ทัวร์ตุรกี 10 วัน
รายละเอียดโปรแกรมทัวร์-ทัวร์ตุรกี 10 วัน

กำหนดการเดินทาง
รอบที่ | วันเดินทาง | ราคา |
---|---|---|
1 | 15 พ.ค. 68 - 24 พ.ค. 68 | 129,900 บาท |
2 | 18 ก.ย. 68 - 27 ก.ย. 68 | 129,900 บาท |
3 | 16 ต.ค. 68 - 25 ต.ค. 68 | 129,900 บาท |
สถานที่สำคัญ
- 1ชมเมือง CAPPADOCIA เมืองมรดกโลกสุดมหัศจรรย์
- 2ชม ปราสาทปุยฝ้าย COTTON CASTLE เมือง PAMUKKALE มรดกโลก
- 3ชมเมืองโบราณ EPHESUS อดีตมหานครแห่งแรกและยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชีย
- 4ชมเมือง ISTANBUL อดีตเมืองหลวงสุดสวยของตุรกี
- 5ชม HAGIA SOPHIA สุเหร่าเซนต์โซเฟีย 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก
- 6ชม BLUE MOSQUE สุเหร่าสีน้ำเงินสถานที่ศักดิ์ของชาวตุรกี
- 7ชม บ้านพระแม่มารี (House of Virgin Mary)
- 8ชมเมือง ANTALYA เมืองสวยริมทะเล ริเวียร่าแห่งตุรกี
- 9ชม พิพิธภัณฑ์เมฟลานา
- 10ชม พระราชวังทอปกาปึ
- 11ชม พระราชวังโดลมาบาเช่
- 12ชม อ่างเก็บน้ำใต้ดินเยเรบาตัน
- 13ล่องเรือ ชมช่องแคบบอสฟอรัส
- 14ล่องเรือ ชมเมือง Antalya
- 15ช้อปปิ้ง 2 ตลาดดัง แกรนด์บาร์ซาร์ + สไปซ์
- 16ชมโชว์ Belly Dance
HappyLongWay
ขอนำเสนอโปรแกรมทัวร์ยุโรป
ทัวร์ตุรกี 10 วัน 7 คืน
โดยสายการบินนเตอร์กิชแอร์ไลน์
พักเมืองคัปปาโดเกีย 2 คืน ให้ท่านมี โอกาสขึ้นบอลลูนถึง 2 วัน
สนามบินสุวรรณภูมิ - กรุงเทพฯ - อิสตันบูล (ตุรกี)
- 19.30 น. คณะพร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 ประตูทางหมายเลข 9 เคาน์เตอร์ U สายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ (Turkish Airlines) พบเจ้าหน้าที่บริษัทอำนวยความสะดวกในการเช็คอิน
- 22.45 น. ออกเดินทางสู่นครอิสตันบูล ประเทศตุรกี โดยสายการบินเตอร์กิชแอร์ไลน์ เที่ยวบิน TK069
อิสตันบูล - อิชเมียร์ - เมืองโบราณเอเฟซุส - คูซาดาซี
- 05.15 น. เดินทางถึงกรุงอิสตันบูล ประเทศตุรกี
- 08.00 น. ออกเดินทางสู่สนามบินเมืองอิชเมียร์ (Izmir) โดยสายการบินเตอร์กิชแอร์ไลน์ เที่ยวบิน TK2312
- 09.15 น. เดินทางถึงสนามบินเมืองอิชเมียร์
- จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองโบราณเอเฟซุส (City of Ephesus) ตั้งอยู่ในจังหวัดอิซเมียร์ (ระยะทาง 70 กม. ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. 15 นาที)
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
- จากนั้นนำท่านชมเมือง เอเฟซุส (Ephesus) หรือ เอเฟส (Efes) ประเทศตุรกี เป็นเมืองโบราณเก่าแก่ ที่แม้ไม่ปรากฏหลักฐานชัดเจนว่ากำเนิดขึ้นในสมัยใด แต่นักประวัติศาสตร์สันนิษฐานว่าน่าจะสร้างขึ้นในราวศตวรรษที่ 14 ก่อนคริสตกาล จากนั้นอีกนับพันปีต่อมากรีกและโรมันได้เข้ายึดครองเมืองนี้ติดต่อกันตามลำดับ ทำให้เอเฟซุส ได้รับอารยธรรมของกรีกและโรมันที่ยิ่งใหญ่และงดงามจนกระทั่งจารึกว่า มหานครแห่งแรกและยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเซีย เมืองโบราณที่สมบูรณ์และมั่งคั่งที่สุด ถนนทุกสายปูด้วยหินอ่อน
- ชมห้องสมุดเซลซุส (The Library of Celsus) ห้องสมุดแห่งนี้มีทางเข้า 3 ทาง โดยบริเวณประตูทางเข้ามีรูปแกะสลักเทพี 4 องค์ประดับอยู่ ได้แก่ เทพีแห่งปัญญาเทพีแห่งคุณธรรม เทพีแห่งความเฉลียวฉลาด และเทพีแห่งความรู้ รูปแกะสลักเทพีทั้ง 4 องค์นี้เป็นของจำลอง ส่วนของจริงนักโบราณคดีชาวออสเตรียได้นำกลับไปออสเตรียและตั้งแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์กรุงเวียนนา ต่อมาในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 1 เมืองเอเฟซุสภายใต้การปกครองของโรมันเจริญรุ่งเรืองอย่างมาก โดยเฉพาะในสมัยของจักรพรรดิ “ออกุสตุส ซีซาร์” (Augustus Caesar) ผู้มีชัยเหนือ “มาร์กุส อันโตนิอุส” (Marcus Antonius) หรือที่รู้จักกันในนาม “มาร์ก แอนโทนี” (Marc Antony) ชู้รักของพระนางคลีโอพัตรา (Clopatra) เอเฟซุสถูกสถาปนาเป็นเมืองหลวงอันยิ่งใหญ่โดยมีจารึกระบุไว้ว่าเอเฟซุส เป็น “มหานครแห่งแรกและยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชีย”
- จากนั้นนำท่านเข้าชมบ้านของพระแม่มารี (House of Virgin Mary) ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นที่สุดท้ายที่พระแม่มารีมาอาศัยและสิ้นพระชนม์ในบ้านหลังนี้ ถูกค้นพบอย่างปาฏิหาริย์โดยแม่ชีตาบอดชาวเยอรมันชื่อ แอนนา แคเทอรีน เอมเมอริช Anna Catherine Emmerich ค.ศ. 1774-1824 หลังจากนั้นได้เขียนบรรยายสถานที่ไว้ในหนังสืออย่างละเอียดราวกับเห็นด้วยตาตนเอง เมื่อเธอเสียชีวิตลง มีคนพยายามสืบเสาะค้นหาบ้านหลังนี้ จนพบในปี ค.ศ. 1891 ปัจจุบันบ้านพระแม่มารีได้รับการบูรณะเป็นบ้านอิฐชั้นเดียว ภายในมีรูปปั้นของพระแม่มารี ซึ่ง พระสันตะปาปา เบเนดิกส์ที่ 16 ได้เคยเสด็จเยือนที่นี่ บริเวณด้านนอกของบ้าน มีก๊อกน้ำสามก๊อกที่เชื่อว่าเป็นก๊อกน้ำที่มีความศักดิ์สิทธิ์ แทนความเชื่อในเรื่อง สุขภาพ ความร่ำรวย และความรัก ถัดจากก๊อกน้ำเป็น กำแพงอธิษฐาน ซึ่งมีความเชื่อว่าหากต้องการให้สิ่งที่ปรารถนาเป็นความจริงให้เขียนลงในผ้าฝ้ายแล้วนำไปผูกไว้แล้วอธิษฐาน
- อิสระให้ท่านเดินชมหรือเลือกซื้อสินค้าที่ระลึกตามอัธยาศัย
- นำท่านเดินทางสู่เมือง คูซาดาซี (Kusadasi) (ระยะทาง 20 กม. ใช้เวลาประมาณ 40 นาที) เมืองต่างอากาศริมทะเลที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศตุรกี ในช่วงฤดูร้อนของแต่ละปีชาวตุรกีและนักท่องเที่ยวจากต่างชาติมาพักและทำกิจกรรมในเมืองอย่างมากมาย
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
DOUBLETREE BY HILTON KUSADASI หรือระดับเทียบเท่า 5 ดาว
คูซาดาซี - ปามุคคาเล่ - ปราสาทปุยฝ้าย
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
- นำท่านเดินทางสู่เมือง ปามุคคาเล่ (Pamukkale) (ระยะทาง 190 กม.ใช้เวลาประมาณ 3 ชม.) เมืองแห่งน้ำพุเกลือแร่ร้อน เป็นน้ำตกหินปูนสีขาวที่เกิดขึ้นจากธารน้ำใต้ดินที่มีอุณหภูมิประมาณ 35 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นที่มีแร่หินปูน (แคลเซียมออกไซด์) ผสมอยู่ในปริมาณที่สูงมาก ไหลรินลงมาจากภูเขา “คาลดากึ” ที่ตั้งอยู่ห่างออกไปทางทิศเหนือ รินเอ่อท้นขึ้นมาเหนือผิวดิน และทำปฏิกิริยาจับตัวแข็งเกาะกันเป็นริ้ว เป็นแอ่ง เป็นชั้น ลดหลั่นกันไปตามภูมิประเทศ เกิดเป็นประติมากรรมธรรมชาติ อันสวยงามแปลกตาที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ยากจะหาที่ใดเหมือน จนทำให้ปามุคคาเล่แห่งเมืองเฮียราโพลิส ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมในปี ค.ศ. 1988
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
- นำท่านท่านชม ปราสาทปุยฝ้าย (Cotton Castle) ในภาษาตุรกี เกิดจากน้ำแร่ร้อนที่มีแร่ธาตุแคลเซี่ยมคาร์บอเนต มาตกตะกอน เกิดเป็นลักษณะหน้าผา ซ้อนกันเป็นชั้นน้ำตก มีสีขาวคล้ายกับสร้างมาจากปุยฝ้าย ซึ่งน้ำแร่ที่ไหลลงมาแต่ละชั้นจะแข็งเป็นหินปูน ย้อยเป็นรูปร่างต่างๆอย่างสวยงามและน่าอัศจรรย์ น้ำแร่นี้มีอุณหภูมิตั้งแต่ประมาณ 35 – 100 องศาเซลเซียส ประชาชนจึงนิยมไปอาบหรือนำมาดื่ม เพราะเชื่อว่ามีคุณสมบัติในการรักษาโรคหัวใจ โรคไขข้ออักเสบ ความดันโลหิตสูง โรคทางเดินปัสสาวะ และโรคไต ในอดีตกาลชาวโรมันเชื่อว่าน้ำพุร้อนสามารถรักษาโรคได้ จึงได้สร้างเมืองเฮียราโพลิสล้อมรอบ
- จากนั้นนำท่านชมเข้าเมืองโบราณเฮียราโพลิส (Hierapolis) ในอดีตเป็นสถานที่บำบัดโรค ก่อตั้งโดยกษัตริย์ยูเมเนสที่ 1แห่งแพร์กามุม ในปี 190 ก่อนคริสต์กาล สถานที่แห่งนี้มีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นหลายครั้งหลังปี ค.ศ 1334 จึงไม่มีคนอาศัยอยู่อีก ศูนย์กลางของเฮียราโพลิสเป็นบ่อน้ำที่ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งปัจจุบันตั้งอยู่ในปามุคคาเล่ สถานที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ พิพิธภัณฑ์ปามุคคาเล่ โรงอาบน้ำโรมัน โบสถ์สมัยไบแซนไทน์
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
PAM THERMAL HOTEL หรือระดับเทียบเท่า 5 ดาว
** โรงแรมมีบริการสระว่ายน้ำซึ่งเป็นน้ำแร่ธรรมชาติ ท่านที่ต้องการใช้บริการสระว่ายน้ำให้เตรียมชุดว่ายน้ำและหมวกว่ายน้ำไปด้วย **
ปามุคคาเล่ - อันทาเลีย - ล่องเรือ - น้ำตกดูเดน
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
- นําทุกท่านออกเดินทางสู่ เมืองอันทาเลีย (Antalya) (ระยะทาง 240 กม. ใช้เวลาประมาณ 3 ชม. 30 นาที) อันทาเลีย เป็นเมือง ท่องเที่ยวทางชายทะเลตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศตุรกี ริมชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เป็นอีก เมืองในประวัติศาสตร์ที่สามารถย้อนไปได้ถึง 150 ปีก่อนคริสตกาล นอกจากจะมีเป็นที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานแล้ว ยังมีชายฝั่งทอดตัวยาว ล้อมรอบด้วยภูเขามีทัศนียภาพที่สวยงาม จนนักท่องเที่ยวได้การยกย่อง ว่าเป็น “ริเวียร่าแห่งตุรกี” เป็นอีกเมืองที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดเมื่อมาตุรกี (ติด 1 ใน 5 เมืองท่องเที่ยวสำคัญของประเทศตุรกี)
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
- นําทุกท่านชม ประตูเฮเดรียน ประตูชัยที่สร้างขึ้นตามชื่อของจักรพรรดิ โรมันเฮเดรียน ในศตวรรษที่ 2 ประตูมี 3 ซุ้มโค้งที่สวยงามและสมบูรณ์ ที่สุด
- จากนั้นนําทุกท่านสู่ Republic Square จัตุรัสกลางเมืองอันทาเลีย ชม หอนาฬิกาอายุเก่าแก่กว่า 100 ปีจากนั้นให้ทุกท่านได้เขตเมืองเก่า ให้ ทุกท่านได้สัมผัสบรรยากาศบ้านเรือนที่สร้างตั้งแต่สมัยยุคออตโตมันยังรุ่งเรือง
- จากนั้นนำทุกท่านล่องเรือชมเมืองและ ชมน้ำตกดูเดน (Duden Waterfall) ที่ไหลลงสู่ทะเล น้ำตกดูเดนอันมีชื่อของ เมืองอันทาเลีย น้ำตกเกิดจากแม่น้ำดูเดน (Duden River) 1 ในแม่น้ำสายสำคัญของประเทศตุรกี ลุ่มน้ำตกดูเดนอยู่ห่างจากเมืองอันตาเลียประมาณ 12 กิโลเมตร น้ำตกมีหลายชั้น บางช่วงเป็นเหมือนกับลำธารเล็กๆ ไหลเรื่อยไปจนสิ้นสุดที่หน้าผาหินริมทะเล และไหลเป็นน้ำตกลงสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนสวยงามแปลกตา อิสระให้ท่านเดินชมเมืองตามอัธยาศัย
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
CROWNE PLAZA HOTEL ANTALYA หรือระดับเทียบเท่า 4 – 5 ดาว
อันทาเลีย - คอนย่า - พิพิธภัณฑ์เมฟลานา - คาราวานสไลน์ - คัปปาโดเกีย - พักโรงแรมสไตล์ถ้ำ 2 คืน
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
- จากนั้นนำท่านออกเดินทางสู่ เมืองคอนย่า (Konya) (ระยะทาง 260 กม. ใช้เวลาประมาณ 3 ชม. 30 นาที) ซึ่งเคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรเซลจูคในช่วงปี ค.ศ. 1071-1308 รวมทั้งยังเป็นศูนย์กลางที่สำคัญของภูมิภาคแถบนี้อีกด้วย ระหว่างทางให้ท่านได้ชมทัศนียภาพสองข้างทางสบายๆที่งดงามตามธรรมชาติตลอดสองฝั่งทาง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
- นำท่าน เข้าชมพิพิธภัณฑ์เมฟลานา (Mevlana museum) หรือสำนักลมวน ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1231 โดยเมฟลานา เจลาเลดดิน รูบี ซึ่งเชื่อกันว่าชายคนนี้เป็นผู้วิเศษของศาสนาอิสลาม หรือเรียกได้ว่าเป็นผู้ชักชวนคนที่นับถือศาสนาคริสต์ให้เปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลาม พิพิธภัณฑ์เมฟลานา เดิมเป็นสถานที่นักบวชในศาสนาอิสลามทำสมาธิ (Whirling Dervishes) โดยการเดินหมุนเป็นวงกลมขณะฟังเสียงขลุ่ย ส่วนหนึ่งของพิพิธภัณฑ์เป็นสุสานของเมฟานา เจลาเลดดิน ภายนอกเป็นหอทรงกระบอกปลายแหลมสีเขียวสดใส ภายในตกแต่งประดับประดาฝาผนังแบบมุสลิม และยังเป็นสุสานสำหรับผู้ติดตาม สานุศิษย์ บิดาและบุตรของเมฟลานา
- อิสระให้ท่านถ่ายรูปเลือกซื้อสินค้าพื้นเมืองตามอัธยาศัย
- จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองคัปปาโดเกีย (Cappadocia) ระหว่างทางแวะ “คาราวานสไลน์” นำท่านเข้าชมที่พักกองคาราวานในอดีตของสุลต่านฮานี (Sultan Han Caravanserai) ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านสุลต่านฮานี สร้างโดยสุลต่านอาเลดดิน เคย์โคบาท ราวศตวรรษที่ 13 ประตูทำด้วยหินอ่อนสกัดลวดลายโบราณ ตรงกลางเป็นสุเหร่า ส่วนบริเวณอื่นจัดเป็นครัว ห้องน้ำ และห้องนอน (ระยะทาง 230 กม. ใช้เวลาประมาณ 3 ชม. 30 นาที)
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
SACRED MANSION CAPPADOCIA โรงแรมสไตล์ถ้ำ หรือระดับเทียบเท่า (พัก 2 คืน)
(OPTIONAL บอลลูน) คัปปาโดเกีย - เกอเรเม - นครใต้ดิน - ชมระบำ Belly Dace
ท่านใดสนใจขึ้นบอลลูน กรุณามาเจอกัน ณ Lobby โรงแรมประมาณ 04.30 น. โดยท่านสามารถเลือกซื้อ Optional Hot Air Balloon Tour ได้ (ไม่รวมในค่าทัวร์) ราคาประมาณ 300 USD / ท่าน สำหรับประกันภัยที่ทำจากเมืองไทยไม่ครอบคลุมการขึ้นบอลลูน และ เครื่องร่อนทุกประเภท ดังนั้นการเลือกซื้อ Optional tour ขึ้นกับดุลยพินิจของท่านเอง
** หมายเหตุ: บอลลูนจะขึ้นได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับปัจจัยสภาพอากาศเป็นสำคัญ ทางบริษัทไม่สามารถควบคุมได้ **
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
- นำท่านเดินเข้าชม พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม (Goreme) ศูนย์กลางของศาสนาคริสต์ในช่วง ค.ศ. 9 เป็นความคิดของชาวคริสต์ที่ต้องการเผยแพร่ศาสนาโดยการขุดถ้ำเป็นจำนวนมากเพื่อสร้างโบสถ์และยังเป็นการป้องกันการรุกรานจากชนเผ่าลัทธิอื่นที่ไม่เห็นด้วยกับศาสนาคริสต์ ก่อนที่ศาสนาคริสต์จะเผยแพร่ในดินแดนคัปปาโดเกีย ผู้คนแถบนี้นับถือเทพเจ้ากรีก-โรมัน จนเมื่อประมาณกลางคริสต์ศตวรรษที่ 1 “เซนต์ปอล” เดินทางมาเผยแผ่ศาสนาคริสต์ในคัปปาโดเกีย แต่ดูเหมือนว่าชาวโรมันผู้ปกครองในยุคนั้นจะไม่ให้การยอมรับ ทำให้ผู้นับถือศาสนาคริสต์ในคัปปาโดเกียต้องหลบซ่อนจากการถูกรังควานของโรมัน ด้วยการเจาะถ้ำขุดพื้นดินลงไปเป็นอุโมงค์ เกิดเป็นเมืองใต้ดินขึ้นมา และได้ขุดเจาะบริเวณเกอเรเม่ทำเป็นโบสถ์ถ้ำจำนวนมากกระทั่งในคริสต์ศตวรรษที่ 5-6 ชาวโรมันให้การยอมรับศาสนาคริสต์ สำหรับโบสถ์ถ้ำในเกอเรเม่ ว่ากันว่ามีถึง 365 หลังด้วยกัน (สร้างตามจำนวนวันใน 1 ปี) แต่ว่าปัจจุบันเปิดให้ชมเพียงบางส่วนเท่านั้น
- อิสระให้ท่านได้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก นำท่านแวะชมโรงงานทอพรม ต่อด้วยโรงงานอัญมณี พร้อมจับจ่ายซื้อของฝากตามอัธยาศัย
- เวลานำท่านแวะชมโรงงานทอพรม ต่อด้วยโรงงานอัญมณี พร้อมจับจ่ายซื้อของฝากตามอัธยาศัย
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
- นำท่านเข้าชมนครใต้ดิน (Underground city of Kaymakli) ซึ่งเป็นเมืองใต้ดินที่มีครบทุกอย่าง ทั้งห้องโถง ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องถนอมอาหาร ห้องครัว ห้องอาหาร โบสถ์ ทางหนีฉุกเฉิน ฯลฯ ซึ่งสาเหตุแท้จริงของการสร้างเมืองใต้ดินปัจจุบันยังสรุปไม่ได้ แต่ส่วนใหญ่ลงความเห็นว่าเป็นการสร้างเพื่อใช้เป็นที่หลบภัยจากข้าศึกศัตรู (โดยเฉพาะพวกทหารโรมัน) แม้จะเป็นเมืองขนาดใหญ่ขุดลึกลงไปใต้ดินหลายชั้น แต่ว่าอากาศในนั้นกลับถ่ายเทเย็นสบาย เนื่องจากเป็นหินภูเขาไฟ มีอุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปีประมาณ 17-18 องศาเซลเซียส หน้าร้อนอากาศเย็น หน้าหนาวอากาศอบอุ่น
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง หลังอาหารค่ำนำท่านชมการแสดงระบำหน้าท้องอันเลื่องชื่อ Belly Dance
SACRED MANSION CAPPADOCIA โรงแรมสไตล์ถ้ำ หรือระดับเทียบเท่า
(OPTIONAL บอลลูน) คัปปาโดเกีย - ชมเมือง - อิสตันบลู
ท่านใดสนใจขึ้นบอลลูน กรุณามาเจอกัน ณ Lobby โรงแรมประมาณ 04.30 น. โดยท่านสามารถเลือกซื้อ Optional Hot Air Balloon Tour ได้ (ไม่รวมในค่าทัวร์) ราคาประมาณ 300 USD / ท่าน สำหรับประกันภัยที่ทำจากเมืองไทยไม่ครอบคลุมการขึ้นบอลลูน และ เครื่องร่อนทุกประเภท ดังนั้นการเลือกซื้อ Optional tour ขึ้นกับดุลยพินิจของท่านเอง
** หมายเหตุ: บอลลูนจะขึ้นได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับปัจจัยสภาพอากาศเป็นสำคัญ ทางบริษัทไม่สามารถควบคุมได้ **
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
- นำท่านชมเมืองต่างๆในเขตคัปปาโดเกีย (Cappadocia) ดินแดนที่มีภูมิประเทศอันน่าอัศจรรย์แปรสภาพเป็นหุบเขา ร่องลึก เนินเขา กรวยหิน และเสารูปทรงต่างๆ ที่งดงาม คัปปาโดเกีย (Cappadocia) เป็นชื่อเก่าแก่ภาษาฮิตไทต์ (ชนเผ่ารุ่นแรกๆที่อาศัยอยู่ในดินแดนแถบนี้) แปลว่า “ดินแดนม้าพันธุ์ดี” ตั้งอยู่ทางตอนกลางของตุรกี เป็นพื้นที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟเออซิเยสและภูเขาไฟฮาซาน เมื่อประมาณ 3 ล้านปีที่แล้ว เถ้าลาวาที่พ่นออกมาและเถ้าถ่านจำนวนมหาศาลกระจายทั่วบริเวณ จนทับถมเป็นแผ่นดินชั้นใหม่ขึ้นมา จากนั้นกระแส น้ำ ลม ฝน แดด และหิมะ กัดเซาะกร่อนกินแผ่นดินภูเขาไฟไปเรื่อยๆนับแสนนับล้านปี จนเกิดเป็นภูมิประเทศประหลาดแปลกตาน่าพิศวง ที่เต็มไปด้วยหินรูปแท่ง กรวย ปล่อง กระโจม โดม และอีกสารพัดรูปทรง ดูประหนึ่งดินแดนในเทพนิยายจนผู้คนในพื้นที่เรียกขานกันว่า “ปล่องไฟนางฟ้า” ในปี ค.ศ.1985 ยูเนสโกได้ประกาศให้พื้นที่มหัศจรรย์แห่งนี้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมแห่งแรกของตุรกี ให้ท่านถ่ายรูปเดินเล่นเลือกซื้อสินค้าพื้นเมืองตามอัธยาศัย
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
- จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ สนามบินไคเซรี่ (ASR)
- 15.15 น. ออกเดินทางสู่เมืองอิสตันบูล โดยสายการบินเตอร์กิชแอร์ไลน์ เที่ยวบิน TK 2017/2019
*** หมายเหตุ ไฟล์ทบินอาจมีการเปลี่ยนแปลง ***
- 16.55 น. เดินทางถึงสนามบินเมืองอิสตันบูล นำท่านตรวจรับสัมภาระ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารไทย
HILTON ISTANBUL BOMONTI HOTEL & CONFERENCE CENTE หรือระดับเทียบเท่า 4 – 5 ดาว (พัก 2 คืน)
อิสตันบลู - ฮิปโปโดม - สุเหล่าสีน้ำเงิน - ฮาเกียโซเฟีย - อ่างเก็บน้ำใต้ดิน - พระราชวังทอปกาปึ - หอคอยกาลาตา
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
- นำท่านเดินทางสู่จัตุรัสสุลต่านอาห์เหม็ด (Sultan Ahmed Complex) มีชื่อเรียกโบราณคือฮิปโปโดม (Hippodrome) ตั้งอยู่หน้าสุเหร่าสีน้ำเงิน เดิมเป็นลานแข่งรถม้าและศูนย์กลางเมืองในยุคไบแซนไทน์
- นำท่านเข้าชม สุเหร่าสีน้ำเงิน (Blue Mosque) สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ทางศาสนา ที่มีความสวยงามแห่งหนึ่ง ชื่อนี้ได้มาจากกระเบื้องเคลือบสีน้ำเงินที่ใช้ปูตลอดแนวฝาผนังด้านใน และถูกสร้างขึ้นบนพื้นที่ซึ่งเคยเป็นวังของจักรพรรดิไบเซนไทน์ โดยสุลต่านอาห์เหม็ตที่ 1 ค.ศ. 1609 ใช้เวลาสร้างทั้งหมด 7 ปี
- จากนั้นนำท่านเข้าชม สุเหร่าเซนต์โซเฟีย (Mosque of Hagia Sophia) หรือชื่อในปัจจุบัน พิพิธภัณฑ์ฮาเยียโซเฟีย (Ayasofya Museum) เดิมเคยเป็นโบสถ์ของคริสต์ศาสนา นิกายออร์โธดอกส์ ต่อมาถูกเปลี่ยนเป็นสุเหร่า ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ ถือเป็นสิ่งก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง และ ถือเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง จุดเด่นอยู่ที่ยอดโดมขนาดมหึมากลางวิหาร และนับเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดของสถาปัตยกรรมไบแซนไทน์
- จากนั้นนำท่านชมความยิ่งใหญ่ของสิ่งก่อสร้างของชาวโรมันในอดีต อ่างเก็บน้ำใต้ดินเยเรบาตัน (Underground Cistern) ซึ่งเป็นอุโมงค์เก็บน้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในอิสตันบูล สามารถเก็บน้ำได้มากถึง 88,000 ลูกบาศก์เมตร สร้างขึ้นตั้งแต่คริสต์ศวรรษที่ 6 ภายในอุโมงค์ มีเสากรีกต้นสูงใหญ่ค้ำเรียงรายเป็นแถวถึง 336 ต้น และมีเสาต้นที่เด่นมากคือ เสาเมดูซ่า
- อิสระให้ท่านถ่ายรูปและชมความงามใต้ดินของอุโมงค์เก็บน้ำขนาดใหญ่
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารไทย
- นำท่านเข้าชม พระราชวังทอปกาปึ (Topkapi Palace) ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยสุลต่านเมห์เมตที่ 2 หรือเมห์เมตผู้พิชิต ภายหลังที่ทรงตีกรุงคอนสแตนติโนเบิลหรืออิสตันบูลในปัจจุบันได้แล้ว ทรงมีพระราชประสงค์ที่จะให้เมืองนี้เป็นศูนย์กลางของอาณาจักรออตโตมัน จึงโปรดให้มีการสร้างพระราชวังนี้ขึ้นเป็นที่ประทับอย่างถาวร พระราชวังทอปกาปึนี้มีอาณาบริเวณกว้างใหญ่กินเนื้อที่เกือบ 700,000 ตารางเมตร ล้อมรอบด้วยกำแพงสูงตามแนวฝั่งทะเลมาร์มารา ภายในพระราชวังประกอบด้วยตำหนักน้อยใหญ่ พลับพลา พระคลังมหาสมบัติ มัสยิส หอพัก โรงเรียน ฯลฯ ปัจจุบันพระราชวังทอปกาปึกลายเป็นพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติที่ใช้เก็บมหาสมบัติอันล้ำค่าอาทิ เช่น เพชร 96 กะรัต กริชทองประดับมรกต เครื่องลายครามจากจีน หยก มรกต ทับทิม และเครื่องทรงของสุลต่านในแต่ละยุคสมัย
- จากนั้นนำท่านเดินย่าน หอคอยกาลาตา แห่งนี้สร้างมาตั้งแค่ปี ค.ศ. 500 เพื่อใช้เป็นประภาคาร แต่ก็ถูกไฟไหม้ไปหลายครั้ง สุลต่านเซลิมที่ 2 ทรงซ่อมแซมหอคอยกาลาตาขึ้นใหม่ และในสมัยสุลต่านสุไลมานได้ใช้หอคอยนี้เป็นที่คุมขังนักโทษ ปัจจุบันใช้เป็นที่ชมวิวของเมือง ตัวหอคอยตั้งอยู่ในย่านชุมชน บริเวณรอบๆ จึงเต็มไปด้วยตึกของร้านค้า ร้านอาหาร และที่อยู่อาศัย ให้ท่านเดินเล่นชิลๆ ถ่ายรูปสวย ได้ฟีลเหมือนอยู่ยุโรป และเลือกซื้อสินค้าตามอัธยาศัย
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
HILTON ISTANBUL BOMONTI HOTEL & CONFERENCE CENTE หรือระดับเทียบเท่า 4 – 5 ดาว (พัก 2คืน)
อิสตันบลู - พระราชวังโดลมาบาเช่ - ล่องเรือช่องแคบบอสฟอรัส - ตลาดสไปซ์ - สนามมบิน
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
- นำท่านเข้าชม พระราชวังโดลมาบาเช่ (Dolmabahce Palace) พระราชวังที่สะท้อนให้เห็นถึงความเจริญอย่างสูงสุดทั้งทางวัฒนธรรมและทางวัตถุของจักรวรรดิออตโตมัน ซึ่งได้แผ่ขยายอำนาจออกไปอย่างกว้างขวาง พระราชวังแห่งนี้สร้างโดย สุลต่าน อับดุล เมอซิท ในปี ค.ศ. 1843 ใช้เวลาก่อสร้างทั้งสิ้น 12 ปี เพราะความที่สุลต่านทรงเป็นผู้คลั่งไคล้ยุโรปอย่างสุดขอบ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นศิลปะ วัฒนธรรม การดำรงชีวิต ตลอดจนการทหาร ล้วนคัดลอกมาจากตะวันตกทั้งสิ้น พระราชวังแห่งนี้ออกแบบโดยสถาปนิกคู่ใจชาวอาเมเนี่ยน ชื่อ บัลยัน เป็นศิลปะผสมผสานของยุโรปและตะวันออกที่ได้รับการตกแต่งอย่างสวยงาม ภายนอกพระราชวังประดับตกแต่งด้วยสวนไม้ดอกรายล้อมพระราชวังซึ่งอยู่เหนืออ่าวเล็กๆของช่องแคบบอสฟอรัส ภายในประกอบด้วยห้องต่างๆ ตกแต่งด้วยโคมระย้า บันไดลูกกรง แก้วเจียระไน และ โคมไฟมหึมาหนัก 4.5 ตัน ซึ่งแขวนไว้อย่างโดดเด่นในห้องท้องพระโรงใหญ่
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน
- จากนั้น นำท่านล่องเรือชมช่องแคบบอสฟอรัส ซึ่งเป็นช่องแคบที่เชื่อมทะเลดำ (The Black sea) เข้ากับทะเลมาร์มาร่า (Sea of Marmara) ความยาวทั้งสิ้นประมาณ 32 กิโลเมตร ความกว้างตั้งแต่ 500 เมตรจนถึง 3 กิโลเมตร ถือว่าสุดขอบของทวีปยุโรปและสุดขอบของทวีปเอเชียมาพบกันที่นี่ นอกจากความสวยงามแล้ว ช่องแคบบอสฟอรัสยังเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญยิ่งในการป้องกันประเทศตุรกีอีกด้วย เพราะมีป้อมปืนตั้งเรียงรายอยู่ตามช่องแคบเหล่านี้ ว่ากันว่าจนกระทั่งถึงยุคของการนำเอาเรือปืนใหญ่มาใช้ และไม่เคยปรากฏว่ากรุงอิสตันบูลถูกถล่มจนเสียหายอย่างหนักมาก่อนเลย ทั้งนี้เป็นเพราะป้อมปืนดังกล่าวนี้เอง ปี ค.ศ. 1973 มีการเปิดใช้สะพานบอสฟอรัสซึ่งทำให้เกิดการเดินทางไปมาระหว่างฝั่งเอเชียและยุโรปสะดวกมากขึ้น ขณะที่ล่องเรือท่านจะได้เพลิดเพลินกับทิวทัศน์ข้างทางไม่ว่าจะเป็น พระราชวังโดลมาบาชเช่ หรือ บ้านเรือนสไตล์ยุโรปของบรรดาเศรษฐี ซึ่งล้วนแล้วแต่สวยงามตระการตาทั้งสิ้น
- จากนั้นนำท่านสู่ ตลาดสไปซ์ มาร์เกต (Spice Market) หรือตลาดเครื่องเทศ ท่านสามารถเลือกซื้อของฝากได้ในราคาย่อมเยา ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับ ชาหรือกาแฟ รวมถึงผลไม้อบแห้งอันเลื่องชื่อของตุรกี แอปปลิคอทหรือจะเป็นถั่วพิทาชิโอ ซึ่งมีให้เลือกซื้อมากมาย
- จากนั้นได้เวลานำท่านออกเดินทางสู่สนามบิน
- 20.15 น. ออกเดินทางสู่ประเทศไทย โดยสายการบินเตอร์กิชแอร์ไลน์ เที่ยวบิน TK 64
*** หมายเหตุ ไฟล์ทบินอาจมีการเปลี่ยนแปลง***
สุวรรณภูมิ - กรุงเทพฯ
- 09.45 น. เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพมหานคร โดยสวัสดิภาพ