ทัวร์มอลต้า – ซิซิลี 11 วัน
รายละเอียดโปรแกรมทัวร์-ทัวร์มอลต้า – ซิซิลี 11 วัน
กำหนดการเดินทาง
รอบที่ | วันเดินทาง | ราคา |
---|---|---|
1 | 15 พ.ค. 63 - 25 พ.ค. 63 | 149,900 บาท |
สถานที่สำคัญ
- 1ชมเกาะ Malta ประเทศเล็กๆ ที่อยู่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
- 2ชมเกาะ Sicily เกาะที่ใหญ่ที่สุดของอิตาลี ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน
- 3ชมเมือง Valletta เหมืองหลวงของมอลต้า
- 4ชมเกาะ Gozo Island เกาะสุดสวยสถานที่ท่องเที่ยวที่มามอลต้าต้องห้ามพลาด
- 5ชมหมู่บ้าน Popeye Village หมู่บ้านที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้สร้างภาพยนตร์ป๊อปอาย
- 6ชมถ้ำ Blue Grotto สุดมหัศจรรย์ของมอลต้า
- 7ชมเมือง Taormina เมืองที่ได้ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดของเกาะซิซิลี
- 8ขึ้นชม ภูเขาไฟ Etna ภูเขาไฟที่ยังไม่ดับที่สูงที่สุดในยุโรป
- 9ชมเมือง Catania เมืองสวยของซิซิลี
- 10ชมเมือง Modica เมืองเล็กๆสุดสวยของซิซิลี
- 11ชมเมือง Noto เมืองเล็กสุดสวย Unesco
- 12ชมเมือง Ortigia เมืองริมทะเลสุดสวย
- 13ชมคฤหาสน์ Roman Villa Del Casale สุดสวย Unesco
- 14ชมวิหาร Valley of the Temples แห่งเมือง Agrigento
- 15ชมเมือง Monreale อีกหนึ่งเมืองสวยของซิซิลี
- 16ชมเมือง Palermo เมืองหลวงสุดสวยของซิซิลี
- 17ชมโรงผลิตไวน์ของเกาะซิซิลี
สนามบินสุวรรณภูมิ - กรุงเทพฯ
- 21.30 น. คณะพร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 ประตูทางหมายเลข 3 เคาน์เตอร์ D สายการบินไทย พบเจ้าหน้าที่บริษัทอำนวยความสะดวกในการเช็คอิน
กรุงโรม (อิตาลี) – วัลเลตต้า (มอลต้า) - ชมเมือง
- 00.20 น. ออกเดินทางสู่กรุงโรม (Rome) โดยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 944
- 06.50 น. เดินทางถึงทางอากาศนานาชาติฟูมิชิโน่ กรุงโรม ประเทศอิตาลี (แวะเปลี่ยนเครื่อง)
- 09.25 น. เดินทางสู่สนามบินมอลตา โดยสายการบิน AZ AIRLINE เที่ยวบินที่ AZ884
***หมายเหตุ ไฟล์ทการเดินทางอาจมีการเปลี่ยนแปลง ทางบริษัทฯ ของสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม***
- 10.50 น. เดินทางถึงสนามบินมอลต้า
- นำท่านเดินทางสู่ตัวเมืองวัลเลตต้า (Valletta) เมืองหลวงของสาธารณรัฐมอลต้า ซึ่งได้ตั้งชื่อเมืองตามชื่อของ Jean Parisot De La Valetta ผู้ซึ่งสามารถป้องกันการรุกรานเกาะมอลต้า จากออตโตมานในปี 1565 เมืองวัลเลตตาได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกในปี 1980
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
- นำท่านชม สวนบารัคคา (Barracca Garden) สวนสวยที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นสถานที่ส่วนบุคคล แต่ภายหลังได้เปิดให้สาธารณชนเข้าชมในปี 1824 ภายในสวนประกอบไปด้วย Upper Barracca และ Lower Barracca ในส่วน Upper นั้นได้สร้างขึ้นในปี 1661 โดยอัศวินชาวอิตาเลียน จากบริเวณสวนจะเห็นวิวของอ่าวแกรนด์ฮาร์เบอร์ได้ชัดเจน นำท่านเข้าชมวิหารเซนต์จอห์น (St. John’s Cathedral) สร้างโดยอัศวิน เซนต์จอห์นเพื่อมอบเป็นเกียรติแก่ผู้อุปถัมภ์เหล่าอัศวินทั้งหลาย ความพิเศษของวิหารแห่งนี้คือการ ออกแบบตกแต่งโดยสถาปนิกและศิลปินชาวมอลต้าในช่วงศตวรรษที่ 16
- ชม AUBERGE DE CASTILLE อาคารที่มีความสง่างามและใหญ่โตที่สุดแห่งหนึ่ง ในเมืองวัลเลตต้า ตั้งอยู่บนจุดที่สูงที่สุดของคาบสมุทรซึ่งถูกออกแบบให้เป็นสถานที่หรูหราที่สุด ปัจจุบันใช้เป็นที่พำนักของนายกรัฐมนตรีของประเทศสาธารณรัฐมอลต้า สร้างขึ้นครั้งแรกในปี 1574 โดยสถาปนิกชาวมอลต้าชื่อ GIROLAMO CASSAR และมีการสร้างบูรณะใหม่อีกครั้งในปี 1741
- นำท่านเข้าชมพระราชวังแกรนด์มาสเตอร์ (Grand Master Palace) อดีตพระราชวังยุคศตวรรษที่ 16 ถือครองโดย อุสตาจิโอ้ เดล มอนเต้ ญาติคนสนิทของผู้ครองแคว้นมอลต้านาม ฌองป์ เดอลา วาเลตเต้ แรกเริ่มเดิมทีถูกใช้เป็นสถานที่บัญชาการรบของอัศวินในยุคนั้น และภายหลังเสร็จสิ้นสงคราม ได้ถูกต่อเติมเป็นพระราชวัง แต่แล้วถูกโอนย้ายเปลี่ยนมือเป็นสถานที่พำนักของผู้ปกครองจากประเทศอังกฤษในช่วงศตวรรษที่ 19 และกลับมาถือครองโดยประเทศมอลต้าภายหลังประกาศเอกราชในปี ค.ศ.1964 และในปัจจุบันถูกใช้เป็นอาคารรัฐสภาแห่งมอลต้า สถานที่ทำงานของประธานาธิบดีแห่งมอลต้า ภายในตัวอาคารตกแต่งแบบนิโอคลาสสิค และเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมในบางส่วนที่จัดแสดงเป็นพิพิธภัณฑ์สำหรับจัดแสดงเรื่องราวประวัติศาสตร์และยุทโธปกรณ์ของอัศวินในอดีต
- อิระท่านช้อปปิ้ง ณ จัตุรัสรีพับบลิค (Republic Square) รอบๆ จัตุรัสแห่งนี้ห้อมล้อมไว้ด้วยอาคารสำคัญๆ ของเมือง ทั้งทำเนียบประธานาธิบดี และทำเนียบรัฐบาล ห้องสมุด พิพิธภัณฑ์ ถนนเส้นหนึ่งที่เชื่อมกับจัตุรัสแห่งนี้ คือถนนรีพับบลิค ถนนที่เป็นถนนสายช้อปปิ้งที่สำคัญของเมือง มีร้านรวงให้ช้อปปิ้งกันตลอดทาง
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
MARITIM HOTEL MALTA หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว
วัลเลตตา - เกาะโกโซ - ล่องเรือ – หมุ่บ้านป๊อปอาย (Unseen) - วัลเลตตา
รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก
- นำท่านเดินทางสู่ เกาะโกโซ (Gozo Island) คืออีกหนึ่งจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของประเทศมอลต้า เกาะโกโซ ตั้งอยู่ในเขตทะเลเมดิเตอร์เรเนียน (Mediterranean Sea) เป็นอีกหนึ่งเกาะในตำนาน ที่บางครั้งมักเรียกว่า เกาะแห่งคาลิปโซ่ ( Isle of Calypso) โดยคาลิปโซ่เป็นธิดาแห่งท้องทะเล ในตำนานกรีก และเป็นบุตรีของเทพแอตลาส เผ่าไททัน นางอาศัยอยู่ในเกาะแห่งความฝัน (Mythical Island) ซึ่งอยู่ที่ Ogygia ในทะเลไอโอเนียน ปัจจุบันเกาะโกโซ เป็นเกาะที่มีความงดงามทางธรรมชาติมาแห่งหนึ่งของหมู่เกาะมอลต้า เป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางยอดนิยมของเหล่านักดำน้ำ
- นำท่านล่องเรือชม ทัศนียภาพความสวยงามของเกาะมอลต้า นำท่านเที่ยวชมและถ่ายรูปกับกังหันลม Ta Kola และถ่ายรูปกับ ถ้ำคาลิปโซ (Calypso Cave)
- นำท่านเข้าชม วิหารกันติจา (Ggantija Temples) อีกหนึ่งวิหารเก่าแก่ ที่ปัจจุบันได้รับการบรรจุไว้ในรายชื่อของมรดกโลกในปี ค.ศ.1980 โดยวิหารถูกสร้างขึ้นจากหินขนาดใหญ่และถือว่าเป็นหนึ่งในอนุสาวรีย์หินใหญ่ ที่สามารถย้อนกลับไปในยุคสมัยหินใหม่ (3600-2500 BC) เชื่อกันว่าเป็นวิหารทางศาสนาที่มีความเก่าแก่มากที่สุดแห่งถึงของโลกอีกด้วย
- นำท่านถ่ายรูปกับ ป้อมปราการวิคตอเรีย (Victoria Fortress) ที่ตั้งขึ้นตามพระนามของสมเด็จพระราชินีวิคตอเรียแห่งอังกฤษ ในโอกาสเฉลิมฉลองการครองราชย์ครบรอบ 25 ปี จากนั้นนำท่านเที่ยวชมเมืองเก่าแห่งเกาะโกโซ พร้อมเก็บภาพความสวยงามทั้งธรรมชาติและหมู่อาคารบ้านเรือนโรมันโบราณที่ยังคงความสวยงาม จวบจนปัจจุบัน อิสระให้ท่านได้เก็บภาพตามอัธยาศัย
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
- นำท่านชม วิหารทาพินู (Ta Pinu Cathedral) วิหารโรมันคาธอลิกซึ่งตั้งอยู่บริเวณใกล้หน้าผา ในอดีตเป็นเพียงโบสถ์หินขนาดเล็กยุคศตวรรษที่ 15 และถูกต่อเติมและสร้างขึ้นใหม่ในช่วงปี ค.ศ.1922-1932 แบบสไตล์นีโอโรแมนติค ด้านในโบสถ์ประดับด้วยภาพโมเสคจำนวน 6 ภาพ และกระจกสีจำนวน 76 บาน และมีหอระฆังสูง 61 เมตร นับเป็นอีกหนึ่งโบสถ์ที่มีความสำคัญของคริสตจักร เนื่องจากพระสันตะปาปามาเยือนถึง 2 ท่าน ซึ่งโป๊ปจอห์นปอลที่ 2 เคยเสด็จมาเยื่อเมื่อปี ค.ศ.1990 และ โป๊ปเบเนดิกต์ที่ 14 มาเยือนเมื่อปี ค.ศ. 2010 และได้มอบกุหลาบสีทอง หรือ โกลเด้นโรส (Golden Rose) สัญลักษณ์แห่งความศักดิ์สิทธิ์ไว้ ณ โบสถ์แห่งนี้ จนกระทั่งได้เวลาพอสมควร นำท่านเดินทางกลับ
- นำท่านชม หมู่บ้านป๊อปอาย (Popeye Village) อำนวยการสร้างมาจากบริษัท Walt Disney และ Paramount Pictures ตัดสินใจที่จะสร้างภาพยนตร์ป๊อปอายในเวอร์ชั่นคนแสดง พวกเขาได้จำลองหมู่บ้าน Sweethaven Village ในการ์ตูนให้กลายเป็นของจริงที่บริเวณอ่าวจอดเรือทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะมอลตา โดยได้เริ่มทำการสร้างตั้งแต่ปี 1979 ถูกออกแบบโดยสถาปนิกชาวเดนมาร์ก ฮันส์ มังค์ แฮนเซน ใช้คนก่อสร้างกว่า 165 คน ในเวลาประมาณ 7 เดือน หมู่บ้านมีลักษณะเป็นบ้านไม้สีสันสดใส ไม้หลายพันแผ่นนำเข้าจากประเทศเนเธอแลนด์ หลังคานำเข้าจากประเทศแคนาดา ใช้สีทาบ้านถึงสองพันแกลลอนด้วยกัน และยังมีการสร้างเขื่อนรอบๆหมู่บ้านเพื่อป้องกันคลื่นสูงที่อาจรบกวนในซีนหนัง ผู้แสดงเป็นป๊อปอายในสมัยนั้นคือ โรบิน วิลเลียมส์ ทาง Walt Disney และ Paramount Pictures ลงทุนทุ่มเทกับการสร้างหมู่บ้านป๊อปอายมาก แต่หลังจากหนังฉายก็เหมือนจะไม่ได้เงินทุนคืน อย่างไรก็ตามหมู่บ้านแห่งนี้ได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมในปัจจุบัน
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
MARITIM HOTEL MALTA หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว
วัลเลตตา - ถ้ำบลูกรอตโต้ - เอมดิน่า - วัลเตตา - พอซซาโล - โมดิกา
รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก
- นำท่านล่องเรือชมทัศนียภาพความสวยงามของเกาะมอลต้า
- นำท่านชมถ้ำบลูกรอตโต(Blue Grotto) แห่งเกาะมอลต้า
- นำท่านถ่ายรูปกับหน้าผาดิงลี (Dingli Cliff) อีกหนึ่งผางามแห่งเกาะมอลต้า (การล่องเรือขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ หากอากาศไม่เอื้ออำนวย ทางบริษัทฯ จะจัดกิจกรรมอื่นทดแทน)
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
- นำท่านเดินทางสู่ เมืองเอมดิน่า (Mdina) เป็นเมืองเก่าโบราณ เมืองนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อประมาณปลายยุคสำริดในช่วง 1500 – 1000 ปีก่อนคริสตกาล เมืองเอมดินาเป็นเมืองหลวงเก่าของมอลตาในสมัยยุคกลาง (Medieval) ตั้งอยู่ใจกลางของเกาะมอลตา มีกำแพงเมืองล้อมรอบและตั้งอยู่บนที่สูงประมาณ 150 เมตร หรือ 500 ฟุตจากระดับน้ำทะเล เอมดินาเป็นหนึ่งในเมืองที่มีกำแพงเมืองเก่าจากยุคกลางที่เห็นชัดที่สุดในโลก เนื่องจากเป็นเมืองที่มีขนาดเล็ก มีความเงียบสงบและไม่ค่อยมีการเดินทางสัญจรเข้าออกเมืองนี้มากเท่าไร เมืองเอมดินาจึงได้รับการขนานนามอีก ชื่อหนึ่งโดยคนที่อาศัยอยู่และผู้ไปเยือนว่า “เมืองแห่งความเงียบ (The Silent City) ในสมัยที่เอมดินาเป็นเมืองหลวงของมอลตา เมืองนี้เป็นที่ตั้งของสำนักสงฆ์ โบสถ์และที่ทำการต่างๆ และในสมัยที่โรมันเข้าครองมอลตา ผู้ว่าการของโรมัน (Roman Governor) ได้สร้างที่อยู่ในเมืองนี้ และมีการกล่าวขานกันว่าสาวกเซนต์พอลเคยมาอาศัยอยู่ที่เมืองนี้หลังจากที่เรือล่มที่เกาะมอลตาด้วย ในปัจจุบัน เมืองเอมดินาเป็นเมืองสำหรับอยู่อาศัยเท่านั้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นบ้านของตระกูลที่เก่าแก่ที่สุดของชาวมอลติส ที่เมืองเอมดินามีโบสถ์ที่สวยงามมากตั้งอยู่กลางเมืองที่ชื่อว่า โบสถ์ใหญ่แห่งเอมดิน่า (The Mdina Cathedral)
- นำท่านชมประตูเมืองหลัก (The Main Gate) ซึ่งสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1724 มีลักษณะเป็นประตูโค้งด้วยสถาปัตยกรรมยุคบาโรค ใครก็ตามที่ได้เข้าไปในเมืองเอมดินาจะมีความรู้สึกเหมือนกลับเข้าไปอยู่ในยุคกลาง ถนนในเมืองจะมีขนาดแคบมาก เป็นตรอกและซอยเล็กๆ ลัดเลาะไปตามมุมต่างๆ ของเมือง บ้านเรือนจะมีสีเดียวกันหรือคล้ายกันทั้งหมด คือ สีน้ำตาลหรือน้ำตาลอ่อน นอกจากจะเป็นบ้านอาศัยแล้ว ยังมีร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหารอยู่บ้าง แต่ที่โดดเด่นคือร้านขายเครื่องแก้วของเอมดินา (Mdina Glass) ก่อนเข้าประตูเมืองจะมีรถม้าที่ตกแต่งอย่างสวยงาม ซึ่งจัดไว้สำหรับบริการนักท่องเที่ยวอีกด้วย เชิญท่านอิสระเดินเล่นตามอัธยาศัยจนกระทั่งได้เวลาพอสมควร
- นำท่านเดินทางกลับสู่เมืองวัลเลตตา
- ….. น. นำท่านเดินทางสู่เกาะซิซิลี โดยเรือFerry
- ….. น. เดินทางถึงท่าเรือพอซซาโล
- นำท่านเดินทางสู่เมืองโมดิกา (Modica) เมืองหลวงทางประวัติศาสตร์ของบริเวณนี้ปัจจุบันได้รวมเป็นส่วนหนึ่งของเมืองรากูซา เมืองนี้เคยถูกทำลายไปโดยแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงเมื่อปี ค.ศ. 1693 โดยได้ถูกสร้างขึ้นใหม่หลังจากเกิดแผ่นดินไหว มีสถาปัตยกรรมได้รับการยอมรับว่าเป็นเครื่องยืนยันถึงอัจฉริยภาพในออกแบบช่วงสุดท้ายของศิลปะบาโรกในยุโรปและเมืองอื่น ๆ และยังได้รับการแต่งตั้งเป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโก
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
MODICA HOTEL หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว
โมดิกา(Unseen) - โนโต (Unseen) - ออร์ติเกีย (Unseen) – ซีราคิวส์ - คาตาเนีย
รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก
- นำท่านชมโบสถ์เซนต์จอร์จ (The Duomo of San Giorgio) เป็นสถาปัตยกรรมสไตล์บาโรก ถือได้ว่าเป็นโบสถ์หลักประจำเมืองนี้และได้รับการแต่งตั้งจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกอีกด้วย จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองโนโต (Noto) (ระยะทาง 35 กิโลเมตร ใช้เวลา 40 นาที) เมืองนี้ถูกเรียกว่า “ไข่มุกแห่งซิซิลี” เมืองท่องเที่ยวริมทะเลกับบรรยากาศแห่งศิลปะแบบบาร็อก เมืองโนโต เคยประสบแผ่นดินไหวรุนแรงจนทำให้บ้านเรือนเสียหาย หลังจากนั้นจึงได้สร้างขึ้นใหม่ในสไตล์บาร็อก นอกจากนี้เมืองโนโตยังได้รับการยกย่องจาก UNESCO ให้เป็น World Heritage อีกด้วย
- นำท่านชมวิหารโนโต (NOTO CATHEDRAL) วิหารนี้สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 17-18 เช่นเดียวกับอาคารหลายแห่งในเมืองโนโต ได้รับการยกย่องว่าเป็นตัวอย่างของสถาปัตยกรรมบาโรกที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของเมือง
- ชมพระราชวังดูเชซิโอ (DUCEZIO PALACE) ตอนที่เริ่มออกแบบอาคารในศตวรรษที่ 18 สถาปนิกท้องถิ่นนามว่าวินเชนโซ ซินาตราตั้งใจจะให้เป็นพระราชวังชั้นเดียว ชั้น 2 นี้เพิ่งสร้างขึ้นในทศวรรษที่ 1950 จากนั้นมาพระราชวังได้กลายเป็นที่ตั้งของสภาเมืองโนโต ท่านจะได้ตื่นตาไปกับการตกแต่งอันหรูหราและห้องโถงกระจกที่มีชื่อเสียงที่สุดของพระราชวัง เช่น เก้าอี้และม้านั่งกำมะหยี่สีแดง ซึ่งสะท้อนให้เห็นในกระจกขอบทองรอบผนัง มองขึ้นไปบนเพดานจะเห็นจิตรกรรมฝาผนังชั้นเลิศในศตวรรษที่ 19 ซึ่งแสดงถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่มีความสำคัญทางศาสนา ที่น่าประทับใจที่สุดคือศิลปะเชิง 3 มิติที่อยู่กลางเพดาน ซึ่งเป็นภาพม้ากำลังลากราชรถสีทองฝ่าก้อนเมฆมาพร้อมกับเหล่ากามเทพ ชมซุ้มประตูโค้งสูง 11 ประตูประดับด้วยรูปปั้นบนยอด เรียงรายกันได้สัดส่วนที่สมบูรณ์แบบ จนกระทั่งได้เวลาพอสมควร
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
- นำท่านเดินทางสู่ เมืองออร์ติเกีย (Ortigia) เป็นเกาะขนาดเล็กซึ่งเป็นศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์ของเมืองซีราคิวส์ซิซิลี เกาะนี้ยังเป็นที่รู้จักกันในนามCittà Vecchia หรือเมืองเก่า โดยมีสถานที่ทางประวัติศาสตร์มากมาย
- นำท่านชม มหาวิหารแห่งซีราคิวส์ (Duomo di Siracusa) ตั้งอยู่ใจกลางเกาะออร์ติเกีย เป็นโบสถ์คาทอลิกโบราณในซีราคิวส์ โดยตัวโครงสร้างเป็นแบบกรีกโบราณทำให้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกเมื่อปี ค.ศ.2005
- ชม Piazza Duomo ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเกาะออร์ติเกีย ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในจตุรัสสไตล์บาโรกที่สวยที่สุดในซิซิลี ให้ท่านได้อิสระเดินเล่นชมเมืองตามอัธยาศัย
- นำท่านเดินทางสู่เมืองซีราคิวส์ (siracusa) เคยเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในยุคโบราณและเป็นแหล่งรวมโบราณสถานของอารยธรรมกรีกและโรมันอันยิ่งใหญ่บนเกาะซิซิลี ซีราคิวส์ก่อตั้งโดยชาวอาณานิคมโครินเธียนในช่วง 734 ปีก่อนคริสต์ศักราช และเคยเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมของโลกยุคโบราณมา
- นำท่านเดินทางสู่ เมืองคาตาเนีย (CATANIA) ดินแดนที่เคยถูกปกครองทั้งกรีกและโรมันมาแต่อดีตกาล และ ถูกททำลายจากการระเบิดตัวของภูเขาไฟเอ็ทน่าถึงสองครั้งเมื่อปี ค.ศ.1169 และ 1693 จากนั้น ได้รับการบูรณะเมืองใหม่โดยสถาปนิก ที่ออกแบบให้มีถนนกว้าง และเต็มไปด้วยอาคาร สถาปัตยกรรมแบบบาร็อคอันโดดเด่นเป็นสง่า เป็นเมืองท่าเรือสำคัญทางตะวันออกของเกาะฯ
- นำท่านชม จัตุรัสโบสถ์ (PIAZZA DEL DUOMO) ท่ามกลางอาคารสถาปัตยกรรมแบบบาร็อคอันงดงามที่ตั้งของ มหาวิหารแห่งเมืองคาตาเนีย สร้างตามแบบศิลปะกอธิค รูปร่างมหาวิหารคล้ายกับมงกุฎพระราชา มีบันไดทางขึ้นแข็งแรงน่าเกรงขาม ซึ่งสร้างมาตั้งแต่ช่วงปลายศตวรรษที่ 11 โดย Roger I เพื่ออุทิศให้กับเซ็นต์ อกาธา เทพผู้ปกป้องเมือง กลางจัตุรัสมีประติมากรรมน้ำพุรูปช้างเทินเสาหิน สัญลักษณ์ของเมืองคาตาเนีย เทียบได้กับมิเนอร์วา เทพีโรมันแห่งปัญญาและผู้สนับสนุนศิลปะ การค้าและยุทธศาสตร์ จากนั้น นำท่านสู่ย่านการค้าเมือง VIA ETNEA มีเวลาให้ท่านได้เลือกซื้อสินค้าของที่ระลึก หรือเดินเล่นชมสวน BELLINI ที่ตั้งชื่อเป็นเกียรติแด่นักดนตรีชื่อดัง Vincenzo Bellini ที่เกิดที่คาตาเนีย ปี ค.ศ. 1801 ตามอัธยาศัย
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารจีน
PALACE CATANIA | UNA ESPERIENZE HOTEL หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว
คาตาเนีย - จุดชมวิวภูเขาไฟเอ็ตนา - ทาโอมีน่า
รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก
- นำท่านเดินทางไปยังจุดชมวิวภูเขาไฟเอ็ตนา ( Mount Etna) ภูเขาไฟที่ยังไม่ดับ ที่มีความสูง ที่สุดในยุโรป ระดับความสูงอยู่ที่ 3,323 เมตร โดยมี ฐานกว้างถึง 150 เมตร บนยอดเขาจะมีหิมะปกคลุม ตลอด 9 เดือนของทุกปี ถือเป็นภูเขาไฟที่มีพลังมาก และมีคุณค่าเชิงประวัติศาสตร์ที่สําคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เนื่องจากเป็นภูเขาไฟที่คงประโยชน์ทั้งทางด้านภูเขาไฟวิทยา ด้านธรณีฟิสิกส์ รวมทั้ง ด้านวิทยาศาสตร์ด้วยความหลากหลายเช่นนี้ จึงได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลกในปี ค.ศ. 2013 อิสระให้ท่านได้เก็บภาพเป็นที่ระลึกกับภูเขาไฟเอตน่า และชมความงามของกำแพงหิมะที่ปกคลุม ภูเขาไฟ อันเป็นความงามที่น่าอัศจรรย์
***การให้บริการของกระเช้า ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศของแต่ละวัน ทางบริษัทขอสงวนการเปลี่ยนแปลงรายการโดยเน้นความปลอดภัยของผู้เดินทางเป็นหลัก***
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
- นำท่านเดินทางสู่เมืองทาโอมีน่า (TAORMINA) เมืองชายฝั่งทะเลไอโอเนียน ริมฝั่งตะวันออกของหมู่เกาะซิซิลีเมืองแห่งอารยธรรมกรีก ที่ยังหลงเหลืออยู่ในประเทศอิตาลี
- นำท่านเข้าชมโรงละครกรีก (The Teatro Greco) หรือ Greek theatre หลักฐานทางโบราณคดีในปัจจุบัน แสดงให้เห็นว่า โบราณสถานก่อถูกสร้างเพิ่มเติมจากฐานเติมในสมัยกรีก ก่อนจะมีการก่อสร้างโดยอิฐเพิ่มเติมในรูปแบบของโรมัน ซึ่งบริเวณแห่งนี้ถูกปกครองโดยกษัตรยิ์แห่งโรมันในยุคของกษัตริย์ออกุสตุส โดยภายในประกอบด้วยอาคารในยุคกลางที่น่าสนใจ ได้แก่ พระราชวังคอร์วาญ่า (Palazzo Corvaja) โบสถ์ เซนต์โดมิเนโก้ (the Church of San Domenico) แหล่งโบราณคดีเก่าแก่ของเมืองแห่งนี้ตั้งอยู่บนแหลมเปโลรุส ที่ระดับ 250 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล โดยมีฉากด้านหลัง เป็นภูเขาไฟเอตน่าที่ยังคุกรุ่นอยู่เบื้องหลัง อันเป็นวิวทิวทัศน์ที่ได้รับการกล่าวขานว่าสวยที่สุดในเมือง
- เชิญท่านอิสระเดินเล่น ณ ถนนคอร์โซ อัมเบอร์โต้ (Corso Umberto) ถนนสายหลักของเมืองตามอัธยาศัย
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
EUROSTARS MONTE TAURO TAORMINA HOTEL หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว
ทาโอมีน่า - โรมันวิล่า เดล คาสเซล์ (Unseen) - อากรีเจนโต้(Unseen)
รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก
- นำท่านเดินทางสู่เมืองเปียซซาอาร์เมรินา (Piazza Armerina) เมืองที่ถูกปกครองโดย ชาวนอร์มัน (Normans) ในช่วงศตวรรษที่ 11 บน เกาะซิซิลี (Sicily) ที่นี่แสดงให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองในสมัยยุคของ โรมัน (Roman) จะเห็นได้จาก ศิลปะของภาพโมเสคจากการใช้แผ่นกระเบื้องมาวางเรียงจนเกิดเป็นรูปภาพที่งดงามและเป็นสถาปัตยกรรม ในแบบกอธิค (Gothic architecture) อีกด้วย
- นำท่านเข้าชมคฤหาสน์ขุนนางหรือ โรมันวิล่า เดล คาสเซล์ (Roman Villa Del Casale) แหล่งมรดกโลกอีกแห่งหนึ่งของโลกโดยองค์การยูเนสโก้ เป็นสิ่งก่อสร้างในยุคโรมัน ที่ถือได้ว่ายังมีความสมบูรณ์หลงเหลืออยู่ ไม่ว่าจะเป็นแนวความคิดในการแยกห้องอาบน้ำและห้องน้ำออกจากกันหรือการสร้างอนุสาวรีย์ ไว้ในพื้นที่ใกล้ๆเรือนรับรองนั่นเอง นอกจากนี้ยังมีการสร้างโถงกลางขนาดใหญ่แสดงให้เห็นถึงอำนาจและบารมีของขุนนางโรมันในยุคสมัยนั้นๆ นำท่านชมภาพโมเสกที่ถ่ายทอดเรื่องราวการล่าสัตว์ใน จินตนาการ และทิวทัศน์ของ ธรรมชาติในยุคโบราณ จากนั้น นำท่านไปถ่ายภาพมหาวิหารที่ตั้งอยู่บน ยอดเขากลางใจเมือง สร้างด้วยศิลปะแบบโกธิคสไตล์กาตาโลเนีย พร้อมเก็บภาพบรรยากาศโดยรอบที่สวยงาม
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
- นำท่านเดินทางสู่ เมืองอากรีเจนโต้ (Agrigento) เมืองที่เต็มไปด้วยโบราณสถานกรีก ดังนั้นชาวอาครากาส ซึ่งย้ายถิ่นฐานมาจากกรีกเมื่อ 800 ปีก่อนคริสต์กาลจึงได้สร้างวิหารเพื่อบูชาเทพเจ้าของกรีกไว้ ณ เมืองแห่งนี้
- นำท่านเข้าชม หุบเขาแห่งวิหาร (Valley of the Temples) ถือว่าเป็นหนึ่งในเมืองของอารยธรรมกรีกที่รุ่งเรืองที่สุดในแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เป็นสถานที่ซึ่งถูกบันทึกเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก้เมื่อปี ค.ศ.1997 จากนั้นนำท่านชมวิหารต่าง ๆ ภายใน หุบเขาแห่งนี้ซึ่งประกอบไปด้วย วิหาร จำนวน 7 แห่ง ในปัจจุบันมีเพียงวิหารคองคอร์ด (Temple of Concord) ที่มีสภาพสมบูรณ์และสวยงามหลงเหลือให้เห็นอยู่ เริ่มจากวิหารคองคอร์ด วิหารรูปทรงคล้ายวิหารพาร์เธน่อนแห่งกรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ ซึ่งนักท่องเที่ยวที่ได้เข้าชมต่าง กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่ายังคงความสมบูรณ์กว่าวิหารพาร์เธน่อนเสียอีก ต่อด้วยวิหารเฮร่า วิหารซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาบนจุดที่สูงที่สุดของหุบเขานี้ วิหารเฮอร์คิวลิส วิหารซึ่งมีเสาขนาดใหญ่กว่าวิหารอื่น ๆ ซึ่งแสดงได้ถึง ความเชื่อของชาวกรีกในความทรงพลังของเทพเฮอร์คิวลิส ต่อด้วยวิหาร อื่น ๆ ในหุบเขาแห่งนี้
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
COLLEVERDE PARK HOTEL AGRIGENTO หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว
อากรีเจนโต้ - มาซาลา – WINE TASTING – มอนเรอาเล - ปาร์แลโม
รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก
- นำท่านเดินทางสู่เมืองมาซาลา (Marsala) คือ เมืองที่ตั้งอยู่ปลายสุดทางทิศตะวันตกของซิชิลี เป็นสถานที่ที่เรือของ Giuseppe Garibaldi ได้มาขึ้นเทียบท่าย้อนกลับไปในปี 1860 และยังเป็นแหล่งผลิตไวน์ Marsala ที่มีชื่อเสียงอีกด้วย Cantine Pellegrino คือ หนึ่งในสุดยอดทูตทางการค้า ที่ทำให้ไวน์ซิชิลีมีชื่อเสียงอย่างกว้างขวาง ย้อนกลับไปในปี 1880 โรงไวน์ Paolo Pellegrino ได้ถูกก่อตั้งขึ้น แต่ต้นกำเนิดที่แท้จริงเกิดขึ้นในปี 1773 ซึ่งเป็นช่วงที่ชาวอังกฤษเดินทางมาถึงมาซาลา และได้สัมผัสกับรสชาติเครื่องดื่มท้องถิ่นของที่นี่ บรรพบุรุษของไวน์ Marsala ในปัจจุบัน ซึ่งรสชาติของเครื่องดื่มดังกล่าวทำให้พวกเขาตกหลุมรัก ต่อมาพวกเขาจึงได้นำเทคนิคการผลิตไวน์มาประยุกต์ เพื่อทำให้มันมีรสชาติที่แปลกใหม่ยิ่งขึ้น
- นำท่านเข้าชมการผลิตไวน์และลองลิ้มชิมรสไวน์ขึ้นชื่อของเมืองแห่งนี้ จากนั้นอิสระให้ท่านเดินชมเมือง ตามอัธยาศัย
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
- นำท่านเดินทางสู่เมืองมอนเรอาเล (Monreale) หรือ MONS REGALIS ที่มีความหมายในภาษาอังกฤษว่า ROYAL MOUNTAIN ตั้งอยู่บนลาดเขาคาปูโต้
- นำท่านชมมหาวิหารมอนเรอาเล (Duomo Di Monreale) อีกหนึ่งประวัติศาสตร์ของสถาปัตยกรรมแบบไบแซนไทน์ (Byzantine ) ที่ผสมผสานกับศิลปะแบบอาหรับ (Arabic) ถูกสร้างขึ้นในยุคสมัย ค.ศ.1060 จากชนกลุ่มอาหรับ ภายหลังเกิดการขับไล่โดยชนกลุ่ม คริสเตียน (Christian) ทำให้มหาวิหารแห่งนี้ตกเป็นของชนกลุ่มคริสเตียนตั้งแต่นั้นมา แต่ก็ยังไม่วายเพราะภายหลังนั้นก็ถูกชาวโรมัน (Roman) ยึดครองไปและกินระยะเวลามาจนถึงปัจจุบัน ความงดงามของงานวิจิตรศิลป์ กับการนำกระเบื้องโมเสคทองคำชิ้นเล็กๆมาร้อยเรียงต่อกันจนเกิดเป็นภาพผนังของการกำเนิดเผ่าพันธุ์มนุษย์จากเรื่องราวของอดัม (Adam) และ เอวา หรือที่เราคุ้นเคยกันดีในชื่อ อีฟ (Eve) สองมนุษย์คนแรกในเรื่องราวของพระผู้เป็นเจ้าสร้างทั้งคู่ขึ้นมา รวมไปถึงการเล่าเรื่องความล่มสลายของเผ่าพันธุ์มนุษย์จากเรื่องราว โนอาห์ (Noah) และคำสอนจากพระคัมภีร์จนเกิดเป็นภาพพนังสวยสดงดงามอย่างที่ได้เห็น ชมสวนไม้ที่ถูกตกแต่งมีลักษณะการจัดวางให้กระจายเป็น สี่มุม มีชื่อเรียกสวนนี้ว่า สวนอีเดน (Garden Of Eden) ประกอบไปด้วย ต้นมะเดื่อป่า ต้นทับทิมป่า ต้นมะกอกป่า และ ต้นอินทผาลัมและยังมีการตกแต่งเสาหินอ่อนโดยรอบไว้อย่างสวยงาม
- นำท่านเดินทางสู่เมืองปาแลร์โม (PALERMO) เมืองหลวงของแคว้นปกครองตนเองซิซิลี ซึ่งเป็นเกาะใหญ่ปลายรองเท้าบูทของอิตาลี มีประวัติต่อเนื่องยาวนานกว่า 4,000 ปี เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญแห่งหนึ่งของยุโรปจึงตกเป็นเป้าหมายของการยึดครองจากชนชาติที่มีอำนาจเข้มแข็งในช่วงเวลาต่างๆเริ่มตั้งแต่กรีก โรมัน คาร์เทธ อาหรับ นอร์มัง เยอรมัน ฝรั่งเศส และสเปน แต่ละชาติผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้ามาปกครองดินแดนนี้ขณะเดียวกันก็ได้นำเอาศิลปวัฒนธรรมของตนเข้ามาด้วย เกาะนี้จึงมีสถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมที่หลากหลายผสมผสานกันหากแต่ลงตัว นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยความงามทางธรรมชาติ ของทั้งชายหาด ทะเล และภูเขาไฟ ด้วยความที่อยู่ห่างไกลท่านจะสามารถสัมผัสถึงความเป็นอิตาเลียนดั้งเดิม อย่างที่หาไม่พบอีกแล้วตามเมืองใหญ่ในอิตาลีภาคพื้นทวีป
- นำท่านเที่ยวชมเมืองปาแลร์โม ถ่ายรูปกับ Palazzo dei Normanni อดีตราชวังของกษัตริย์นอร์แมน ปัจจุบันใช้เป็นสภาท้องถิ่นประจำเมือง
- นำท่านแวะถ่ายรูป Cappella Palatina โบสถ์ส่วนพระองค์ของกษัตริย์โรเจอร์ที่ 2 พระราชาซึ่งเคยได้ชื่อว่ามีฐานะล่ำซำที่สุดในยุโรป โดยโบสถ์นี้ยังถือเป็นต้นแบบของวิหาร Monreale ที่สร้างขึ้นในอีก 40 ปีให้หลังด้วย หลังคาโดมประดับด้วยโมเสคทองรูปพระเยซูและเทวดาทั้งแปด
- นำท่านชม น้ำพุ Fontana della Vergogna น้ำพุแกะสลักสไตล์เรเนอซองส์ซึ่งสั่งทำจากฟลอเรนซ์ จากนั้นเชิญท่านเดินเล่นชมเมืองตามอัธยาศัย
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
EXCELSIOR PALACE HOTEL หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว
ปาร์แลโม – โรม
รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก
- 08.00 น. นำท่านเดินทางสู่สนามบินปาร์แลโม
- 11.45 น. ออกเดินทางสู่กรุงโรม โดยสายการบิน AZ AIRLINE เที่ยวบินที่ AZ1779
***หมายเหตุ ไฟล์ทการเดินทางอาจมีการเปลี่ยนแปลง ทางบริษัทฯ ของสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม***
- 12.55 น. เดินทางถึงสนามบินโรม
เพื่อความสะดวกในการเดินทางอิสระท่านรับประทานอาหารกลางวันตามอัธยาศัย คืนเงินให้ท่านละ 30 ยูโร
- นำท่านเดินทางสู่ย่านบันไดสเปน (Spanish Steps) นอกจากจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามของกรุงโรมแล้ว ย่านนี้ยังเต็มไปด้วยร้านบูติคแบรนด์ดังมากมาย รวมไปถึงบูติคแฟชั่นระดับชั้นนำของอิตาลี เช่น วาเลนติโน กุชชี่ พราด้า อาร์มานี่ และอื่นๆ อีกมากมายตั้งเรียงรายอยู่ในย่านสุดหรูแห่งนี้ ซึ่งบูติคแต่ละร้านได้รับการตกแต่งสวยงาม หรูหรา และล้วนแล้วแต่ให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัวในการช้อปปิ้งเป็นอย่างมาก จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะพบเหล่าคนดังและเศรษฐีแห่งกรุงโรมมาช้อปปิ้งอยู่ในบูติกดังในย่านสุดหรู Spanish Steps แห่งนี้ นอกจากนั้นแล้วยังมีห้างสรรพสินค้าต่างๆ ให้ได้เพลิดเพลินกับการช้อปปิ้งในย่านนี้ด้วย
- อิสระท่านช้อปปิ้ง ณ Galleria Alberto Sordi Shopping Mall แห่งเดียวที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโรมบนถนน Via del Corso ที่มีต้นแบบมาจาก ห้าง Galleria ที่ตั้งอยู่ทางเหนือในเมืองมิลาน จึงได้รับการตกแต่งที่สวยงามหรูหราคล้ายคลึงกับต้นฉบับ โดยเฉพาะในส่วนของเพดานกระจกและการตกแต่งโดยใช้ศิลปะสไตล์ Art Deco ศูนย์การค้าแห่งนี้เพิ่งเปิดให้บริการในปี 2004 ภายในมีสินค้าแบรนด์ดังมากมายไว้ต้อนรับขาช้อป เช่น Zara , Son , CK Calvin Klein หรือ Richard Ginori เป็นต้น
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารไทย
STARHOTELS METROPOLE ROME หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว
มิลาน - สนามบิน
รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก
- ให้ทุกท่านพักผ่อนตามอัธยาศัย
- ได้เวลาอันสมควรนำท่านออกเดินทางสู่สนามบินโรม เพื่อทำการเช็คอินและทำTAX REFUND
- 13.55 น. ออกเดินสู่กรุงเทพฯ โดยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG945
สนามบินสุวรรณภูมิ – กรุงเทพฯ
- 05.55 น. เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ…..