ทัวร์บอลข่าน สโลเวเนีย โครเอเชีย บอสเนีย มอนเตเนโกร


Tour by HappyLongway

รายละเอียดโปรแกรมทัวร์-ทัวร์บอลข่าน สโลเวเนีย โครเอเชีย บอสเนีย มอนเตเนโกร

รหัสทัวร์ : BEST OF BALKANS 12 DAYS (OS)
ระยะเวลา 12 วัน 9 คืน
สายการบิน : Austrian Airlines (OS)

กำหนดการเดินทาง

รอบที่ วันเดินทาง ราคา
1 21 ต.ค. 68 - 1 พ.ย. 68 199,900 บาท

สถานที่สำคัญ

  • 1
    อุทยานแห่งชาติ PLITVICE LAKES NATIONAL PARK 1ในอุทยานที่สวยที่สุดในโลก
  • 2
    ชมเมือง DUBROVNIK เมืองเก่าที่สวยที่สุดในประเทศโครเอเชีย (Unesco)
  • 3
    ชมเมือง MOSTAR เมืองเก่าที่สวยที่สุดในประเทศบอสเนีย (Unesco)
  • 4
    ชมทะเลสาบ BLED ทะเลสาบสุดสวย สัญลักษณ์ของสโลเวเนีย
  • 5
    ชมถ้ำ POSTOJNA CAVE ถ้ำที่ถือว่าสวยที่สุดในยุโรป UNSEEN
  • 6
    ชมเมือง KOTOR เมืองเก่าสุดสวยของประเทศมอนเตเนโกร (Unesco)
  • 7
    ชมเมือง TROGIR เมืองเก่าสมัยโรมันทีมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว (Unesco)
  • 8
    ชม ZADAR หนึ่งในเมืองสวยริมทะเลอเดรียติก
  • 9
    ชมเมือง GRAZ เมืองได้รับรางวัลเมืองแห่งวัฒนธรรมของยุโรป (Unesco)
  • 10
    ชมเกาะ OUR LADY OF THE ROCKS เกาะสุดสวยเมือง KOTOR UNSEEN
  • 11
    ชมเกาะ SVETI STEFAN เกาะสุดสวยแห่งมอนเตเนโกร UNSEEN
  • 12
    ชมกรุง ZAGREB เมืองหลวงของประเทศโครเอเชีย
  • 13
    ชมกรุง LJUBLJANA เมืองหลวงของประเทศสโลเวเนีย

HappyLongWay
ขอนำเสนอโปรแกรมทัวร์ยุโรป
ทัวร์บอลข่าน 11 วัน 8 คืน
สโลเวเนีย – โครเอเชีย – บอสเนีย – มอนเตเนโกร
โดยสารการบิน Austrian Airlines (OS)

DAY1

สนามบินสุวรรณภูมิ (กรุงเทพฯ) - เวียนนา (ออสเตรีย)

  • 20.00 น. พร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 เคาน์เตอร์ G สายการบินออสเตรียนแอร์ไลน์ พบเจ้าหน้าที่บริษัทฯ คอยให้การต้อนรับพร้อมอำนวยความสะดวก
  • 23.40 น. ออกเดินทางสู่ กรุงเวียนนา โดยสายการบินออสเตรียนแอร์ไลน์ โดยเที่ยวบินที่ OS 026
DAY2

เวียนนา - กราซ - นั่งรถรางขึ้นชมวิว - ชมเมือง - เบลด (สโลเวเนีย)

  • 05.35 น. เดินทางถึง สนามบินเวียนนา ประเทศออสเตรีย หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและรับกระเป๋าเดินทางเรียบร้อยแล้ว

นำท่านรับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมบริเวณสนามบิน

  • นำท่านเดินทางสู่ เมืองกราซ (GRAZ) (ระยะทาง 200 กิโลเมตร ใช้เวลา 2 ชั่วโมง 30 นาที) ระหว่างทางชมวิวทิวทัศน์อันสวยงามของเมืองเกษตรกรรมทั้งสองข้างทาง
  • จากนั้นนำท่านนั่งรถรางขึ้นชมวิว ณ หอนาฬิกา (Uhrturm) บนยอดเขาซึ่งอยู่ในพื้นที่ของปราสาท Schlossberg ท่านจะสามารถมองเห็นตัวเมืองกราซจากด้านบนได้อย่างสวยงาม                    Uhrturm Graz | Uhrturm Graz | Joost Pals | Flickr

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

  • นำท่านชมเมือง กราซ (Graz) ซึ่งได้รับการยกย่อยให้เป็นเมืองศิลปะวัฒนธรรมแห่งยุโรป (Cultural City of Europe) ที่มีการผสมผสานระหว่างความคลาสสิคของเมืองเก่าและทันสมัยของเมืองใหม่ในศตวรรษที่ 21 ได้อย่างลงตัวที่สุด เมืองกราซ (Graz) เป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่อันดับ 2 ของประเทศออสเตรียเป็นรองเพียงแค่เมืองหลวงกรุงเวียนนาเท่านั้น ยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนรับรองให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 1999 (Unesco) และได้ยังคงรับเลือกให้เป็นเมืองหลวงทางวัฒนธรรมของยุโรปในปีค.ศ. 2003
  • นำท่านเดินทางข้ามพรมแดนสู่ เมืองเบลด (Bled) ประเทศสโลวีเนีย (Slovenia) (ระยะทาง 215 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง 30 นาที) เมืองเบลด (Bled) เมืองเล็ก ๆ ซึ่งเคยได้รับรางวัลชนะเลิศรีสอร์ทของโลก ตั้งอยู่ริมทะเลสาบเบลดที่งดงาม แวดล้อมด้วยธรรมชาติของขุนเขาแอลป์ที่เรียกว่า Julian Alps Mountain จึงถูกขนานนามว่าไข่มุกแห่งเทือกเขาแอลป์ ทะเลสาบเบลดแห่งนี้โดดเด่นด้วยเกาะกลางทะเลสาบที่น้ำทะเลสาบโดยรอบเป็นสีเขียวมรกต

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
PARK HOTEL BLED ระดับ 4 ดาว หรือเทียบเท่า (พัก 2 คืน)

**หมายเหตุ โรงแรมเมือง Bled มีจำกัด หากโรงแรมเต็มทางบริษัทของสงวนสิทธิ์พักเมืองข้างเคียง**

DAY3

เบลด - วินท์การ์ จอร์จ - ขึ้นชมวิวปราสาทเบลด - ล่องทะเลสาบ

รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก

  • นำท่านเดินทางสู่ วินท์การ์ จอร์จ (Vintgar Gorge) หรือ เรียกว่า เบลด จอร์จ เป็นลำธารน้ำใสขนาดเล็ก มีความยาวประมาณ 1.6 กิโลเมตร อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือ ของประเทศสโลวีเนีย ตั้งอยู่ระหว่างเขตเทศบาลของเมือง Gorje และ เมืองเบลด ธารน้ำธรรมชาติวินท์การ์ จอร์จ อยู่ในหุบเขา Radovna Valley ซึ่งน้ำในลำธารมาจากแม่น้ำ Radovna ลำธารแห่งนี้โอบล้อมไปด้วยหุบเขาและ 2 ข้างของลำธารจะมีผาหินซึ่งมีความสูงประมาณ 50 ถึง 100 เมตร และจะมีลักษณะเป็นหินผาที่ลดหลั่นลงเป็นเกาะแก่ง ที่วินท์การ์ จอร์จ เป็นสถานที่ที่มีทัศนียภาพอันสวยงาม ไม่ใช่เพียงแค่ลำธารเล็กๆ ธรรมดา แต่ยังมีสภาพแวดล้อมอื่นๆ ที่รายล้อมไปด้วยต้นไม้เขียวชอุ่ม ผาหินตามธรรมชาติ และน้ำในลำธารที่ใสเป็นสีมรกต อีกทั้งยังมีน้ำตก sum Fall ซึ่งเป็นน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในสโลวีเนีย ที่ไหลลงมาที่ลำธารวินท์การ์ จอร์จ จากแม่น้ำ Radovna                                                                                                  File:Vintgar.jpg - Wikimedia Commons

***หมายเหตุ Vintgar Gorge มีกำหนดการปิดที่ไม่แน่นอนขึ้นอยู่กับสภาพอากาศเป็นสำคัญ หาก ปิด ทางบริษัท ของสงวนสิทธิ์ในการงดเที่ยวชมโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า***

  • นำท่านเดินทางกลับสู่เมืองเบลด

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

  • จากนั้นนำท่าน ล่องเรือเพลทน่า ในทะเลสาบเบลด ซึ่งเป็นทะเลสาบที่มีความสวยงาม
  • นำท่านขึ้นชมเกาะเป็นที่ตั้งของโบสถ์ประจำเมืองอันศักดิ์สิทธิ์ สร้างในศตวรรษที่ 11 เล่ากันว่าหากคู่สมรสคู่ใดได้มาโยกระฆังในโบสถ์จะมีชีวิตคู่ยืนยาว โดยเจ้าบ่าวจะต้องอุ้มเจ้าสาวขึ้นบันไดมาจากท่าเรือจนถึงประตูโบสถ์อิสระให้ท่านเดินเล่นริมทะเลสาบตามอัธยาศัย                                                    Tourist Boat on Lake Bled · Free Stock Photo
  • จากนั้นนำท่านขึ้นชมวิวเหนือทะเลสาบ ณ ปราสาทเบลด (Bled Castle) มีอายุกว่าพันปี เป็นปราสาทที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดในประเทศสโลวีเนีย ตั้งอยู่ริมหน้าผาเหนือทะเลสาบเบ ด้านบนปราสาทได้จัดทำเป็นพิพิธภัณฑ์บอกเล่าความเป็นมาของเมือง และจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้สมัยโบราณ รวมถึงมีร้านค้า ร้านอาหารให้บริการอยู่ด้านบนให้ท่านได้ชมวิวพาโนรามาของทะเลสาบสีมรกตที่โอบล้อมด้วยขุนเขา ตัดกับสีฟ้าใสของท้องฟ้า และสีขาวของก้อนเมฆ เป็นภาพที่โรแมนติกโด่งดังไปทั่วโลกFile:The Great Bled Castle.jpg - Wikimedia Commons

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารไทย
PARK HOTEL BLED ระดับ 4 ดาว หรือเทียบเท่า

DAY4

เบลด - ถ้ำโพสทอยน่า - ปราสาทเพรดจามา - ลุบเบลียน่า

รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก

  • นำท่านเดินทางสู่ ถ้ำโพสทอยน่า (Postojna Cave) (ระยะทาง 100 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที)
  • จากนั้นนำท่านชมถ้ำโพสทอยน่าโดยการนั่งรถรางไฟฟ้าของทางถ้ำ (15-20 นาที) จากนั้นเดินชมถ้ำซึ่งถือว่าเป็นถ้ำที่สวยที่สุดในยุโรป มีอายุเก่าแก่กว่า 2 ล้านปี มีความยาวภายในถ้ำถึง 27 กิโลเมตร ผ่านลำธาร เขื่อนเก็บน้ำใต้ดินภายในถ้ำตลอดระยะทาง 5 กิโลเมตร ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยหลากหลายแบบและสีสันสวยงามสุดพรรณนา มีห้องต่าง ๆ ภายในถ้ำมากมายลดหลั่นเป็นชั้นๆ ราวกับเนรมิต ท่านจะได้ชมความแปลกของ ปลามนุษย์ (Human Fish) ในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลกมากกว่า 10 ล้านคนมาเยือนถ้ำ แห่งนี้                                                                                        Postojna Cave | Shadowgate | Flickr
  • อิสระให้ท่านได้เลือกซื้อสินค้าพื้นเมืองตามอัธยาศัย

**อุณหภูมิในถ้ำเฉลี่ย 9 องศาเซลเซียส ควรสวมเสื้อคลุมกันหนาวเข้าไปด้วย**

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

  • จากนั้นนำท่านแวะรูปด้านนอกของ ปราสาทเพรดจามา (Predjamski Castle)  1 ใน 10 ปราสาท ที่หาดูได้ยาก ซึ่งมีความสวยงาม และแปลกตากว่าปราสาทอื่นๆ ลักษณะที่โดดเด่นของปราสาทแห่งนี้คือ ตัวปราสาทถูกสร้างให้อยู่รวมกันไปกับถ้ำ ปราสาทแห่งนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1274 ถือเป็นปราสาทเก่าแก่อีกแห่งของประเทศสโลวีเนีย                                                                                                                File:Predjama Castle, Slovenia (34434092655).jpg - Wikimedia Commons
  • นำท่านเดินทางสู่ กรุงลุบเบลียน่า (Ljubljana) เมืองหลวงของประเทศสโลเวเนีย (Slovenia) (ระยะทาง 53 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง) แม้จะเป็นเมืองที่เล็กๆ แต่เปี่ยมไปด้วยบรรยากาศ สงบเรียบร้อยและเป็นระเบียบ
  • นำท่านให้ท่านเดินชมบรรยากาศของ จตุรัสพรีเซอร์เรนส์ (Preseren Square) กวีเอกแห่งสโลวีเนีย ผู้ประพันธ์บทเพลงชาติสโลวีเนีย
  • อิสระให้ท่านเดินเล่นตามอัธยาศัย
  • นำท่านชมโบสถ์ประจำเมือง ต่อด้วยนำท่านสู่จัตุรัสที่เป็นจุดศูนย์รวมของเมือง ท่านจะได้ชมความสวยงามของสะพาน 3 สะพาน ที่เชื่อมต่อเมืองเข้าด้วยกัน
  • ถ่ายรูปกับสะพานมังกร (Dragon Bridge) ซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของกรุงลุบเบลียน่า                  Dragon Bridge, Ljubljana by cat-paw on DeviantArt

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารจีน
GRAND PLAZA HOTEL LJUBLJANA ระดับ 4 ดาว หรือเทียบเท่า

DAY5

ลุบเบลียน่า - กรุงซาเกรบ (โครเอเชีย) - อุทยานแห่งชาติพลิทวิเซ่

รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก

  • จากนั้นนำท่านเดินทางข้ามพรมแดนสู่ “เมืองซาเกรบ” (ZAGREB) (ระยะทาง 145 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง) เป็นเมืองหลวงของประเทศโครเอเชีย (Croatia) ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่าพันปี โดยเมืองซาเกรบได้เฉลิมฉลองครบรอบ 900 ปี ในปี ค.ศ.1994 ที่ผ่านมาเป็นเมืองหลวงที่อุดมไปด้วยวัฒนธรรมและสิ่งก่อสร้างทางประวัติศาสตร์มากมาย และเป็นหัวใจของการปกครอง เศรษฐกิจและวัฒนธรรมของประเทศ                                                                                                          Fun Things to do in Zagreb in Winter (plus full guide!)
  • นำท่านผ่านชม มหาวิหารเซนต์สตีเฟ่น (St. Stephen’s Cathedral) (หมายเหตุ มหาวิหารปิดปรับปรุงเนื่องจากเหตุแผ่นดินไหว ตั้งแต่ เดือนมีนาคม 2020) สถาปัตยกรรมที่มีอายุเก่าแก่กว่า 800 ปี และปัจจุบันได้บูรณะปฏิสังขรณ์ในสไตล์นีโอ-โกธิค (Neo-Gothic) งดงามด้วยหอคอยแฝดปลายแหลมสีทองอร่าม ภายในประดิษฐานรูปนักบุญองค์สำคัญต่างๆ เช่น นักบุญเซนต์ปีเตอร์, เซนต์ปอลล์ ฯลฯ
  • นำท่านชมเมืองตอนล่าง (Lower Town) จัตุรัสกลางเมืองที่ล้อมรอบด้วยห้างร้านนำสมัย แหล่งชุมชนและศูนย์กลางเมืองของชาวซาเกรบ อันเป็นจุดที่รถรางสายสีฟ้าทั้งรุ่นใหม่และเก่ามาประจบกันที่นี่
  • ชม อนุสาวรีย์ Ban Josip Jelačić ผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ซึ่งต่อสู้เพื่อความอิสระจากชาวฮังการีเมื่อปี ค.ศ. 1848
  • ต่อด้วยนำท่านสู่ย่าน Flower Square อันเป็นที่ตั้งของโบสถ์ออโธดอกซ์ ที่มีเพียงไม่กี่แห่งในกรุงซาเกรบ

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

  • จากนั้นนำท่านเดินชมเมืองตอนบน Upper Town ชมวิวทิวทัศน์จากจุดชมวิวของเมืองตอนบนที่สร้างขึ้นสมัยศตวรรษที่ 17 ที่มีซุ้มเป็นประตูหิน
  • ผ่านชมโบสถ์ เซนต์ มาร์ก (St. Mark’s Church) ที่มีหลังคาสวย แปลกตาไม่เหมือนที่ไหนใดในโลก ชมประตูเมืองโบราณ เป็นที่ตั้งของ รูปไอคอนพระแม่มารี ที่รอดพ้นจากเหตุไฟไหม้ในสมัย ศตวรรษที่ 19 โดยในเหตุการณ์ตอนนั้นทุกอย่างถูกเผาไหม้ มีเพียงรูปไอคอนที่ยังคงเหลือ จนทำให้ผู้คนต่างหลั่งไหลมาขอพรกันมากมาย                                                                                                        Church of St. Mark and Coat of arms of Zagreb on southern … | Flickr
  • อิสระให้ท่านเดินชมเมือง หรือ ช้อปปิ้งตามอัธยาศัย
  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ อุทยานแห่งชาติพลิตวิเซ่ (National Park Plitvice Jezera) (ระยะทาง 140 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2 ชม.) อุทยานแห่งชาติพลิตวิเซ่ เป็นอุทยานแห่งชาติ ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การ UNESCO เมื่อปี ค.ศ. 1979 อุทยานแห่งนี้มีเนื้อที่กว่า 296 ตารางกิโลเมตร พื้นที่ส่วนใหญ่ปกคลุมด้วยผิวน้ำทะเลสาบสีเขียวมรกตและสีฟ้ารวมกันถึง 16 ทะเลสาบ

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
LAKESIDE HOTEL PLITVICE หรือเทียบเท่าระดับ 3 – 4 ดาว

***หมายเหตุ ในอุทยานที่พักมีจำกัดและบางที่อาจมีเฉพาะเตียงใหญ่ ของสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลง***

DAY6

อุทยานแห่งชาติพลิทวิเซ่ - ซาดาร์ - ซิเบนิค

รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก

  • นำท่านชม อุทยานแห่งชาติพลิตวิเซ่ ท่านจะได้ชมความงามของทะเลสาบและน้ำตกที่ไหลรวยรินลงสู่ทะเลสาบทั่วทุกหนทุกแห่ง ชมฝูงปลาแหวกว่ายในสระน้ำใสราวกระจกสะท้อนสีครามของท้องฟ้า แวดล้อมด้วยหุบเขา ต้นไม้ใหญ่ที่ร่มรื่น                                                                                             Wallpaper autumn, forest, nature, waterfall, Plitvice Lakes for mobile and desktop, section природа, resolution 2048x1365 - download
  • นำท่านสู่ท่าเรือล่องเรือข้าม KOZJAK LAKE ที่เชื่อมระหว่างทะเลสาบล่างขึ้นสู่ชั้นบนของอุทยาน (LOWER & UPPER LAKE) จากนั้นเพลิดเพลินกับธรรมชาติอันงดงามและอลังการของ LOWER LAKE ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติอันยิ่งใหญ่และงดงามท่ามกลางหุบเขาหินปูนที่ตั้งตระหง่าน อีกทั้งยังเชื่อมต่อด้วยน้ำตกต่างๆมากมาย
  • นำท่านเดินชมทะเลสาบต่างๆ ตามทางเดินสะพานไม้ที่เชื่อมแต่ละทะเลสาบเข้าด้วยกันทั้ง 16 แห่ง และนอกจากนั้นบริเวณรายล้อมยังเต็มไปด้วยถ้ำน้อยใหญ่กว่า 20 ถ้ำ และชม Big Waterfalls เป็นน้ำตกที่สูงที่สุดในอุทยานแห่งนี้

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง เมนูปลาเทราซ์

  • จากนั้นนำท่านสู่เมือง ซาดาร์ (ZADAR) (ระยะทาง 130 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง) แคว้นดัลเมเชีย (Dalmatia) แคว้นทางตอนใต้ที่มีลักษณะภูมิอากาศและภูมิประเทศแบบเมดิเตอร์เรเนียนขนานแท้ หากใครเคยได้ยินชื่อหรือรู้จักสุนัขพันธุ์ “ดัลเมเชี่ยน” (Dalmatian) ดินแดนดัลมาเชียแห่งนี้คือต้นกำเนิดของสุนัขพันธุ์นี้นี่เอง
  • นำท่านชมเมืองซาร์ดาร์ โดยเริ่มจากจัตุรัสกลางเมือง ซึ่งเป็นที่ตั้งของศาลาว่าการเมือง และร้านค้าเล็กๆอยู่ไม่กี่แห่ง ถัดมาไปชมบรรยากาศของเมืองเก่า
  • ชมโรมันฟอรัม (Roman Forum) ลานประชุมกลางเมือง ที่ปัจจุบันหลงเหลือเพียงแค่ซากปรักหักพัง ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งก่อสร้างที่มีขนาดที่ใหญ่ที่สุดในฝั่งตะวันออกของทะเลเอเดรียติก (Adriatic Sea) เป็นที่ตั้งของ โบสถ์ เซนต์ โดแนท (St. Donatus Church) ซึ่งตั้งอยู่บริเวณเดียวกันกับโรมันฟอรัม ซึ่งเป็นโบสถ์ไบเซนไทน์ที่ใหญ่ที่สุดในดัลเมเทีย ซึ่งถูกสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 9 โดยตัวอาคารนั้นสร้างแบบหลังคาทรงกลม ใช้งานสำหรับพิธีกรรมทางศาสนา ปัจจุบันได้กลายเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของเมืองซาดาร์ไปแล้วด้วย ถัดไปใกล้ๆกันจะเป็นโบสถ์ เซนต์ แมรี่ (St. Mary’s Church) ซึ่งปัจจุบันได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์สำหรับการเก็บงานศิลปะ วัตถุโบราณที่มีความสำคัญทางศาสนา                        File:Roman Forum in Zadar, Croatia (48607823862).jpg - Wikimedia Commons
  • นำท่านชมมหาวิหารเซนต์ อนาตาเซีย (St.Anastasia Cathedral) คริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิกที่ใหญ่ที่สุดในดัลเมเทีย ซึ่งถูกสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 4 ถึง 5 เป็นประจำเมืองซาดาร์ แม้ว่ามหาวิหารจะผ่านการถูกทำลายในสงครามมาแล้วก็ตาม                                                                    Cathedral of St Anastasia - Zadar - Arrivalguides.com
  • จากนั้นนำท่านชม ซีออร์แกน (Sea Organ) ในปัจจุบันเป็นสถานที่นัดพบของหนุ่มสาว ชาวซาดาร์สามารถฟังเสียงของออร์แกนทะเลตัวนี้โดยใช้แรงลมจากทะเลเป็นตัว ขับเคลื่อนให้เกิดเป็นเสียงดั่งออร์แกน สร้างสรรค์ผลงานสุดน่าทึ่งชิ้นนี้โดย Nikola Bašić สถาปนิกท้องถิ่น ที่ได้รับมอบหมายโจทย์จากเทศบาลเมือง ให้สร้างผลงานสถาปัตยกรรมเพื่อให้เป็นสีสันและจุดจดจำแห่งใหม่ของเมือง แทนที่โบราณสถานอันทรงคุณค่ามากมาย ที่ถูกทำลายลงในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองจนเหลือเพียงซาก นอกจากนี้ยังมี “Greeting to theSun” สร้างขึ้นโดยสถาปนิก Nikola Basic ซึ่งเขาได้ใช้แผงโซลาเซลล์พลังงานแสงอาทิตย์มาสร้างสรรค์เป็นสถาปัตยกรรมงานศิลปะที่น่าทึ่ง โดยใช้แผ่นกระจกหลายชั้นวางเรียงกันครอบคลุมเซลล์แสงอาทิตย์ ในพื้นที่วงกลม ในตอนกลางวันเซลล์เหล่านี้ก็จะดูดกลืนพลังงานแสงอาทิตย์จนอิ่มและจะออกมาดี๊ด๊าในตอนกลางคืน                                                          File:Aerial view of The Greeting to the Sun and the Sea Organ in Zadar, Croatia (48607771252).jpg - Wikimedia Commons
  • จนกระทั่งได้เวลาพอสมควร นำท่านเดินทางสู่เมืองซีเบนิค (Šibenik) (ระยะทาง 90 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. 15 นาที) เมืองริมฝั่งทะเลอาเดรียติค ที่มีหลังคาอาคารบ้านเรือนทำด้วยกระเบื้องสีแสด สไตล์เรอเนสซองส์ ที่ได้รับอิทธิพลจากทางอิตาลี

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารโรงแรมที่พัก
BELLEVUE HOTEL SIBENIK หรือเทียบเท่าระดับ 4 ดาว

***หมายเหตุ โรงแรมส่วนใหญ่ไม่มีห้อง 2 เตียง มีแต่ห้องเตียงใหญ่เท่านั้น***

DAY7

ซิเบนิค - โทรเกียร์ - สปลิท - ชมพระราชวังโบราณ

รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก

  • นำท่านเดินทางสู่เมือง โทรเกียร์ (TROGIR) (ระยะทาง 50 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 50 นาที) เมืองสวยที่เป็นมรดกโลก ระหว่างทางผ่านชมเมืองที่มีสภาพเป็นเกาะอยู่โดดเดี่ยวสวยงามมีชื่อเสียงของโครเอเชีย คือ เมืองพรีโมสเตน ซึ่งเป็นเมืองเล็กที่สวยงามและเป็นเกาะเล็กๆ ในสมัยก่อนมีคนยกย่อง ให้ชาวเมืองนี้เป็นชาวเมืองที่มีความอดทนมาก ต่อการใช้ชีวิตเนื่องจากภูมิประเทศเป็นภูเขาหินแต่ยังอุตสาหะปลูกพืชและทำการเกษตรกรรม                                                                                      Wallpaper sea, home, Croatia, Trogir for mobile and desktop, section город, resolution 1920x1280 - download
  • นำท่านชมเขตเมืองเก่าโทรเกียร์ที่มีสถาปัตยกรรมในสไตล์ กรีก – โรมันโบราณ อาทิเช่น ประตูเมืองเก่าที่ได้มีการบูรณะขึ้นใหม่เมื่อศตวรรษที่ 16 , หอนาฬิกาที่สร้างขึ้นในสมัยที่ 14
  • ผ่านชมมหาวิหารเซ็นต์ลอว์เรนซ์ (St. Lawrence’s Cathedral) ที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 12 ใช้เวลาก่อสร้างนับสิบปี ที่มีความงดงามด้วยกรอบและบานประตูหินแกะสลัก มีรูปปั้นสิงโต อดัม & อีฟและรูปสลักนักบุญเซนต์ลอว์เรนซ์องค์สำคัญ ที่ผู้สร้างมหาวิหารแห่งนี้อุทิศให้ ซึ่งปัจจุบันด้วยเอกลักษณ์และความเก่าแก่ของเมืองโทรเกียร์ทำให้ยังได้รับการยกย่องจากยูเนสโกให้ขึ้นทะเบียนเป็นเมืองมรดกโลกโดยองค์การ (UNESCO) ใน ปี 1997 มีเวลาให้ท่านเดินเล่นในเมืองเก่า เลือกซื้อสินค้าท้องถิ่นที่ระลึกมากมายในเขตเมืองเก่าโทรเกียร์แห่งนี้

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

  • นำท่านเดินทางสู่ เมืองสปลิท (Split) (ระยะทาง 30 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 45 นาที) เมืองสปลิทเป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของประเทศ เป็นเมืองท่าที่มีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวของโครเอเชีย สามารถนั่งเรือข้ามฟากระหว่างประเทศไปที่ประเทศอิตาลีได้ ณ เมืองแห่งนี้
  • นำท่านชม พระราชวังดิโอคลีเชี่ยน (Diocletian’s Palace) ที่สร้างขึ้นจากพระประสงค์ของจักรพรรดิ์ดิโอคลีเชี่ยน ที่ต้องการสร้างพระราชวังสำหรับบั้นปลายชีวิตของพระองค์ ซึ่งใช้เวลาในการก่อสร้างถึง 10 ปี ในยุคสมัยของจักรพรรดิ ดิโอคลีเชี่ยน เป็นช่วงยุคสมัยเริ่มต้นของจักรวรรดิโรมันตะวันออก หรือ จักรวรรดิไบเซนไทน์นั่นเอง พระราชวังดิโอเคลเชี่ยนได้ขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ.1979 (UNESCO)  Diokletians palass – Store norske leksikon
  • ชมห้องโถงกลางซึ่งมีทางเดินที่เชื่อมต่อสู่ห้องอื่นๆ ชมลานกว้างซึ่งล้อมไว้ด้วยเสาหินแกรนิต 3 ด้าน และเชื่อมต่อด้วยโค้งเสาที่ตกแต่งด้วยช่อดอกไม้สลักอย่างวิจิตรสวยงาม อิสระให้ท่านเดินช้อปปิ้งตามอัธยาศัย

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง 
RADISSON BLU RESORT & SPA, SPLIT ระดับ 4 ดาว หรือระดับเทียบเท่า

DAY8

สปลิท - โมสตาร์ (UNESCO) (บอสเนีย & เฮอเซโกวีน่า)

รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก

  • จากนั้นนำท่านสู่ เมืองโมสตาร์ (Mostar) (ระยะทาง 166 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2 ชม. 30 นาที เป็นเมืองที่เคยถูกระเบิดครั้งใหญ่และโดนผลกระทบในช่วงสงครามระหว่างเซิร์บกับโครแอต โมสตาร์เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 5 ของประเทศ ตั้งอยู่บนแม่น้ำเนเรทวา (Neretva) ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นพรมแดนกั้นวัฒนธรรมของสองท้องถิ่น คือทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำจะเป็นส่วนของศาสนาอิสลามคือเป็นส่วนที่เป็นที่ตั้งของสุเหร่าและเตอร์กิสเฮาส์ ส่วนฝั่งตะวันตกจะเป็นส่วนของศาสนาคริสต์แบบคาทอลิก อันเป็นที่ตั้งของโบสถ์และที่อยู่ของนักบวช ปัจจุบันโมสตาร์เป็นเมืองที่สวยงามและโด่งดังที่สุดอีกแห่งหนึ่งประเทศของบอสเนีย                                                                                                        Mostar travel - Lonely Planet | Bosnia & Hercegovina, Europe

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

  • นำท่านเดินชมเมือง โมสตาร์ (Mostar) คำว่า โมสตาร์ มาจากคำว่า “The Bridge Keepers” หรือแปลว่า ชาวโมสตาร์ที่คอยดูรักษาสะพานที่ตั้งอยู่เหนือแม่น้ำเนเรทว่า อิสระให้ท่านเดินชมเมืองเลือกซื้อของที่ระลึก ตามอัธยาศัย

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง 
MEPAS HOTEL MOSTAR ระดับ 4 ดาว หรือระดับเทียบเท่า

DAY9

โมสตาร์ - ดูบรอฟนิค (โครเอเชีย) - กำแพงโบราณ - ชมเมืองเก่า

รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก

  • นำท่านเดินทางสู่ เมืองดูบรอฟนิค (Dubrovnik) (ระยะทาง 140  กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2 ชม.) ดูบรอฟนิคหรือไข่มุกแห่งทะเลอาเดรียติก เมืองทางตอนใต้ของสาธารณรัฐโครเอเชีย เมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของโครเอเชีย และเป็นเมืองที่สวยงามติดอันดับต้นๆของโลก ซึ่งในอดีตเมื่อปี 1991 เมืองดูบรอฟนิค ได้ถูกโจมตีจากกองทหารยูโกสลาฟ บ้านเรือนกว่าครึ่ง อนุสาวรีย์ต่างๆ เสียหาย และทรุดโทรม และหลังจากนั้นในปี 1995 ได้มีการได้มีการลงนามในสนธิสัญญา ERDUT สงบศึก และเริ่มเข้าสู่สภาวะปกติ UNESCO และสหภาพยุโรป ได้ร่วมกันบูรณะ ซ่อมแซม เมืองส่วนที่เสียหายขึ้นใหม่ในระยะเวลาอันสั้น ปัจจุบันเมืองดูบรอฟนิค ก็กลับมาสวยงามอีกครั้ง และปัจจุบันเขตเมืองเก่าที่ได้รับการอนุรักษ์และยกย่องให้เป็นมรดกโลก (Unesco)                                                                       

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน

  • นำท่านเยี่ยมชม เมืองเก่าดูบรอฟนิค (Dubrovnik) ถ่ายรูปที่ระลึกบริเวณจัตุรัสกลางเมืองซึ่งเป็นสถานที่นัดพบและประกอบกิจกรรมของชาวเมืองในอดีต รวมถึงสถานที่ลงโทษผู้กระทำผิดด้วย
  • อิสระให้ท่านได้ถ่ายรูปที่ระลึกกับ เสาหินอัศวิน (Orlando Column) หอนาฬิกา (Bell Tower) ที่ตั้งอยู่ปลายสุดของถนนสายหลัก สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1444 หน้าปัดทำด้วยเหล็ก มีความพิเศษตรงลูกกลมๆ ใต้หน้าปัดซึ่งแทนพระจันทร์บอกข้างขึ้นข้างแรมในสมัยก่อน และรูปปั้นของ นักบุญ St. Blaise ซึ่งมีโบสถ์ประจำเมืองสไตล์โรมาเนสก์แห่งแรกของเมืองเป็นฉากหลังเพิ่มเสน่ห์มนต์ขลังสวยสดงดงาม
  • จากนั้นนำท่านชมกำแพงเมืองโบราณ ขึ้นชมความสวยงามของแนวหลังคาสีส้มตระหง่านไปทั้งเมืองเก่า กำแพงแห่งนี้มีความยาวรวมกันประมาณ 2 กิโลเมตร ท่านจะได้เพลิดเพลินชมความสวยงาม โดยว่ากันว่าใครมาเมืองดูบรอฟนิคแล้วไม่ได้ขึ้นมาชมกำแพงเมืองโบราณแห่งนี้ ถือว่ามาไม่ถึงดูบรอฟนิคAll About Walls Of Dubrovnik - Guide - WalkInDubrovnik

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง พิเศษ กุ้ง LOBSTER ย่าง
DUBROVNIK PALACE HOTEL หรือระดับเทียบเท่า 5 ดาว

DAY10

ดูบรอฟนิค - ขึ้นเคเบิ้ลคาร์ชมวิว - กอเตอร์(UNESCO) (มอนเตเนโกร) – บุดวา

รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก

  • นำท่านขึ้นเคเบิ้ลคาร์ สู่จุดชมวิวบนยอดเขาความสูง 405 เมตร เพื่อชมทัศนียภาพของเมืองแบบพาโนรามา กล่าวกันว่าเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดของเมือง                                                                                Dubrovnik Cable Car. Dubrovnik, Croatia | Dubrovnik Cable Ca… | Flickr
  • อิสระให้ท่านถ่ายรูปตามอัธยาศัย จากนั้นได้เวลานำท่านเดินทางกลับสู่ด้านล่าง
  • นำท่านข้ามพรมแดนสู่ ประเทศมอนเตเนโกร (Montenegro) แปลความหมายเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า BLACK MOUNTAIN หรือ “ภูเขาสีดำ” ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์นิกายออร์โธดอกซ์ ปัจจุบันมอนเตเนโกรเป็นประเทศสมาชิกของสหประชาชาติ และพยายามร่วมเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพยุโรป
  • นำท่านเดินทางสู่ เมืองกอเตอร์ (Kotor) (ระยะทาง 75 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1.30 ชั่วโมง) มรดกโลก UNESCO แห่งแรกของประเทศมอนเตเนโกรที่ได้รับการรับรองในปี ค.ศ.1979

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

  • นำท่านล่องเรือสู่เกาะโบสถ์พระแม่มารีย์แห่งหิน (Our Lady of the Rocks) ตั้งอยู่ที่ Gospa od Škrpjela ณ ใจกลางอ่าวโคเตอร์ เป็นเกาะที่เล็กๆ และเงียบสงบ สร้างขึ้นปี 1632 โดยชาวเวนิสค่าเป็นเหมือนอนุสาวรีย์ที่ช่วยปกป้องรักษาชาวเมืองให้รอดชีวิตจากภัยพิบัติ และอุบัติเหตุต่างๆ
  • ให้ท่านได้ชมโบสถ์พระแม่มารีย์ จากนั้นอิสระให้ท่านตามอัธยาศัยจากนั้นนำท่านกลับสู่แผ่นดินใหญ่Our Lady of the Rocks, Bay of Kotor, Perast, Montenegro - Bing Gallery
  • นำท่านชมเขตเมืองเก่าของกอเตอร์ นำท่านชม ST.TRIPHUN CHURCH โบสถ์นิกายคาทอลิก และ ST.NIKOLA CHURCH โบสถ์นิกายออโธดอกซ์ อิสระให้ท่านได้เลือกซื้อสินค้าของที่ระลึกตามอัธยาศัย
  • จากนั้นได้เวลานำท่านสู่ เมืองบุดว่า (BUDVA) (ระยะทาง 25 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 30 นาที) เป็นเมืองโบราณตั้งอยู่บนชายฝั่งอาเดรียติค เป็นเมืองเก่าแก่ที่สุดอีกแห่งที่ตั้งอยู่รอบทะเลอาเดรีตติค มีประวัติศาสตร์ยาวนานถึง 2,500 ปี ปัจจุบันได้รับฉายาว่าเป็น ริเวียร่าแห่งมอนเตเนโกร

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
SPENDID HOTEL BUDVA หรือระดับเทียบเท่า 5 ดาว

DAY11

บุดว่า - สเวติ สเตฟาน - พอตกอริซ่า - เวียนนา (ออสเตรีย)

รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก

  • นำท่านแวะถ่ายรูปกับ หมู่บ้านสเวติ สเตฟาน (Sveti Stefan) ที่เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คสำคัญของประเทศมอนเตเนโกร เพราะความน่าสนใจตรงที่เป็นเกาะที่มีถนนเชื่อมต่อกับชายฝั่ง หลังคาบ้านเรือนทำจากดินเผาสีส้ม ตัดกับสีน้ำทะเล จึงได้บรรยากาศที่ดูเป็นส่วนตัว และที่นี่ยังจัดเป็นรีสอร์ทอีกด้วย โดยเมื่อก่อน สมัยศตวรรษที่ 15 หมู่บ้านสเวติ สเตฟาน (Sveti Stefan) เคยเป็นชุมชนชาวประมงแบบเรียบง่าย แต่ก็น่าเศร้าที่ชาวบ้านถูกขับไล่ เพื่อสร้างเกาะดังกล่าวให้เป็นโรงแรมเหมือนอย่าง ปัจจุบัน โดยแขกคนดังที่เคยมาเข้าพัก ส่วนมากจะเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง เช่น มาริลีน มอนโรและเคิร์ก ดักลาส และ ทางเกาะไม่อนุญาตให้เข้าชม ยกเว้นผู้ที่พักรีสอร์ทในเกาะเท่านั้น                                        File:Sveti Stefan 2.jpg - Wikimedia Commons
  • เมื่อได้เวลาอันสมควร นำท่านเดินทางสู่ กรุงพอดกอริซ่า เมืองหลวงของประเทศมอนเตเนโกร

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน

  • นำท่านเดินทางสู่ สนามบินนานาชาติ พอดกอรีซ่า ณ เมืองหลวงของประเทศมอนเตเนโกร
  • 15.05 น. ออกเดินทางสู่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย โดยสายการบินออสเตรียนแอร์ไลน์ เที่ยวบิน OS736
  • 16.30 น. เดินทางถึง สนามบินเวียนนา (แวะเปลี่ยนเครื่อง)

***หมายเหตุ ไฟล์ทบินอาจมีการเปลี่ยนแปลง***

  • 20.15 น. ออกเดินทางกลับสู่ กรุงเทพฯ โดยสายการบินออสเตรียนแอร์ไลน์ เที่ยวบิน OS 005
DAY12

สนามบินสุวรรณภูมิ (กรุงเทพฯ)

  • 12.20 น. เดินทางถึง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพและความประทับใจ…


แชร์ให้เพื่อน