็นศูนย์กลางทางการเมืองของฟลอเรนซ์ เนื่องจากเคยเป็นสถานที่เลือกตั้งสาธารณะ เคยเป็นที่ก่อเหตุจลาจลและเป็นลานประหารมาก่อน นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ประกาศชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ในการกลับมาของตระกูลเมดิชี  ซึ่งเป็นตระกูลที่มั่งคั่งร่ำรวยและคอยอุปถัมภ์ศิลปะแห่งฟลอเรนซ์ตั้งแต่อดีต หน้าประตูจัตุรัสมีรูปปั้นเดวิดจำลองตั้งตระหง่านอยู่ ผู้สร้างคือ ไมเคิล แองเจโล ศิลปินระดับโลกนั่นเอง นอกจากนี้ ภายในจัตุรัสยังมีรูปปั้นจำลองต่างๆตั้งไว้ ด้านข้างมีหอแสดงงานประติมากรรมแบบเปิดให้ได้เดินชมอีกด้วย                                                                              Visit Piazza della Signoria in Florence and book Hotel De La Ville
  • ชม สะพานเวคคิโอ (Ponte vecchio) เป็นสะพานเก่าแก่ในเมืองฟลอเรนซ์ สร้างขึ้นในสมัยโรมันโบราณ ทอดข้ามผ่านส่วนที่แคบที่สุดของแม่น้ำอาร์โน ในสมัยก่อนไม่ได้สวยงามดังที่เห็นในปัจจุบัน เพราะเป็นสถานที่ขายผัก ปลา แม่น้ำลำคลองส่งกลิ่นเหม็น จักรพรรดิเฟอร์ดินานที่ 1 จึงสั่งไม่ให้ขายและเปลี่ยนสถานที่แห่งนี้มาเป็นแหล่ง ขายเพชร พลอย และทองแทน ด้วยโครงสร้างทางสถาปัตยกรรมที่มีความสวยงาม มีหลังคาคลุมทั้งตัวสะพาน ไม่ต้องกลัวแสงแดด และมีหน้าต่างทรงสี่เหลี่ยมสร้างด้วยศิลปะแบบฟลอเรนซ์ ทำให้สะพานแห่งนี้เป็นที่นิยมสำหรับนักท่องเที่ยวอย่างมาก เพราะนอกจากความสวยงามที่ให้มาเยี่ยมชมและถ่ายรูปกันแล้ว ยังมีร้านขายของที่ระลึกสำหรับซื้อไปฝากคนที่บ้านอีกด้วย จุดที่นักท่องเที่ยวชอบถ่ายรูปก็คือ ตรงกลางสะพานที่มีรูปปั้นครึ่งตัวของช่างทองที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุดของฟลอเรนซ์ อย่างเชลลินี  (Cellini)                                                The Rich and Fascinating History of the Ponte Vecchio - Italian Dual Citizenship
  • นำท่านเก็บภาพแบบพาโนรามาของเมืองฟลอเรนซ์ ณ จตุรัส ไมเคิงแองเจลโล  หนึ่งในแลนด์มาร์คสำคัญของเมืองฟลอเรนซ์

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพืนเมือง
NH COLLECTION PALAZZO GADDI HOTEL  หรือระดับเทียบเท่า  4 ดาว

หมายเหตุ : เมืองฟลอเรนซ์ มีโรงแรมจำกัด หากโรงแรมเต็มทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ย้ายไปพักเมืองข้างเคียง

DAY7

ประติมากรรมรูปปั้นเดวิด (Original) - The Mall Outlet Luxury – หอเอนปิซ่า

รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก 

  • จากนั้นนำท่านสู่ Accademia Gallery  ที่ตั้งปัจจุบันของ ประติมากรรมเดวิด (David) เป็นหินอ่อนแกะสลักรูป พระเจ้าเดวิด (King David) ตามตำนานในคำภีร์ไบเบิล ลักษณะเป็นชายหนุ่มยืนเปลือยกาย แสดงให้เห็นถึงความแข็งแรงและความงดงามของร่างกายมนุษย์ โดยศิลปินชื่อ มิเคลันเจโล โดยเริ่มแกะสลักเดวิดในปี 1501 สูง 14 ฟุต 3 นิ้ว โดยใช้หินอ่อนสีขาวมาจากเมืองคาร์รารา (Carrara) แคว้นทัสคานีของอิตาลี ประติมากรรมเดวิดเป็นรูปปั้นนับเป็นผลงานชิ้นเอกที่แสดงถึงความรุ่งเรืองทางศิลปะในยุค “ฟื้นฟูศิลปะวิทยาการ” (Renaissance) ถือเป็นอีกหนึ่งผลงานของมิเคลันเจโล ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาก จนทำให้ผู้คนจากทั่วโลกอยากมาชมผลงานประติมากรรมเดวิดให้ได้สักครั้งในชีวิต Accademia Gallery in Florence - Statue of David
  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ THE MALL OUTLET LUXURY  (ระยะทาง 100 กม.  ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.15 ชม.)  เอาท์เลตจำหน่ายสินค้าแบรนด์เนมราคาถูก ถือเป็น outlet ดีอันดับต้นๆ ของยุโรป มีแบรนด์เนมหลากหลายยี่ห้อให้ท่านได้เลือก  อาทิ เช่น GUCCI , PRADA ,BOTTEGA VENETA , BURBERRY, VALENTINO, VERSACE , TOD’S  เป็นต้น                                            The Mall Florence - Luxury Outlet in Italy With Unbelievable Discounts on European Luxury Goods - EatandTravelWithUs

ทางบริษัทคืนท่าน 30 Eur  ให้ท่านเลือกรับประทานอาหารตามอัธยาศัย  

  • อิสระให้ท่านช้อปปิ้งตามอัธยาศัย
  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ หอเอนเมืองปิซ่า หรือที่มีชื่อเป็นภาษาอิตาลีว่า Torre Pendente di Pisa ( ระยะทางประมาณ 85 กิโลเมตร ใช้เวลา 1.15 ชม.) ที่ตั้งอยู่ที่จัตุรัส Piazza del Duomo เป็นหอทรงกระบอก 8 ชั้น สร้างด้วยหินอ่อนสีขาว สูง 55.86 เมตร หอเอนแห่งนี้ เริ่มต้นสร้างตั้งแต่คริสต์ศักราช 1173 เมื่อสร้างไปได้ 3 ชั้น การก่อสร้างก็มีอันต้องยุติลงในปี 1178 เนื่องจากภาวะสงคราม ต่อมาในปี 1275 หอเอนแห่งนี้ก็ได้ถูกก่อสร้างต่อเติมโดยสถาปนิกนามว่า จิโอวานนี ดิซิโมเน (Giovanni di Simone) แต่การก่อสร้างก็ถูกหยุดไปอีกครั้งในปี 1284 ด้วยภาวะสงครามเช่นเดิม แต่ในที่สุดหอเอนแห่งนี้ก็สร้างเสร็จในปี 1350 รวมระยะเวลา 175 ปี ต่อมามีการสร้างหอระฆังเพิ่มเติม จึงใช้ระยะเวลารวมถึง 177 ปี อิสระท่านถ่ายรูปกับหอเอนปิซ่าตามอัธยาศัย                                                                    รู้จัก "หอเอนปิซ่า" ถ้ากลับมาตั้งตรง จะยังเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของ

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
 PISA TOWER PLAZA HOTEL หรือระดับเทียบเท่า  4 ดาว  (พัก 2 คืน)

หมายเหตุ : เมืองปิซ่า มีโรงแรมจำกัด หากโรงแรมเต็มทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ย้ายไปพักเมืองข้างเคียง

DAY8

ปิซ่า - ลา สเปเซีย - ชิงเกว่ แตร์เร - ปิซ่า

รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก 

  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง ลา สเปเซีย (La Spezia ) ( ระยะทางประมาณ 80 กิโลเมตร ใช้เวลา 1.10ชม.) เมืองท่าที่เป็นประตูสู่ 5 หมู่บ้านริมทะเลที่สวยที่สุดในโลก
  • จากนั้นนำท่านนั่งรถไฟสู่หมู่บ้าน ชิงเกว่ แตร์เร (CINQUE TERRE) หมู่บ้านเล็กๆที่ตั้งอยู่บน ชายฝั่งริเวียร่าของอิตาลี CINQUE TERRE มีความหมายว่า ห้าดินแดน(FIVE LANDS) ประกอบด้วยหมู่บ้าน 5 แห่งได้แก่ VERNAZZA,MANAROL, RIOMAGGIORE , CORNIGLIA. MONTEROSSO AL MARE โดยทั้งห้าหมู่บ้านนี้มีหุบเขาล้อมรอบประกอบกันเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติฯ และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก้ด้วย (UNESCO) เรานำท่านชมหมู่บ้านเพียงบางส่วนเท่านนั้น  เช่น หมู่บ้าน MANAROLA                                                                                  The Five Towns of the Cinque Terre: Spectacular Beauty on the Italian Riviera - Through Eternity Tours

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง        

  • หมู่บ้าน VERNAZZA                                                                                                                    Vernazza: what to see, what to do, where to sleep
  • หมู่บ้าน RIOMAGGIORE                                                                                                                  The BEST Riomaggiore Safaris & wildlife activities 2022 - FREE Cancellation | GetYourGuide

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารเอเชีย
PISA TOWER PLAZA HOTEL หรือระดับเทียบเท่า  4 ดาว 

DAY9

ปิซ่า - หอเอนปิซ่า - ซาน จิมิยาโน - มอนเตริกจิโอนี - เซียน่า

รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก 

  •  นำท่านเดินทางต่อสู่ เมืองซาน จิมิยาโน (SAN GIMIGNANO) (ระยะทาง 80 กม. ใช้เวลา 1 ชม.) เมืองเล็กๆ ที่มี ทิวทัศน์งดงามที่สุดในแคว้นทัสคานี ตั้งอยู่บนเนินเขาที่ล้อมรอบด้วยกำแพงเมืองโบราณ เป็นเมืองแห่งสุดยอดสถาปัตยกรรมของยุคกลาง โดยเฉพาะหอคอยสูงตระหง่าน 14 หอ ที่สามารถมองเห็นได้แม้อยู่ห่างจากตัวเมืองหลายกิโลเมตร เป็นเมืองเดียวในอิตาลี่ที่สามารถอนุรักษ์สิ่งก่อสร้างและสถาปัตยกรรมยุคกลางไว้ได้อย่างครบถ้วนจนได้รับการประกาศเป็นเมืองมรดกโลกโดยองค์กร (UNESCO)   San Gimignano, Tuscany: The highlights of this region can all be found in one gorgeous village
  • นำท่านถ่ายรูปกับโบสถ์ประจำเมือง (SAN GIMIGNANO DUOMO) โบสถ์หลักประจำเมืองตั้งอยู่ในจัตุรัสดูโอโม (PIAZZA DEL DUOMO) ภายในมีการตกแต่งแบบโรมาเนสก์ และมีภาพเฟรสโกตกแต่งกำแพงภายในโบสถ์ที่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับศาสนา ชมภายนอกพระราชวังโปโปโล (POPOLO PALACE) อดีตเป็นที่ตั้งของศาสนา คริสต์นิกายโรมันคาทอลิก ทรงกระบอก 8 ชั้น สร้างด้วยหินอ่อนสีขาว สูง 55.86 เมตร น้ำหนักรวม 14,500 ตัน มีบันได 293 ขั้น เอียง 3.97 องศา ยอดของหอห่างจากแนวตั้งฉากประมาณ 3.9 เมตร ชม La Rocca ป้อมโบราณสมัยศตวรรษที่ 14

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

  • นำท่านเดินทางสู่เมือง มอนเตริกจิโอนี (Monteriggioni) (ระยะทาง 25 กม. ใช้เวลา 35 นาที )  เมืองนี้สร้างในสมัยยุคกลาง คือยังใช้หินเป็นวัสดุหลักในการสร้างนั่นเอง เมืองนี้มีกำแพงป้อมปราการที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างน่าทึ่ง ซึ่งสูงเกือบ 33 ฟุตและหอคอย 14 แห่งที่มองเห็นได้จากระยะไกล สร้างขึ้นโดย Sienese ในช่วงต้นศตวรรษที่ 13 เพื่อจุดประสงค์ในการป้องกันด้วยทำเลที่ตั้งเชิงกลยุทธ์บนยอดเขาทำให้มองหาศัตรูที่เข้ามาใกล้ได้ มันโด่งดังเป็นพิเศษหลังจากถูกกล่าวถึงโดยกวี Dante Alighieri ในงานที่โด่งดังที่สุดของเขา The Divine Comedy                                                  Castello Monteriggioni - All You Need to Know BEFORE You Go
  • อิสระท่านเดินเล่นชมเมืองยุคกลางแห่งนี้ตามอัธยาศัย
  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง เซียน่า (SIENA) (ระยะทาง 20 กม. ใช้เวลา 30 นาที ) หรือเมืองซีเอนา เมืองใหญ่อันดับ 2 ในแคว้นทัสคานีนำท่านชมเมือง เซียน่า (SIENA) หรือเมืองซีเอนา เมืองใหญ่อันดับ 2 ในแคว้นทัสคานี ถือเป็นเมืองในยุคกลางที่ถือว่าเป็นเมืองคู่แข่งของเมืองฟลอเรนซ์ เมืองเซียน่ายังได้รับการยอมการประกาศเป็นเมืองมรดกโลก (Unesco) อีกด้วย เนื่องจากความเก่าแก่และความสวยงามและการอนุรักษ์ไว้อย่างดีของชาวเมืองเซียน่า                                                          Here's Why You Should Include Siena on Your Trip to Italy
  • จากนั้นนำท่านเดินเข้าสู่จตุรัส เดล คัมโป (Piazza del Campo) เป็นจตุรัสใจกลางเมืองที่บ่งบอกประวัติศาสตร์ของเมืองเซียน่าได้เป็นอย่างดี และได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในจตุรัสที่สมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป  ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญๆ จำนวนมาก นำท่านเข้า ชมมหาวิหารเมืองเซียน่า (Duomo di Siena) มหาวิหารประจำเมืองเซียน่า ที่ถูกสร้างขึ้นในปี 1200  ด้วยสไตล์กอธิคและเรเนซองส์ ที่ประดับประดาตกแต่งอย่างวิจิตรอลังการและสวยงามมาก โดยเฉพาะด้านในของตัววิหารที่บอกเล่าเรื่องราวต่างๆเกี่ยวบกับเมืองเซียน่าไว้ได้อย่างสวยงามและเป็นโบสถ์ 1 ใน 5 โบสถ์ที่สวยที่สุดในประเทศอิตาล อีกด้วย  Piazza del Campo - Wikipedia
  • จากนั้นชมเมืองเก่าเซียน่า (SIENA OLD TOWN) ที่ได้รับการขึ้นทะเบียน เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก้ในปี 1995 (UNESCO) ชมความเป็นเมืองเก่าสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาการหรือยุคเรอเนสซองส์ เต็มไปด้วยอาคารต่างๆ โบสถ์ และพิพิธภัณฑ์ และสัมผัสบรรยากาศของประวัติศาสตร์และร้านค้ามากมาย เซียน่าเป็นเมืองคู่แข่งของฟลอเรนซ์ในเรื่องของศิลปะและสถาปัตยกรรม

(หมายเหตุ : การเปิด-ปิดให้เข้าชมโบสถ์ หากกรณีมีการประกอบพิธีสำคัญไม่อนุญาติให้เข้าชมด้านในโบสถ์ ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ให้ถ่ายรูปด้านนอกเท่านั้น)

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารเมืองพื้นเมือง
FOUR POINTS BY SHERATON SIENA หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว

หมายเหตุ : เมืองเซียน่า มีโรงแรมจำกัด หากโรงแรมเต็มทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ย้ายไปพักเมืองข้างเคียง

DAY10

เซียน่า - Val D’Orcia -มอนเทลชิโน - ปิเอนซ่า - มอนเตปุลเชียโน

รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก 

  • นำท่านออกเดินทางสู่เส้นทาง วาดอร์เซีย (Val D’Orcia) เส้นทางที่ว่ากันว่าสวยที่สุดในแคว้นทัสคานีระหว่างทางท่านจะได้เห็นวิวท้องทุ่ง ที่มีบ้านชาวนา และต้นไซเปรซ ที่ยืนเด่นตามแนวท้องทุ่ง ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลก (Unesco)  ให้เป็น World Cultural Landscape  ซึ่งหลายๆทิวทัศน์แห่งนี้ถูกเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนต์ของ Hollywood ให้ท่านได้เพลิดเพลินวิวสองข้างทาง                      Visiting Val d'Orcia: our two day guide - Wanted in Rome
  • นำท่านเดินทางสู่ เมืองมอนเทลชิโน (Montalcino) (ระยะทาง 40 กม. ใช้เวลาประมาณ 45 นาที) เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่รายล้อมไปด้วยไร่องุ่น เป็นที่รู้จักในเรื่องของไวน์ Brunello หนึ่งในไวน์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกจากอิตาลี โรงงานที่ผลิตไวน์นี้ถูกก่อตั้งขึ้นในปี 1888 โดย Ferruccio Biondi Santi ผู้ริเริ่มความคิดที่จะนำองุ่นที่ไม่ใช้แล้วมาดัดแปลงทำอาหารอย่างอื่น                                                    Brunello di Montalcino - Tuscan Wine Region | Wine-Searcher
  • จากนั้นนำท่านเข้าชมโรงงานบ่มไวน์  ให้ท่านได้ชมกรรมวิธีการบ่มไวน์ และชิมไวน์ (Wine Tasting ) ที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก อย่างไวน์ Brunello di Montalcino หรือ Chianti  Classico  ***

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

  • จากนั้นนำท่านสู่เมือง ปีเอนซ่า (Pienza) หรือเพียนซา (ระยะทาง 23 กม. ใช้เวลาประมาณ 25 นาที) ระหว่างทางจะผ่านหมู่บ้าน San Quirico d’Orcia หมู่บ้านเล็กๆ บนเส้นทาง Val  D’Orcia แสนสวย ท่านจะได้ชื่นชมวิวของทัสคานีตลอดสองข้างทาง  เมืองปีเอนซ่า เป็นเมืองเล็กๆที่สวยงามยุคเรอเนสซองซ์ เป็นหมู่ที่นักท่องเที่ยวต่างหลงไหล เดิมมีชื่อเรียกว่า Corsignano และเป็นบ้านเกิดของ Pope pius II ซึ่งได้รับคัดเลือกให้เป็นพระสันตะปาปาในปี ค.ศ.1458 หลังจากได้รับตำแหน่งเมือวนี้ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ทั้งหมดและเปลี่ยนมาเป็นชื่อปีเอนซา หรือเพียนซา เพื่อเป็นเกียรติศักดิ์แก่ตนเอง นำท่านเดินเล่นถ่ายรูปกับพระราชวังองค์สันตะปาปา บ้านเรือนที่ยังคงถูกอนุรักษ์ไว้อย่างดี ซึ่งเมืองปีเอนซา ยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก (Unesco) จากนั้นให้ท่านได้ชมวิวจากตัวเมืองมองลงไปเห็นท้องทุ่งแห่งแคว้นทัสคานี และ เลือกซื้อสินค้าตามอัธยาศัย จนกระทั่งได้เวลาพอสมควร                                            12,505 Pienza Stock Photos, Pictures & Royalty-Free Images - iStock
  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง มอนเตปุลเชียโน (Montepulciano) (ระยะทาง 15 กม. ใช้เวลาประมาณ 25 นาที) เป็นเมืองที่มีความสวยงามอีกแห่งของทัสคานี ตั้งอยู่บนเนินเขาในจังหวัดเซียนาของอิตาลีทางตอนใต้ ที่นี่เป็นเมืองยุคกลางที่เต็มไปด้วยพระราชวังยุคเรอเนสซองส์ที่สง่างาม โบสถ์โบราณจัตุรัสที่มีเสน่ห์ และมุมสวยๆที่ซ่อนอยู่ โดยมีทัศนียภาพกว้างไกลของหุบเขา Val d’Orcia และหุบเขา Val di Chiana ล้อมรอบ เมือง Montepulciano ได้รับความสนใจอย่างมาก เพราะเป็นหนึ่งในสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์อันโด่งดัง เรื่อง Twilight: New Moon ทำให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาตามรอยกันอย่างคึกคัก นอกจากทัศนียภาพอันน่าทึ่งของเมืองชนบทโดยรอบที่ปกคลุมไปด้วยไร่องุ่นแล้ว เมืองแห่งนี้ก็มีชื่อเสียงด้านอาหารการกิน ขึ้นชื่อในเรื่องเนื้อหมู ชีส พาสต้า น้ำผึ้ง และสิ่งที่เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ก็คือ ไวน์ Montepulciano ซึ่งถือเป็นหนึ่งในไวน์ชั้นเลิศของอิตาลี                    Montepulciano, Italy - The Quintessential Tuscan Hill Town
  • นำท่านเดินเล่นเมืองมอนเตปุลเชียโน

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารเมืองพื้นเมือง
 FOUR POINTS BY SHERATON SIENA หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว

DAY11

เซียน่า - ซิวิตา ดิ แบนอริจิโอ - ช้อปปิ้ง - โรม - สนามบิน

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

  • นำท่านเดินทางสู่หมู่บ้าน ซิวิตา ดิ แบนอริจิโอ ( Civita di Bagnoregio) (Unseen)  (ระยะทาง 125 กม. ใช้เวลาประมาณ 1.30 ชม.) หมู่บ้านเล็กๆ บนเนินเขาในแคว้นลาซิโอ ใกล้ๆกรุงโรม มีการตั้งถิ่นฐานมาตั้งแต่ 2,500 ปี ภายในมีบ้านเรือนที่ทำจากหินอายุหลายร้อยปี มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว  ได้รับการยอมรับว่าคือ เพชรเม็ดงามแห่งแคว้นลาซิโอ มีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 100 คนเท่านั้น ยิ่งในฤดูหนาวจะมีประชากรอาศัยอยู่ไม่ถึง 20 คน                                                                                        Civita di Bagnoregio, the medieval town of Lazio - Italia.it
  • นำท่านเดินชมเมือง เลือกซื้อของฝากตามอัธยาศัย

*** หมายเหตุ ทางเดินขึ้นหมู่บ้านเป็นสะพานยาว และลาดชัน ระยะทางประมาณ 700 เมตร ไม่แนะนำให้ท่านที่มีปัญหาเกี่ยวกับขา หัวเข่า เดินขึ้น หรือผู้สูงอายุ หรือวิลแชร์ **

  • จากนั้นได้เวลานำท่านกลับลงมา ที่นัดหมายนำท่านกลับลงสู่ด้านล่าง

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

  • นำท่านเดินทางสู่ Designer Outlet Castelromano McArthurGlen  (ระยะทาง 150 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2 ชม.)
  • อิสระให้ท่านช้อปปิ้งเอ๊าท์เล็ทที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงโรมและเป็นแหล่งช้อปปิ้งใหญ่ มีร้านค้ามากกว่า 120 ร้าน สินค้าแบรนด์ชื่อดังต่างๆ จากทุกมุมโลก มีสินค้าแบรนด์เนมและพบกับโปรโมชั่นส่วนลดให้เลือกมากมายอาทิ เช่น รองเท้า เสื้อผ้า เครื่องประดับ ของตกแต่งบ้าน พบกับแบรนด์ชั้นน าต่างๆ มากมาย อาทิ Adidas, Burberry, Calvin Klein, Coach, Diesel, Fossil, Gap, Guess, Lacoste, Levi’s, Moschino, Michael Kors, New Balance, Nike, Samsonite, Sisley, Superdry, Swatch, Tommy Hilfiger, The North Face, Swarovski, Versace, Valentino เป็นต้น                                  Castel Romano Designer Outlet - Romeing

อิสระรับประทานอาหารค่ำตามอัธยาศัย

  • นำท่านเดินทางสู่ทางอากาศนานาชาติฟูมิชิโน่ กรุงโรม เพื่อทำการเช็คอินและทำ   TAX REFUND 
  • 22.05 น. ออกเดินทางสู่ นครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยสายการบินเอมิเรตส์  เที่ยวบิน EK 096
DAY12

สนามบินสุวรรณภูมิ – กรุงเทพฯ

  • 05.45 น. เดินทางถึงสนามบินดูไบ (แวะเปลี่ยนเครื่อง)
  • 09.40 น. ออกเดินทางสู่ กรุงมิลาน ประเทศอิตาลี โดยสายการบินเอมิเรตส์  เที่ยวบิน EK 372
  • 19.15 น. เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ…..


แชร์ให้เพื่อน