ทัวร์อิตาลีเหนือ-ทัสคานี
รายละเอียดโปรแกรมทัวร์-ทัวร์อิตาลีเหนือ-ทัสคานี
กำหนดการเดินทาง
| รอบที่ | วันเดินทาง | ราคา |
|---|---|---|
| 1 | 10 เม.ย. 69 - 19 เม.ย. 69 | 205,900 บาท |
| 2 | 1 พ.ค. 69 - 10 พ.ค. 69 | 205,900 บาท |
สถานที่สำคัญ
- 1เส้นทาง Val D’Orcia เส้นทางท้องทุ่งสุดสวยของแคว้นทัสคานีที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก Unesco
- 2หมู่บ้าน San Gimignanoหมู่บ้านที่ได้รับการยอมรับว่าสวยที่สุดในทัสคานี Unseco
- 3ชมหมู่บ้าน Pienza หมู่บ้านบนเนินเขาในท้องทุ่งสุดสวยของทัสคานี Unesco
- 4ชมหมู่บ้าน Montepulciano หมุ่บนเนินเขาสุดสวยในท้องทุ่งทัสคานี (Unseen)
- 5ชมหมู่บ้าน Cinque Terre หมู่ชาวประมงบ้านริมหน้าผา ที่สวยที่สุดในโลก
- 6ชมเมือง Siena เก่าโบราณแห่งแคว้นทัสคานี สไตล์อิตาลี Unesco
- 7ชมเมือง Verona เมืองต้นกำเนิดนิยายรัก โรมิโอ & จูเลียต Unesco
- 8ชมเกาะ Venice เกาะที่โรแมนติคที่สุดนโลก Unesco
- 9ชมเกาะ Burano เกาะสีลูกกวาดสุดสวย (Unseen)
- 10ชมเมือง Bologna เมืองในยุคกลางเป็นที่ตั้งหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก Unesco
- 11ชมรูปแกะสลักขึ้นชื่อ DAVID ในพิพิธภัณฑ์ Accademia Gallery (Unseen)
- 12ชมเมือง Florence เมืองที่ได้ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดของอิตาลี Unesco
- 13ขึ้นชมวิวหลังคามหาวิหาร DUOMO แห่งเมืองมิลาน (Unseen)
- 14ชมเมือง Milan เมืองแห่งแฟชั่นของโลก
สนามบินสุวรรณภูมิ - กรุงเทพมหานคร
- 21.30 น. คณะพร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 ประตูทางหมายเลข 4 เคาน์เตอร์ H สายการบินไทย พบเจ้าหน้าที่บริษัทอำนวยความสะดวก
มิลาน - เวโรนา - เมสเตร้
- 00.40 น. ออกเดินทางสู่มิลาน โดยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 940 (ใช้เวลาประมาณ 11 ชม.)
- 07.35 น. ถึงสนามบินเมืองมิลาน ประเทศอิตาลี หลังจากผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองแล้ว
- นำท่านเดินทางสู่เมืองเวโรนา (Verona) จุดหมาย แคว้นเวเนโต (Veneto) ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศอิตาลี (ระยะทาง 195 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2 ชม.30 นาที) เมืองนี้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำอะดิเจ (Adige River) เป็นเมืองที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน เมืองนี้เต็มไปด้วยโบราณสถานน่าตื่นตา ไม่ว่าจะเป็นสิ่งปลูกสร้างในสมัยโรมัน โบสถ์วิหารเก่าแก่ หรือแม้แต่บ้านเรือนก่อด้วยอิฐและหิน ด้วยเหตุนี้ใน ค.ศ. 2000 องค์การยูเนสโก (UNESCO) จึงประกาศให้เวโรนาเป็นมรดกโลกอันทรงคุณค่า

- นำท่านถ่ายรูปกับ บ้านจูเลียต (Juliet’s House) หากมาถึงเวโรนาแล้วไม่ได้มาบ้านจูเลียตแล้วละก็ คงไม่อาจเรียกได้ว่ามาเยือนเมืองนี้อย่างแท้จริงบ้านจูเลียตเป็นอาคารซ้อนชั้นก่อด้วยหินที่สร้างขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 13 แรกเริ่มเดิมที เจ้าของสถานที่แห่งนี้คือตระกูลคาเปลโล (Capello) ผู้ดีเก่าในเมืองเวโรน่า พวกคาเปลโลดัดแปลงบ้านให้เป็นสถานที่พักแรมสำหรับขุนนางต่างถิ่นที่มาเยือนอิตาลี การณ์ดำเนินเช่นนี้จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1597 เมื่อบทละครโรมิโอและจูเลียตของเช็กสเปียร์ถูกตีพิมพ์เป็นครั้งแรก ผลงานชั้นครูชิ้นนั้นทำให้ชื่อของเช็กสเปียร์โด่งดังไปทั่วยุโรป

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
- นำท่านชมโบสถ์ซันต์ อะนาสตาเซีย (Sant’Anastasia) โบสถ์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปี 1280 ตามประสงค์ของบาทหลวงเบนเวนูโต ดา อิโมลา (Fra’ Benvenuto da Imola) และบาทหลวงนิโกลา ดาอิโมลา (Fra’ Nicola da Imola) สองนักบวชผู้เผยแผ่คริสต์ศาสนานิกายโดมินิกันในเมืองเวโรน่าซันต์ อะนาสตาเซียเป็น สิ่งปลูกสร้างสไตล์โกธิค (Gothic Architecture) ที่นิยมในครึ่งหลังของยุคกลาง โถงด้านในมีเพดานยกสูง ประดับด้วยปูนปั้นรูปนักบุญ เทวดา และนางฟ้า รวมถึงภาพเขียนสีน้ำมันเก่าแก่ ซันต์ อะนาสตาเซียจึงถือเป็นขุมทรัพย์ล้ำค่าของคนรักศิลปะทั่วโลกเลยก็ว่าได้
- จากนั้นนำท่านเดินชมเมืองเวโรน่าหรือเลือกซื้อสินค้าของที่ระลึกตามอัธยาศัย
- จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เวนิส เมสเตร้ (Venice Mestre) เมืองประตูสู่เกาะเวนิส (ระยะทาง 115 กม. ใช้เวลาเดินทาง 1 ชม. 30 นาที)
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
FOUR POINTS BY SHERATON VENICE MESTRE HOTEL หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว
เมสเตร้ - เกาะบูราโน่ - เกาะเวนิส - โบโลญญ่า
รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก
- จากนั้นนำท่านเดินทางต่อสู่ท่าเรือทรอนเชนโต้
- นำท่านล่องเรือสู่ เกาะบูราโน่ (Burano) เกาะแห่งสีสัน คัลเลอร์ฟูล จัดจ้านสุดในอิตาลีเกาะบูราโน่ เป็นอีกสถานที่ยอดนิยม เมื่อนักท่องเที่ยวมาเที่ยวเวนิส ด้วยความโดดเด่นของสีสัน ที่เราจะได้เจอกับบ้านสีสดใส แทบจะทุกเฉดใน pantone ไม่ว่าจะชมพูช็อคกิ้งพิ้ง หรือเขียวนีออน ตัดกันดีกับสีท้องฟ้า และท้องทะเล ตำนานบอกไว้ว่า บูราโน่ เป็นบ้านของชาวประมง และเหตุผลของการทาสีให้สะดุดตาเพื่อให้พวกเขามองเห็นทางกลับบ้านเมื่อมีหมอกปกคลุมทะเลสาบ เนื่องจากบริเวณนั้นมีเกาะในท้องทะเลมากมาย บูราโน่ประกอบด้วยกลุ่มเกาะเล็ก ๆ 4 เกาะ ที่เชื่อมโยงกันด้วยสีสันสะดุดตา และได้รับการอนุรักษ์มาหลายทศวรรษ สาเหตุที่เราเห็นสีของบ้านมีความสดใสตลอดเวลา นั่นเป็นเพราะว่ามีการทาสีใหม่ทุกๆ 2 ปี และที่ทำให้สีสะดุดตามากขึ้น เป็นเพราะทุกๆบ้าน ต้องทำสีที่แตกต่างจากเพื่อนบ้านทั้งสองด้าน

- อิสระท่านเดินเล่นชมเมืองตามอัธยาศัย
- จนกระทั่งได้เวลาพอสมควร นำท่านนั่งเรือสู่เกาะเวนิส (Venice) หรือ เวเนเซีย จุดหมายปลายทางอันสุดโรแมนติกของเหล่าคู่รัก ตั้งอยู่ ณ แคว้นเวเนโต ประเทศอิตาลี เมืองเวนิสเป็นเกาะ ที่อยู่ห่างออกไปในทะเลเอเดรียติก เกิดจากการเชื่อมเกาะเล็กๆ จำนวน 118 เกาะและมีสะพานเชื่อมมากกว่า 400 แห่ง เป็นเมืองที่มีคลองมากที่สุดในโลก ด้วยความสวยงามราวกับเป็นภาพที่อยู่ในความฝัน ได้รับฉายามากมาย ไม่ว่าจะเป็น ราชินีแห่งทะเลเอเดรียติก (Queen of the Adriatic), เมืองแห่งสายน้ำ (City of Water), เมืองแห่งสะพาน (City of Bridges) องค์การ unesco ยกให้เมืองเวนิส เป็นหนึ่งในเมืองมรดกโลก เวนิสเป็นเมืองที่มีการใช้คลองสำหรับการคมนาคมทำให้เรือเป็นพาหนะเป็นหลัก เมืองในฝันแห่งนี้จึงไม่มีความวุ่นวายของมลพิษหรือเสียงดังจากรถยนต์ มีอาคารบ้านเรือน จวบจนร้านค้าต่างๆตั้งอยูริมคลอง มีเรือพายให้บริการในการเดินทางไปในสถานที่ต่าง ๆ ของเมือง มีบริการท่องเที่ยวชมทิวทัศน์ธรรมชาติอันสวยงามวิจิตร 2 ฝั่งคลองโดยเรือ ซึ่งเวนิสเป็นเมืองที่มีคลองมากกว่าถนนอีกแห่งหนึ่งในโลก

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
- นำท่านเดินเล่นชมเมืองเวนิส
- นำท่านชมบริเวณจัตุรัสซานมาร์โก (Pianzza San Marco) เป็นที่ตั้งหอระฆังซานมาร์โก (Campanile di San Marco) เป็นหอระฆังสูงถึง 98 เมตร ที่ตั้งอยู่ด้านหน้ามหาวิหารซานมาร์โกค่ะ ที่นี่เป็นอีกแลนด์มาร์คที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายภาพ และยังเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้นบันไดไปชมวิวสวยๆ ของเมืองเวนิส จากชั้นบนสุดของหอระฆังได้ทุกวันอีกด้วย

- นำถ่ายรูปด้านหน้ากับ มหาวิหารซานมาร์โก้ (San Marco) โบสถ์สำคัญแห่งเมืองเวนิสที่เริ่มสร้างขึ้นครั้งแรกตั้งแต่ ค.ศ.823 ผสมผสานศิลปะของหลายยุคขึ้นไว้ด้วยกัน ตั้งแต่ไบเซนไทน์ โรมาเนสก์ โกธิค จนถึงเรอเนสซองซ์ หลังคาของมหาวิหารซานมาร์โกสร้างแบบโดมสุเหร่าของศาสนาอิสลาม โดมกลางมีขนาดใหญ่ที่สุด ประดับโมเสกสีทองอร่ามตั้งแต่หลังคาจรดพื้น จึงได้รับสมญานามว่า “Church of Gold” มาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 11 เลยทีเดียว และบริเวณจตุรัสยังเป็นที่ตั้งของ โบสถ์ซานตามาเรีย เดลลา ซาลูเต (Santa Maria Della Salute) ภาพเวนิสที่เราเห็นกันตามรูปถ่ายต่างๆ มักจะมีโบสถ์แห่งนี้อยู่ด้วยเสมอ
- นำท่านเดินชมเกาะเวนิสกันอย่างเต็มอิ่ม นำท่านชม สะพานรีอัลโต (Ponte di Rialto) เป็นหนึ่งในสะพานข้ามแกรนด์คาแนล ที่นักท่องเที่ยวนิยมแวะมาถ่ายรูปมากที่สุด ซึ่งอีก 2 สะพานที่มีชื่อเสียง คือ Accademia Bridge และ Scalzi Bridge ค่ะ เพราะสะพานแห่งนี้มีความเก่าแก่ที่สุด สร้างขึ้นครั้งแรกด้วยไม้ในปี ค.ศ.1181 เลยทีเดียว ต่อมาได้มีการรื้อ และสร้างใหม่ด้วยหินอย่างที่เห็นในปัจจุบัน นอกจากสะพานรีอัลโตจะเชื่อมระหว่างเกาะ San macro กับเกาะ San polo ของเวนิสด้วย โดยบริเวณตีนสะพานทั้งสองฝั่งยังเต็มไปด้วยร้านอาหาร คาเฟ่ และร้านค้าขายของต่างๆ อีกมากมาย จึงเป็นจุดไฮไลท์ของเมืองที่นักท่องเที่ยวชอบไปกันมาก แกรนด์ คาแนล (Grand Canal) หรือเรียกเป็นภาษาอิตาเลียนว่า “คานาเล่ แกรนเด้” เป็นคลองที่มีชื่อเสียงในด้านการท่องเที่ยว และเป็นจุดหมายปลายทางหลักของนักท่องเที่ยวที่อยากล่องเรือกอนโดล่านั่นเอง

- จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองโบโลญญ่า (Bologna) เมืองประวัติศาสตร์ที่มีชื่อเสียงทางด้านท่องเที่ยวและเป็นเมืองหลวงของแคว้นเอมีเลีย-โรมัญญา (Emilia-Romagna) 1 ใน 20 แคว้นของประเทศอิตาลี (ระยะทางประมาณ 140 กิโลเมตร ใช้เวลา 1 ชม. 30 นาที)
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
ROYAL HOTEL CARLTON หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว
โบโลญญ่า - ฟลอเรนซ์
รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก
- จากนั้นนำท่านชมเมืองโบโลญญ่าโดยตัวเมืองนั้นตั้งอยู่ในหุบเขาโป ทางตอนเหนือของประเทศอิตาลี โดยตั้งอยู่ระหว่างแม่น้ำโปกับเทือกเขาแอเพนไนน์ เมืองโบโลญญ่ายังเป็นหนึ่งในเมืองยุคกลางที่ได้รับการเก็บรักษาไว้ดีที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป อีกทั้งยังเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักท่องเที่ยวทั้งในและชาวต่างชาติ ด้วยชื่อเสียงในเรื่องความสวยงาม และยังเป็นที่ตั้งมหาวิทยาลัยที่เก่าที่สุดในโลก คือ University of Bologna ก่อตั้งตั้งแต่ปีคริสตศักราชที่ 1088 อีกด้วย
- จากนั้นนำท่านชมเมืองโบโลญญ่า เริ่มตั้งแต่หอคอยคู่ (Due Torri) หอคอยแห่งนี้ ขึ้นชื่อว่าเป็นหอคอยที่สูงมากของเมืองโบโลญญ่า มีความสูง 97.2 เมตร มีหอคู่กันสูง 48 เมตร ซึ่งสามารถขึ้นไปบนยอดหอคอย เพื่อชมทัศนียภาพที่สวยงามของเมืองแบบพาโนรามาได้ และยังจัดว่าเป็นสัญลักษณ์ของเมืองโบโลญญ่า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของป้อมปราการรักษาเมืองในอดีตด้วย

- นำท่านเข้าชม วิหารนักบุญอุปถัมภ์ (Basilica San Petronio) ที่นี่เป็นมหาวิหารและคริสตจักรของอัครสังฆมณฑลโบโลญญา ทางตอนเหนือของอิตาลี ถูกสร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับนักบุญอุปถัมภ์ของเมือง เริ่มก่อสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1390 การออกแบบตกแต่งทางสถาปัตยกรรมต่างๆ ยังถูกรักษาไว้ได้สวยงามเป็นอย่างดี

- ลานจัตุรัสกลางเมือง (Piazza Maggiore) ลานแห่งนี้ เป็นอีกหนึ่งจัตุรัสที่สำคัญ ซึ่งมีอาคารเก่าแก่ล้อมรอบอยู่ ตั้งอยู่ในกลางเมืองเก่า มีทั้งที่ทำการเมืองเก่า โบสถ์ต่างๆ ที่สวยงาม ลานน้ำพุเทพเนปจูน และอาคารอื่นๆ ซึ่งมีลวดลายทางสถาปัตยกรรมอันประณีต จนต้องเดินทางมาเที่ยวที่ลานเมืองเก่านี้เป็นอันดับต้นๆ

- อิสระให้ทุกท่านเดินเล่นช้อปปิ้งตามอัธยาศัย
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
- นำท่านเดินทางสู่เมืองฟลอเรนซ์ (Florence) (ระยะทางประมาณ 100 กม. ใช้เวลา 1 ชม. 30 นาที) เป็นเมืองในภาคกลางของประเทศอิตาลี เป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของแคว้นตอสกา แม่น้ำอาร์โน (Arno)ไหลผ่านใจกลางเมือง ฟลอเรนซ์ก่อตั้งโดยชาวโรมัน ในปี 59 ก่อนคริสตกาล เมื่อนายทหารโรมันได้รับการจัดสรรที่ดินจากจูเลียส ซีซาร์ บริเวณริมแม่น้ำอาร์โน ทหารจึงสร้างเมืองคล้ายป้อมค่าย เนื่องจากเมืองนี้เติบโตภายใต้การปกครองของชาวโรมัน ใจกลางเมืองจึงมีวิหารเทพเจ้า โรงมหรสพ โรงอาบน้ำ ตามธรรมเนียมโรมัน ฟลอเรนซ์ได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งศูนย์กลางทางศิลปะและสถาปัตยกรรม
- จากนั้นนำท่านสู่ Accademia Gallery ที่ตั้งปัจจุบันของ ประติมากรรมเดวิด (David) เป็นหินอ่อนแกะสลักรูป พระเจ้าเดวิด (King David) ตามตำนานในคำภีร์ไบเบิล ลักษณะเป็นชายหนุ่มยืนเปลือยกาย แสดงให้เห็นถึงความแข็งแรงและความงดงามของร่างกายมนุษย์ โดยศิลปินชื่อ มิเคลันเจโล โดยเริ่มแกะสลักเดวิดในปี 1501 สูง 14 ฟุต 3 นิ้ว โดยใช้หินอ่อนสีขาวมาจากเมืองคาร์รารา (Carrara) แคว้นทัสคานีของอิตาลี ประติมากรรมเดวิดเป็นรูปปั้นนับเป็นผลงานชิ้นเอกที่แสดงถึงความรุ่งเรืองทางศิลปะในยุค “ฟื้นฟูศิลปะวิทยาการ” (Renaissance) ถือเป็นอีกหนึ่งผลงานของมิเคลันเจโล ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาก จนทำให้ผู้คนจากทั่วโลกอยากมาชมผลงานประติมากรรมเดวิดให้ได้สักครั้งในชีวิต

- นำท่านชมเมืองฟลอเรนซ์ถ่ายรูปกับ มหาวิหารฟลอเรนซ์ (Florence cathedral) ซึ่งมีอายุกว่า 800ปี ภายนอกอาคารสร้างด้วยหินอ่อนสีขาวและเป็นผลงานทางสถาปัตยกรรมแบบโกธิค ชม จัตุรัสเปียซซา เดลลา ซิญญอเรีย (Piazza della Signoria) เป็นจัตุรัสขนาดใหญ่ ตั้งอยู่หน้าพระราชวังเวคคิโอ สถานที่แห่งนี้เป็นศูนย์กลางทางการเมืองของฟลอเรนซ์ เนื่องจากเคยเป็นสถานที่เลือกตั้งสาธารณะ เคยเป็นที่ก่อเหตุจลาจลและเป็นลานประหารมาก่อน นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ประกาศชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ในการกลับมาของตระกูลเมดิชี ซึ่งเป็นตระกูลที่มั่งคั่งร่ำรวยและคอยอุปถัมภ์ศิลปะแห่งฟลอเรนซ์ตั้งแต่อดีต
- ชม สะพานเวคคิโอ (Ponte vecchio) เป็นสะพานเก่าแก่ในเมืองฟลอเรนซ์ สร้างขึ้นในสมัยโรมันโบราณ ทอดข้ามผ่านส่วนที่แคบที่สุดของแม่น้ำอาร์โน ในสมัยก่อนไม่ได้สวยงามดังที่เห็นในปัจจุบัน เพราะเป็นสถานที่ขายผัก ปลา แม่น้ำลำคลองส่งกลิ่นเหม็น จักรพรรดิเฟอร์ดินานที่ 1 จึงสั่งไม่ให้ขายและเปลี่ยนสถานที่แห่งนี้มาเป็นแหล่ง ขายเพชร พลอย และทองแทน ด้วยโครงสร้างทางสถาปัตยกรรมที่มีความสวยงาม มีหลังคาคลุมทั้งตัวสะพาน ไม่ต้องกลัวแสงแดด และมีหน้าต่างทรงสี่เหลี่ยมสร้างด้วยศิลปะแบบฟลอเรนซ์ ทำให้สะพานแห่งนี้เป็นที่นิยมสำหรับนักท่องเที่ยวอย่างมาก เพราะนอกจากความสวยงามที่ให้มาเยี่ยมชมและถ่ายรูปกันแล้ว ยังมีร้านขายของที่ระลึกสำหรับซื้อไปฝากคนที่บ้านอีกด้วย จุดที่นักท่องเที่ยวชอบถ่ายรูปก็คือ ตรงกลางสะพานที่มีรูปปั้นครึ่งตัวของช่างทองที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุดของฟลอเรนซ์ อย่างเชลลินี (Cellini)

- นำท่านเก็บภาพแบบพาโนรามาของเมืองฟลอเรนซ์ ณ จตุรัส ไมเคิงแองเจลโล หนึ่งในแลนด์มาร์คสำคัญของเมืองฟลอเรนซ์
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
NH COLLECTION FIRENZE PORTA ROSSA (PREMIUM ROOM) หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว
ฟลอเรนซ์ - ทัสคานี - มอนเตปุลเชียโน - ปิเอนซ่า - เส้นทาง Val D’Orcia - เซียน่า
รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก
- นำท่านออกเดินทางสู่แคว้นทัสคานี (Tuscany) หนึ่งในแคว้นที่ว่ากันว่าสวยที่สุดในประเทศอิตาลีให้ท่านได้ชมวิวทิวทัศน์สองข้างทาง
- เดินทางสู่เมือง มอนเตปุลเชียโน (Montepulciano) (ระยะทาง 110 กม. ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. 40 นาที) เป็นเมืองที่มีความสวยงามอีกแห่งของทัสคานี ตั้งอยู่บนเนินเขาในจังหวัดเซียนาของอิตาลีทางตอนใต้ ที่นี่เป็นเมืองยุคกลางที่เต็มไปด้วยพระราชวังยุคเรอเนสซองส์ที่สง่างาม โบสถ์โบราณจัตุรัสที่มีเสน่ห์ และมุมสวยๆที่ซ่อนอยู่ โดยมีทัศนียภาพกว้างไกลของหุบเขา Val d’Orcia และหุบเขา Val di Chiana ล้อมรอบ เมือง Montepulciano ได้รับความสนใจอย่างมาก เพราะเป็นหนึ่งในสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์อันโด่งดัง เรื่อง Twilight: New Moon ทำให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาตามรอยกันอย่างคึกคัก นอกจากทัศนียภาพอันน่าทึ่งของเมืองชนบทโดยรอบที่ปกคลุมไปด้วยไร่องุ่นแล้ว เมืองแห่งนี้ก็มีชื่อเสียงด้านอาหารการกิน ขึ้นชื่อในเรื่องเนื้อหมู ชีส พาสต้า น้ำผึ้ง และสิ่งที่เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ก็คือ ไวน์ Montepulciano ซึ่งถือเป็นหนึ่งในไวน์ชั้นเลิศของอิตาลี

- จากนั้นนำท่านสู่เมือง ปีเอนซ่า (Pienza) หรือเพียนซ่า (ระยะทาง 15 กม.ใช้เวลาประมาณ 30 นาที) เมืองปีเอนซ่า เป็นเมืองเล็กๆที่สวยงามยุคเรอเนสซองซ์ เป็นหมู่ที่นักท่องเที่ยวต่างหลงไหล เดิมมีชื่อเรียกว่า Corsignano และเป็นบ้านเกิดของ Pope Pius II ซึ่งได้รับคัดเลือกให้เป็นพระสันตะปาปาในปี ค.ศ.1458 หลังจากได้รับตำแหน่งเมือวนี้ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ทั้งหมดและเปลี่ยนมาเป็นชื่อปีเอนซ่า หรือเพียนซ่า เพื่อเป็นเกียรติศักดิ์แก่ตนเอง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
- นำท่านเดินเล่นถ่ายรูปกับพระราชวังองค์สันตะปาปา บ้านเรือนที่ยังคงถูกอนุรักษ์ไว้อย่างดี ซึ่ง ยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก (Unesco) จากนั้นให้ท่านได้ชมวิวจากตัวเมืองมองลงไปเห็นท้องทุ่งแห่งแคว้นทัสคานี และ เลือกซื้อสินค้าตามอัธยาศัย จนกระทั่งได้เวลาพอสมควร
- จากนั้นนำท่านออกเดินทางสู่เส้นทาง วาดอร์เซีย (Val D’Orcia) เส้นทางที่ว่ากันว่าสวยที่สุดในแคว้นทัสคานีระหว่างทางท่านจะได้เห็นวิวท้องทุ่ง ที่มีบ้านชาวนา และต้นไซเปรซ ที่ยืนเด่นตามแนวท้องทุ่ง ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลก (Unesco) ให้เป็น World Cultural Landscape ซึ่งหลายๆทิวทัศน์แห่งนี้ถูกเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนต์ของ Hollywood ให้ท่านได้เพลิดเพลินวิวตลอดสองข้างทาง

- นำท่านเดินทางสู่เมือง เซียน่า (SIENA) หรือเมืองซีเอนา เมืองใหญ่อันดับ 2 ในแคว้นทัสคานี ถือเป็นเมืองในยุคกลางที่ถือว่าเป็นเมืองคู่แข่งของเมืองฟลอเรนซ์ เมืองเซียน่ายังได้รับการยอมการประกาศเป็นเมืองมรดกโลก (Unesco) อีกด้วย เนื่องจากความเก่าแก่และความสวยงามและการอนุรักษ์ไว้อย่างดีของชาวเมืองเซียน่า (ระยะทาง 55 กม.ใช้เวลาประมาณ 1 ชม.)
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารเมืองพื้นเมือง
FOUR POINTS BY SHERATON SIENA หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว
เซียน่า - ซาน จิมิยาโน - เวียเรจโจ
รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก
- นำท่านชมเมืองเซียน่า โดยนำท่านเข้าสู่จตุรัส เดล คัมโป (Piazza del Campo) เป็นจตุรัสใจกลางเมืองที่บ่งบอกประวัติศาสตร์ของเมืองเซียน่าได้เป็นอย่างดี และได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในจตุรัสที่สมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญๆ จำนวนมาก

- นำท่านเข้าชมมหาวิหารเมืองเซียน่า (Duomo di Siena) มหาวิหารประจำเมืองเซียน่า ที่ถูกสร้างขึ้นในปี 1200 ด้วยสไตล์กอธิคและเรเนซองส์ ที่ประดับประดาตกแต่งอย่างวิจิตรอลังการและสวยงามมาก โดยเฉพาะด้านในของตัววิหารที่บอกเล่าเรื่องราวต่างๆเกี่ยวบกับเมืองเซียน่าไว้ได้อย่างสวยงามและเป็นโบสถ์ 1 ใน 5 โบสถ์ที่สวยที่สุดในประเทศอิตาลี อีกด้วย
- จากนั้นชมเมืองเก่าเซียน่า ที่ได้รับการขึ้นทะเบียน เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก้ในปี 1995 (UNESCO) ชมความเป็นเมืองเก่าสมัยฟื้นฟูศิลปะวิทยาการหรือยุคเรอเนสซองส์ เต็มไปด้วยอาคารต่างๆ โบสถ์ และพิพิธภัณฑ์ และสัมผัสบรรยากาศของประวัติศาสตร์และร้านค้ามากมาย เซียน่าเป็นเมืองคู่แข่งของฟลอเรนซ์ในเรื่องของศิลปะและสถาปัตยกรรม
(หมายเหตุ : การเปิด-ปิดให้เข้าชมโบสถ์ หากกรณีมีการประกอบพิธีสำคัญไม่อนุญาติให้เข้าชมด้านในโบสถ์ ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ให้ถ่ายรูปด้านนอกเท่านั้น)
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
- นำท่านเดินทางต่อสู่ เมืองซาน จิมิยาโน (SAN GIMIGNANO) (ระยะทาง 50 กม. ใช้เวลา 1 ชม.) เมืองเล็กๆ ที่มี ทิวทัศน์งดงามที่สุดในแคว้นทัสคานี ตั้งอยู่บนเนินเขาที่ล้อมรอบด้วยกำแพงเมืองโบราณ เป็นเมืองแห่งสุดยอดสถาปัตยกรรมของยุคกลาง โดยเฉพาะหอคอยสูงตระหง่าน 14 หอ ที่สามารถมองเห็นได้แม้อยู่ห่างจากตัวเมืองหลายกิโลเมตร เป็นเมืองเดียวในอิตาลี่ที่สามารถอนุรักษ์สิ่งก่อสร้างและสถาปัตยกรรมยุคกลางไว้ได้อย่างครบถ้วนจนได้รับการประกาศเป็นเมืองมรดกโลกโดยองค์กร (UNESCO)
- นำท่านถ่ายรูปกับโบสถ์ประจำเมือง (SAN GIMIGNANO DUOMO) โบสถ์หลักประจำเมืองตั้งอยู่ในจัตุรัสดูโอโม (PIAZZA DEL DUOMO) ภายในมีการตกแต่งแบบโรมาเนสก์ และมีภาพเฟรสโกตกแต่งกำแพงภายในโบสถ์ที่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับศาสนา

- ชมภายนอกพระราชวังโปโปโล (POPOLO PALACE) อดีตเป็นที่ตั้งของศาสนา คริสต์นิกายโรมันคาทอลิก ทรงกระบอก 8 ชั้น สร้างด้วยหินอ่อนสีขาว สูง 55.86 เมตร น้ำหนักรวม 14,500 ตัน มีบันได 293 ขั้น เอียง 3.97 องศา ยอดของหอห่างจากแนวตั้งฉากประมาณ 3.9 เมตร
- ชม La Rocca ป้อมโบราณสมัยศตวรรษที่ 14
- นำท่านเดินทางสู่ที่พักเมืองเวียเรจโจ (Viareggio) (ระยะทาง 100 กม. ใช้เวลา 1 ชม. 30 นาที) เป็นเมืองและชุมชนในทัสคานีทางตอนเหนือของอิตาลีบนชายฝั่งทะเลติร์เรเนียน
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารเมืองพื้นเมือง
HOTEL PALACE – VIAREGGIO หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว (พัก 2 คืน)
หมายเหตุ : โรงแรมมีจำกัดและห้องมีขนาดเล็ก หากโรงแรมเต็ม ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ย้ายไปพักเมืองข้างเคียง
เวียเรจโจ - ลา สเปเซีย - หมู่ชิงเกว่ แตร์เร - ลา สเปเซีย - เวียเรจโจ
รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก
- จากนั้นเดินทางสู่เมือง ลา สเปเซีย (La Spezia) (ระยะทาง 60 กม. ใช้เวลา 1 ชม.) เมืองท่าที่เป็นประตูสู่ 5 หมู่บ้านริมทะเลที่สวยที่สุดในโลก
- นำท่านนั่งรถไฟสู่หมู่บ้าน ชิงเกว่ แตร์เร (CINQUE TERRE) หมู่บ้านเล็กๆที่ตั้งอยู่บน ชายฝั่งริเวียร่าของอิตาลี CINQUE TERRE มีความหมายว่า ห้าดินแดน (FIVE LANDS) ประกอบด้วยหมู่บ้าน 5 แห่งได้แก่ VERNAZZA,MANAROL,RIOMAGGIORE , CORNIGLIA. MONTEROSSO AL MARE โดยทั้งห้าหมู่บ้านนี้มีหุบเขาล้อมรอบประกอบกันเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติฯ และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก้ด้วย (UNESCO)
- เรานำท่านชมหมู่บ้านเพียงบางส่วนเท่านั้น เช่น หมู่บ้าน MANAROLA เป็นหมู่บ้านที่มีสีสันหลากสีมากที่สุด และเป็นอีกเมืองที่ได้รับความนิยมและชื่นชอบจากนักท่องเที่ยวมากมาย เป็นอีกเอกลักษณ์ของ Cinque Terre ที่พลาดไม่ได้เด็ดขาด จุดที่จะถ่ายรูป และชมวิวหมู่บ้าน Manarola ได้สวยที่สุดคือ ต้องขึ้นเนินไปทางอีกฟากของเมือง แล้วถ่ายย้อนไปตรงจุดที่หมู่บ้านตั้งอยู่ จะเห็นสีสันสดใสของหมู่บ้านที่ตัดกับทะเลได้อย่างชัดเจน

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
- หมู่บ้าน RIOMAGGIORE หมู่บ้านที่มีบ้านเรือสีสันจัดจ้านที่สุดมีร้านค้า ร้านอาหารให้นักท่องเที่ยวได้เลือก

- จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ที่พัก
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารเมืองพื้นเมือง
HOTEL PALACE – VIAREGGIO หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว
เวียเรจโจ - มิลาน - ขึ้นชมวิวโบสถ์ดูโอโม - ชมเมือง
รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก
- จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง มิลาน (MILAN) (ระยะทาง 260 กิโลเมตร ใช้เวลา 3 ชม. 30 นาที) เมืองสำคัญในภาคเหนือของประเทศอิตาลี ตั้งอยู่ในแคว้นที่ราบลอมบาร์ดีเป็น เมืองที่มีชื่อเสียในด้านแฟชั่นและศิลปะ ซึ่งมิลานถูกจัดให้เป็นเมืองแฟชั่นในลักษณะเดียวกับ นิวยอร์ก ปารีส ลอนดอน และ โรม
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารไทย
- จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ลานจตุรัสบริเวณ มหาวิหารแห่งมิลานหรือมิลานดูโอโม (DUOMO) สัญลักษณ์ที่โดดเด่นที่สุดของเมืองซึ่งมีขนาดใหญ่โตมโหฬาร สร้างขึ้นด้วย หินอ่อนสีขาวในศิลปะแบบโกธิคใช้เวลาสร้างนานกว่า 500 ปีปัจจุบันเป็นโบสถ์แคธอล์ลิกที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกและเป็นมหาวิหารใหญ่อันดับ 4 ของโลก สูง 157 เมตรกว้าง 92 เมตรเริ่มสร้างในปีค.ศ. 1386 ใช้เวลาก่อสร้าง นานถึง 500 ปีชมความงดงามยอดปราสาทที่มีปลายยอดแหลมกว่า 135 ยอด

- จากนั้นนำท่านขึ้นชมวิวบนหลังคาโบสถ์ดูโอโม
- อิสระให้ทุกท่านช้อปปิ้งเลือกซื้อสินค้าตามอัธยาศัยบริเวณอาคารแกลเลอเรีย วิคตอริโอ เอมานูเอล 2 (Galleria Vittorio Emanuele II) เป็นห้างหรือศูนย์การค้าที่เก่าแก่ที่สุดในโลก อาคารนี้สวยงามมากๆ พอเข้าไปข้างใน ซึ่งเป็นอาเขตยิ่งสวยงาม เรียกว่าเป็นอาคารช้อปปิ้งที่สวยสุดแห่งหนึ่งของโลกก็ว่าได้ มีชื่อเรียกเล่นๆ ว่าเป็นห้องนั่งเล่นของเมืองมิลาน นอกจากจะมีสินค้าแบรนด์เนมขายแล้ว ยังมีร้านกาแฟที่เรียกกันว่าไซด์วอล์คคาเฟ่ สามารถนั่งจิบคาปูชิโน นั่งดูหนุ่มสาวแต่งกายด้วยเสื้อผ้าทันสมัย

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
UNA HOTELS CUSANI MILANO หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว
มิลาน - สนามบิน
รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก
- อิสระทุกท่านพักผ่อนตามอัธยาศัย
- จากนั้นได้เวลานำท่านเดินทางสู่สนามบิน ให้ท่านได้มีเวลาทำ TAX REFUND
- 14.05 น. ออกเดินทางกลับสู่กรุงเทพ โดยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 941
สนามบินสุวรรณภูมิ - กรุงเทพฯ
- 05.55 น. เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพมหานคร โดยสวัสดิภาพ

ทัวร์สโลวีเนีย
ทัวร์โรมาเนีย
ท้วร์อียิปต์
ทัวร์ทะเลสาบไบคาล
ทัวร์ยุโรป
ทัวร์ฟินแลนด์
ทัวร์นอร์เวย์
ทัวร์สวิตเซอร์แลนด์
ทัวร์ยุโรปตะวันออก
ทัวร์เบเนลักซ์ - BENELUX
ทัวร์อังกฤษ
ทัวร์อิตาลี
ทัวร์เยอรมัน
ทัวร์ฝรั่งเศส
ทัวร์สเปน - โปรตุเกส
ทัวร์โมรอคโค
ทัวร์กรีซ