ทัวร์บอลข่าน ออสเตรีย สโลเวเนีย โครเอเชีย บอสเนีย มอนเตเนโกร


Tour Recommend, Tour by HappyLongway

รายละเอียดโปรแกรมทัวร์-ทัวร์บอลข่าน ออสเตรีย สโลเวเนีย โครเอเชีย บอสเนีย มอนเตเนโกร

รหัสทัวร์ : BEST OF BALKANS 11 DAYS (OS)
ระยะเวลา 11 วัน 8 คืน
สายการบิน : Austrian Airlines (OS)

กำหนดการเดินทาง

รอบที่ วันเดินทาง ราคา
1 8 เม.ย. 69 - 18 เม.ย. 69 199,900 บาท
2 29 เม.ย. 69 - 9 พ.ค. 69 199,900 บาท
3 3 มิ.ย. 69 - 13 มิ.ย. 69 199,900 บาท

สถานที่สำคัญ

  • 1
    อุทยานแห่งชาติ PLITVICE LAKES NATIONAL PARK หนึ่งในอุทยานที่สวยที่สุดในโลก
  • 2
    ชมเมือง DUBROVNIK เมืองเก่าที่สวยที่สุดในประเทศโครเอเชีย (Unesco)
  • 3
    ชมทะเลสาบ BLED ทะเลสาบสุดสวย สัญลักษณ์ของสโลเวเนีย
  • 4
    ชมเมือง MOSTAR เมืองเก่าที่สวยที่สุดในประเทศบอสเนีย (Unesco)
  • 5
    ชมถ้ำ POSTOJNA CAVE ถ้ำที่ถือว่าสวยที่สุดในยุโรป UNSEEN
  • 6
    ชมเมือง TROGIR เมืองเก่าสมัยโรมันทีมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว (Unesco)
  • 7
    ชมเมือง SPLIT เมืองท่าเก่าแก่สมัยโรมันสุดสวย (Unesco)
  • 8
    ชมเมือง KOTOR เมืองเก่าสุดสวยของประเทศมอนเตเนโกร (Unesco)
  • 9
    ชมเกาะ OUR LADY OF THE ROCKS เกาะสุดสวยเมือง KOTOR UNSEEN
  • 10
    ชมเกาะ SVETI STEFAN เกาะสุดสวยแห่งมอนเตเนโกร UNSEEN
  • 11
    ชมเมือง GRAZ เมืองได้รับรางวัลเมืองแห่งวัฒนธรรมของยุโรป (Unesco)
  • 12
    ชมกรุง ZAGREB เมืองหลวงของประเทศโครเอเชีย
  • 13
    ชมกรุง LJUBLJANA เมืองหลวงของประเทศสโลเวเนีย

HappyLongWay
ขอนำเสนอโปรแกรมทัวร์ยุโรป
ทัวร์บอลข่าน 11 วัน 8 คืน
ออสเตรีย – สโลเวเนีย – โครเอเชีย – บอสเนีย – มอนเตเนโกร
โดยสารการบิน Austrian Airlines (OS)

DAY1

สนามบินสุวรรณภูมิ (กรุงเทพฯ) - เวียนนา (ออสเตรีย)

  • 20.00 น. พร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 เคาน์เตอร์ G สายการบินออสเตรียนแอร์ไลน์ พบเจ้าหน้าที่บริษัทฯ คอยให้การต้อนรับพร้อมอำนวยความสะดวก
  • 23.40 น. ออกเดินทางสู่ กรุงเวียนนา โดยสายการบินออสเตรียนแอร์ไลน์ โดยเที่ยวบินที่ OS 026
DAY2

เวียนนา - กราซ (ออสเตรีย) - นั่งรถรางขึ้นชมวิว - ชมเมือง - เบลด (สโลเวเนีย)

  • 05.35 น. เดินทางถึง สนามบินเวียนนา ประเทศออสเตรีย หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและรับกระเป๋าเดินทางเรียบร้อยแล้ว

นำท่านรับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมบริเวณสนามบิน

  • นำท่านเดินทางสู่ เมืองกราซ (GRAZ) (ระยะทาง 200 กิโลเมตร ใช้เวลา 2 ชั่วโมง 30 นาที) ระหว่างทางชมวิวทิวทัศน์อันสวยงามของเมืองเกษตรกรรมทั้งสองข้างทาง
  • จากนั้นนำท่านนั่งรถรางขึ้นชมวิว ณ หอนาฬิกา (Uhrturm) บนยอดเขาซึ่งอยู่ในพื้นที่ของปราสาท Schlossberg ท่านจะสามารถมองเห็นตัวเมืองกราซจากด้านบนได้อย่างสวยงาม                    Uhrturm Graz | Uhrturm Graz | Joost Pals | Flickr

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

  • นำท่านชมเมือง กราซ (Graz) ซึ่งได้รับการยกย่อยให้เป็นเมืองศิลปะวัฒนธรรมแห่งยุโรป (Cultural City of Europe) ที่มีการผสมผสานระหว่างความคลาสสิคของเมืองเก่าและทันสมัยของเมืองใหม่ในศตวรรษที่ 21 ได้อย่างลงตัวที่สุด เมืองกราซ (Graz) เป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่อันดับ 2 ของประเทศออสเตรียเป็นรองเพียงแค่เมืองหลวงกรุงเวียนนาเท่านั้น ยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนรับรองให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 1999 (Unesco) และได้ยังคงรับเลือกให้เป็นเมืองหลวงทางวัฒนธรรมของยุโรปในปีค.ศ. 2003
  • นำท่านเดินทางข้ามพรมแดนสู่ เมืองเบลด (Bled) ประเทศสโลวีเนีย (Slovenia) (ระยะทาง 215 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง 30 นาที) เมืองเบลด (Bled) เมืองเล็ก ๆ ซึ่งเคยได้รับรางวัลชนะเลิศรีสอร์ทของโลก ตั้งอยู่ริมทะเลสาบเบลดที่งดงาม แวดล้อมด้วยธรรมชาติของขุนเขาแอลป์ที่เรียกว่า Julian Alps Mountain จึงถูกขนานนามว่าไข่มุกแห่งเทือกเขาแอลป์ ทะเลสาบเบลดแห่งนี้โดดเด่นด้วยเกาะกลางทะเลสาบที่น้ำทะเลสาบโดยรอบเป็นสีเขียวมรกต

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
PARK HOTEL BLED ระดับ 4 ดาว หรือเทียบเท่า

**หมายเหตุ โรงแรมเมือง Bled มีจำกัด หากโรงแรมเต็มทางบริษัทของสงวนสิทธิ์พักเมืองข้างเคียง**

DAY3

เบลด - ล่องเรือทะเลสาบเบลด - ถ้ำโพสทอยน่า - ลุบเบลียน่า

รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก

  • จากนั้นนำท่าน ล่องเรือเพลทน่า ในทะเลสาบเบลด ซึ่งเป็นทะเลสาบที่มีความสวยงาม
  • นำท่านขึ้นชมเกาะเป็นที่ตั้งของโบสถ์ประจำเมืองอันศักดิ์สิทธิ์ สร้างในศตวรรษที่ 11 เล่ากันว่าหากคู่สมรสคู่ใดได้มาโยกระฆังในโบสถ์จะมีชีวิตคู่ยืนยาว โดยเจ้าบ่าวจะต้องอุ้มเจ้าสาวขึ้นบันไดมาจากท่าเรือจนถึงประตูโบสถ์อิสระให้ท่านเดินเล่นริมทะเลสาบตามอัธยาศัย                                                    Tourist Boat on Lake Bled · Free Stock Photo

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

  • นำท่านเดินทางสู่ ถ้ำโพสทอยน่า (Postojna Cave) (ระยะทาง 100 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที)
  • จากนั้นนำท่านชมถ้ำโพสทอยน่าโดยการนั่งรถรางไฟฟ้าของทางถ้ำ (15-20 นาที) จากนั้นเดินชมถ้ำซึ่งถือว่าเป็นถ้ำที่สวยที่สุดในยุโรป มีอายุเก่าแก่กว่า 2 ล้านปี มีความยาวภายในถ้ำถึง 27 กิโลเมตร ผ่านลำธาร เขื่อนเก็บน้ำใต้ดินภายในถ้ำตลอดระยะทาง 5 กิโลเมตร ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยหลากหลายแบบและสีสันสวยงามสุดพรรณนา มีห้องต่าง ๆ ภายในถ้ำมากมายลดหลั่นเป็นชั้นๆ ราวกับเนรมิต ท่านจะได้ชมความแปลกของ ปลามนุษย์ (Human Fish) ในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลกมากกว่า 10 ล้านคนมาเยือนถ้ำแห่งนี้                                                                                                    Postojna Cave | Shadowgate | Flickr
  • อิสระให้ท่านได้เลือกซื้อสินค้าพื้นเมืองตามอัธยาศัย

 **อุณหภูมิในถ้ำเฉลี่ย 9 องศาเซลเซียส ควรสวมเสื้อคลุมกันหนาวเข้าไปด้วย**

  • นำท่านเดินทางสู่ กรุงลุบเบลียน่า (Ljubljana) เมืองหลวงของประเทศสโลเวเนีย (Slovenia) (ระยะทาง 53 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง) แม้จะเป็นเมืองที่เล็กๆ แต่เปี่ยมไปด้วยบรรยากาศ สงบเรียบร้อยและเป็นระเบียบ

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารจีน
GRAND HOTEL UNION EUROSTARS ระดับ 4 ดาว หรือเทียบเท่า

DAY4

ลุบเบลียน่า - ชมเมือง - ซาเกรบ (โครเอเชีย) - อุทยานแห่งชาติพลิทวิเซ่

รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก

  • นำท่านให้ท่านเมืองลุบเบลียน่า เดินชมบรรยากาศของ จตุรัสพรีเซอร์เรนส์ (Preseren Square) กวีเอกแห่งสโลวีเนีย ผู้ประพันธ์บทเพลงชาติสโลวีเนีย อิสระให้ท่านเดินเล่นตามอัธยาศัยFile:Prešeren Square, Ljubljana, 2007.JPG - Wikimedia Commons
  • นำท่านชมโบสถ์ประจำเมือง ต่อด้วยนำท่านสู่จัตุรัสที่เป็นจุดศูนย์รวมของเมือง ท่านจะได้ชมความสวยงามของสะพาน 3 สะพาน ที่เชื่อมต่อเมืองเข้าด้วยกันถ่ายรูปกับสะพานมังกร (Dragon Bridge) ซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของกรุงลุบเบลียน่า                                                                              File:Dragon on the Dragon Bridge in Ljubljana-3906673.jpg - Wikimedia Commons
  • จากนั้นนำท่านเดินทางข้ามพรมแดนสู่ เมืองซาเกรบ (ZAGREB) (ระยะทาง 145 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง) เป็นเมืองหลวงของประเทศโครเอเชีย (Croatia) ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่าพันปี โดยเมืองซาเกรบได้เฉลิมฉลองครบรอบ 900 ปี ในปี ค.ศ.1994 ที่ผ่านมาเป็นเมืองหลวงที่อุดมไปด้วยวัฒนธรรมและสิ่งก่อสร้างทางประวัติศาสตร์มากมาย และเป็นหัวใจของการปกครอง เศรษฐกิจและวัฒนธรรมของประเทศ                                                                                                                          Fun Things to do in Zagreb in Winter (plus full guide!)

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

  • นำท่านผ่านชม มหาวิหารเซนต์สตีเฟ่น (St. Stephen’s Cathedral) (หมายเหตุ มหาวิหารปิดปรับปรุงเนื่องจากเหตุแผ่นดินไหว ตั้งแต่ เดือนมีนาคม 2020) สถาปัตยกรรมที่มีอายุเก่าแก่กว่า 800 ปี และปัจจุบันได้บูรณะปฏิสังขรณ์ในสไตล์นีโอ-โกธิค (Neo-Gothic) งดงามด้วยหอคอยแฝดปลายแหลมสีทองอร่าม ภายในประดิษฐานรูปนักบุญองค์สำคัญต่างๆ เช่น นักบุญเซนต์ปีเตอร์, เซนต์ปอลล์ ฯลฯ
  • ท่านชมเมืองตอนล่าง (Lower Town) จัตุรัสกลางเมืองที่ล้อมรอบด้วยห้างร้านนำสมัย แหล่งชุมชนและศูนย์กลางเมืองของชาวซาเกรบ อันเป็นจุดที่รถรางสายสีฟ้าทั้งรุ่นใหม่และเก่ามาประจบกันที่นี่
  • ชม อนุสาวรีย์ Ban Josip Jelačić ผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ซึ่งต่อสู้เพื่อความอิสระจากชาวฮังการีเมื่อปี ค.ศ. 1848 ต่อด้วยนำท่านสู่ย่าน Flower Square อันเป็นที่ตั้งของโบสถ์ออโธดอกซ์ ที่มีเพียงไม่กี่แห่งในกรุงซาเกรบ
  • จากนั้นนำท่านขึ้นรถรางไฟฟ้า (Funicular) สู่เมืองตอนบน Upper Town เป็นรถรางสายที่สั้นที่สุดในยุโรป โดยใช้เวลาในการขึ้นเพียง 57 วินาที ชมวิวทิวทัศน์จากจุดชมวิวของเมืองตอนบนที่สร้างขึ้นสมัยศตวรรษที่ 17 ที่มีซุ้มเป็นประตูหิน
  • ผ่านชมโบสถ์ เซนต์ มาร์ก (St. Mark’s Church) ที่มีหลังคาสวย แปลกตาไม่เหมือนที่ไหนใดในโลก ชมประตูเมืองโบราณ เป็นที่ตั้งของ รูปไอคอนพระแม่มารี ที่รอดพ้นจากเหตุไฟไหม้ในสมัย ศตวรรษที่ 19 โดยในเหตุการณ์ตอนนั้นทุกอย่างถูกเผาไหม้ มีเพียงรูปไอคอนที่ยังคงเหลือ จนทำให้ผู้คนต่างหลั่งไหลมาขอพรกันมากมาย อิสระให้ท่านเดินชมเมือง หรือ ช้อปปิ้งตามอัธยาศัย                                          Church of St. Mark and Coat of arms of Zagreb on southern … | Flickr
  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ อุทยานแห่งชาติพลิตวิเซ่ (National Park Plitvice Jezera) (ระยะทาง 140 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2 ชม.) อุทยานแห่งชาติพลิตวิเซ่ เป็นอุทยานแห่งชาติ ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การ UNESCO เมื่อปี ค.ศ. 1979 อุทยานแห่งนี้มีเนื้อที่กว่า 296 ตารางกิโลเมตร พื้นที่ส่วนใหญ่ปกคลุมด้วยผิวน้ำทะเลสาบสีเขียวมรกตและสีฟ้ารวมกันถึง 16 ทะเลสาบ

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
ETHNO HOUSES PLITVICE หรือเทียบเท่าระดับ 3 – 4 ดาว

***หมายเหตุ ในอุทยานที่พักมีจำกัดและบางที่อาจมีเฉพาะเตียงใหญ่ ของสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลง***

DAY5

อุทยานแห่งชาติพลิทวิเซ่ - ซาดาร์ - ซิเบนิค

รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก

  • นำท่านชม อุทยานแห่งชาติพลิตวิเซ่ ท่านจะได้ชมความงามของทะเลสาบและน้ำตกที่ไหลรวยรินลงสู่ทะเลสาบทั่วทุกหนทุกแห่ง ชมฝูงปลาแหวกว่ายในสระน้ำใสราวกระจกสะท้อนสีครามของท้องฟ้า แวดล้อมด้วยหุบเขา ต้นไม้ใหญ่ที่ร่มรื่น                                                                                               Plitvice Waterfalls | waterfalls at Plitvicka Jezera Nationa… | Flickr
  • นำท่านสู่ท่าเรือล่องเรือข้าม KOZJAK LAKE ที่เชื่อมระหว่างทะเลสาบล่างขึ้นสู่ชั้นบนของอุทยาน (LOWER & UPPER LAKE) จากนั้นเพลิดเพลินกับธรรมชาติอันงดงามและอลังการของ LOWER LAKE ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติอันยิ่งใหญ่และงดงามท่ามกลางหุบเขาหินปูนที่ตั้งตระหง่าน อีกทั้งยังเชื่อมต่อด้วยน้ำตกต่างๆมากมาย
  • นำท่านเดินชมตามทางเดินสะพานไม้ที่เชื่อมแต่ละทะเลสาบเข้าด้วยกันทั้ง 16 แห่ง และนอกจากนั้นบริเวณรายล้อมยังเต็มไปด้วยถ้ำน้อยใหญ่กว่า 20 ถ้ำ และชม Big Waterfalls เป็นน้ำตกที่สูงที่สุดในอุทยานแห่งนี้                                                                                                                                   File:Kozjak Lake, 8.JPG - Wikimedia Commons

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

  • จากนั้นนำท่านสู่เมือง ซาดาร์ (ZADAR) (ระยะทาง 130 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง) แคว้นดัลเมเชีย (Dalmatia) แคว้นทางตอนใต้ที่มีลักษณะภูมิอากาศและภูมิประเทศแบบเมดิเตอร์เรเนียนขนานแท้ หากใครเคยได้ยินชื่อหรือรู้จักสุนัขพันธุ์ “ดัลเมเชี่ยน” (Dalmatian) ดินแดนดัลมาเชียแห่งนี้คือต้นกำเนิดของสุนัขพันธุ์นี้นี่เอง
  • นำท่านชมเมืองซาร์ดาร์ โดยเริ่มจากจัตุรัสกลางเมือง ซึ่งเป็นที่ตั้งของศาลาว่าการเมือง และร้านค้าเล็กๆอยู่ไม่กี่แห่ง ถัดมาไปชมบรรยากาศของเมืองเก่า
  • ชมโรมันฟอรัม (Roman Forum) ลานประชุมกลางเมือง ที่ปัจจุบันหลงเหลือเพียงแค่ซากปรักหักพัง ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งก่อสร้างที่มีขนาดที่ใหญ่ที่สุดในฝั่งตะวันออกของทะเลเอเดรียติก (Adriatic Sea) เป็นที่ตั้งของ โบสถ์ เซนต์ โดแนท (St. Donatus Church) ซึ่งตั้งอยู่บริเวณเดียวกันกับโรมันฟอรัม ซึ่งเป็นโบสถ์ไบเซนไทน์ที่ใหญ่ที่สุดในดัลเมเทีย ซึ่งถูกสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 9 โดยตัวอาคารนั้นสร้างแบบหลังคาทรงกลม ใช้งานสำหรับพิธีกรรมทางศาสนา ปัจจุบันได้กลายเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของเมืองซาดาร์ไปแล้วด้วย ถัดไปใกล้ๆกันจะเป็นโบสถ์ เซนต์ แมรี่ (St. Mary’s Church) ซึ่งปัจจุบันได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์สำหรับการเก็บงานศิลปะ วัตถุโบราณที่มีความสำคัญทางศาสนา                        File:Roman forum zadar croatia.jpg - Wikimedia Commons
  • นำท่านชมมหาวิหารเซนต์ อนาตาเซีย (St.Anastasia Cathedral) คริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิกที่ใหญ่ที่สุดในดัลเมเทีย ซึ่งถูกสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 4 ถึง 5 เป็นประจำเมืองซาดาร์ แม้ว่ามหาวิหารจะผ่านการถูกทำลายในสงครามมาแล้วก็ตาม                                                                    Cathedral of St Anastasia - Zadar - Arrivalguides.com
  • จากนั้นนำท่านชม ซีออร์แกน (Sea Organ) ในปัจจุบันเป็นสถานที่นัดพบของหนุ่มสาว ชาวซาดาร์สามารถฟังเสียงของออร์แกนทะเลตัวนี้โดยใช้แรงลมจากทะเลเป็นตัว ขับเคลื่อนให้เกิดเป็นเสียงดั่งออร์แกน สร้างสรรค์ผลงานสุดน่าทึ่งชิ้นนี้โดย Nikola Bašić สถาปนิกท้องถิ่น ที่ได้รับมอบหมายโจทย์จากเทศบาลเมือง ให้สร้างผลงานสถาปัตยกรรมเพื่อให้เป็นสีสันและจุดจดจำแห่งใหม่ของเมือง แทนที่โบราณสถานอันทรงคุณค่ามากมาย ที่ถูกทำลายลงในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองจนเหลือเพียงซาก นอกจากนี้ยังมี “Greeting to the Sun” สร้างขึ้นโดยสถาปนิก Nikola Basic ซึ่งเขาได้ใช้แผงโซลาเซลล์พลังงานแสงอาทิตย์มาสร้างสรรค์เป็นสถาปัตยกรรมงานศิลปะที่น่าทึ่ง โดยใช้แผ่นกระจกหลายชั้นวางเรียงกันครอบคลุมเซลล์แสงอาทิตย์ ในพื้นที่วงกลม ในตอนกลางวันเซลล์เหล่านี้ก็จะดูดกลืนพลังงานแสงอาทิตย์จนอิ่ม และจะออกมาดี๊ด๊าในตอนกลางคืน                                                File:Aerial view of The Greeting to the Sun and the Sea Organ in Zadar, Croatia (48607771252).jpg - Wikimedia Commons
  • จนกระทั่งได้เวลาพอสมควร นำท่านเดินทางสู่เมืองซีเบนิค (Šibenik) (ระยะทาง 90 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. 15 นาที) เมืองริมฝั่งทะเลอาเดรียติค ที่มีหลังคาอาคารบ้านเรือนทำด้วยกระเบื้องสีแสด สไตล์เรอเนสซองส์ ที่ได้รับอิทธิพลจากทางอิตาลี

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารของโรงแรมที่พัก
BELLEVUE HOTEL SIBENIK หรือเทียบเท่าระดับ 4 ดาว

***หมายเหตุ  โรงแรมส่วนใหญ่ไม่มีห้อง 2 เตียง มีแต่ห้องเตียงใหญ่เท่านั้น***

DAY6

ซิเบนิค - โทรเกียร์ - สปลิท - ชมพระราชวังโบราณ

รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก

  • นำท่านเดินทางสู่เมือง โทรเกียร์ (TROGIR) (ระยะทาง 50 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 50 นาที) เมืองสวยที่เป็นมรดกโลก ระหว่างทางผ่านชมเมืองที่มีสภาพเป็นเกาะอยู่โดดเดี่ยวสวยงามมีชื่อเสียงของโครเอเชีย คือ เมืองพรีโมสเตน ซึ่งเป็นเมืองเล็กที่สวยงามและเป็นเกาะเล็กๆ ในสมัยก่อนมีคนยกย่อง ให้ชาวเมืองนี้เป็นชาวเมืองที่มีความอดทนมาก ต่อการใช้ชีวิตเนื่องจากภูมิประเทศเป็นภูเขาหินแต่ยังอุตสาหะปลูกพืชและทำการเกษตรกรรม                                                                                      File:Trogir (20611290808).jpg - Wikimedia Commons
  • นำท่านชมเขตเมืองเก่าโทรเกียร์ที่มีสถาปัตยกรรมในสไตล์ กรีก – โรมันโบราณ อาทิเช่น ประตูเมืองเก่าที่ได้มีการบูรณะขึ้นใหม่เมื่อศตวรรษที่ 16 , หอนาฬิกาที่สร้างขึ้นในสมัยที่ 14
  • ผ่านชมมหาวิหารเซ็นต์ลอว์เรนซ์ (St. Lawrence’s Cathedral) ที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 12 ใช้เวลาก่อสร้างนับสิบปี ที่มีความงดงามด้วยกรอบและบานประตูหินแกะสลัก มีรูปปั้นสิงโต อดัม & อีฟและรูปสลักนักบุญเซนต์ลอว์เรนซ์องค์สำคัญ ที่ผู้สร้างมหาวิหารแห่งนี้อุทิศให้ ซึ่งปัจจุบันด้วยเอกลักษณ์และความเก่าแก่ของเมืองโทรเกียร์ทำให้ยังได้รับการยกย่องจากยูเนสโกให้ขึ้นทะเบียนเป็นเมืองมรดกโลกโดยองค์การ (UNESCO) ใน ปี 1997 มีเวลาให้ท่านเดินเล่นในเมืองเก่า เลือกซื้อสินค้าท้องถิ่นที่ระลึกมากมายในเขตเมืองเก่าโทรเกียร์แห่งนี้

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

  • นำท่านเดินทางสู่ เมืองสปลิท (Split) (ระยะทาง 30 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 45 นาที) เมืองสปลิทเป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของประเทศ เป็นเมืองท่าที่มีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวของโครเอเชีย สามารถนั่งเรือข้ามฟากระหว่างประเทศไปที่ประเทศอิตาลีได้ ณ เมืองแห่งนี้
  • นำท่านชมพระราชวังดิโอคลีเชี่ยน (Diocletian’s Palace) ที่สร้างขึ้นจากพระประสงค์ของจักรพรรดิ์ดิโอคลีเชี่ยน ที่ต้องการสร้างพระราชวังสำหรับบั้นปลายชีวิตของพระองค์ ซึ่งใช้เวลาในการก่อสร้างถึง 10 ปี ในยุคสมัยของจักรพรรดิ ดิโอคลีเชี่ยน เป็นช่วงยุคสมัยเริ่มต้นของจักรวรรดิโรมันตะวันออก หรือจักรวรรดิไบเซนไทน์นั่นเอง พระราชวังดิโอเคลเชี่ยนได้ขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ.1979 (UNESCO)Diokletians palass – Store norske leksikon
  • ชมห้องโถงกลางซึ่งมีทางเดินที่เชื่อมต่อสู่ห้องอื่นๆ ชมลานกว้างซึ่งล้อมไว้ด้วยเสาหินแกรนิต 3 ด้าน และเชื่อมต่อด้วยโค้งเสาที่ตกแต่งด้วยช่อดอกไม้สลักอย่างวิจิตรสวยงาม อิสระให้ท่านเดินช้อปปิ้งตามอัธยาศัย

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
RADISSON BLU RESORT & SPA, SPLIT ระดับ 4 ดาว หรือระดับเทียบเท่า

DAY7

สปลิท - โมสตาร์ (UNESCO) (บอสเนีย & เฮอเซโกวีน่า)

รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก

  • จากนั้นนำท่านสู่ เมืองโมสตาร์ (Mostar) (ระยะทาง 166 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2 ชม. 30 นาที) เป็นเมืองที่เคยถูกระเบิดครั้งใหญ่และโดนผลกระทบในช่วงสงครามระหว่างเซิร์บกับโครแอตโมสตาร์เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 5 ของประเทศ ตั้งอยู่บนแม่น้ำเนเรทวา (Neretva) ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นพรมแดนกั้นวัฒนธรรมของสองท้องถิ่น คือทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำจะเป็นส่วนของศาสนาอิสลามคือเป็นส่วนที่เป็นที่ตั้งของสุเหร่าและเตอร์กิสเฮาส์ ส่วนฝั่งตะวันตกจะเป็นส่วนของศาสนาคริสต์แบบคาทอลิก อันเป็นที่ตั้งของโบสถ์และที่อยู่ของนักบวช ปัจจุบันโมสตาร์เป็นเมืองที่สวยงามและโด่งดังที่สุดอีกแห่งหนึ่งประเทศของบอสเนีย                                                                                      Mostar travel - Lonely Planet | Bosnia & Hercegovina, Europe

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

  • นำท่านเดินชมเมือง โมสตาร์ (Mostar) คำว่า โมสตาร์ มาจากคำว่า “The Bridge Keepers” หรือแปลว่า ชาวโมสตาร์ที่คอยดูรักษาสะพานที่ตั้งอยู่เหนือแม่น้ำเนเรทว่า  อิสระให้ท่านเดินชมเมืองเลือกซื้อของที่ระลึก ตามอัธยาศัย

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง 
MEPAS HOTEL MOSTAR ระดับ 4 ดาว หรือระดับเทียบเท่า

DAY8

โมสตาร์ - ดูบรอฟนิค (โครเอเชีย) - กำแพงโบราณ - ชมเมืองเก่า

รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก

  • นำท่านเดินทางสู่ เมืองดูบรอฟนิค (Dubrovnik) (ระยะทาง 140  กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2 ชม.) ดูบรอฟนิคหรือไข่มุกแห่งทะเลอาเดรียติก เมืองทางตอนใต้ของสาธารณรัฐโครเอเชีย เมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของโครเอเชีย และเป็นเมืองที่สวยงามติดอันดับต้นๆของโลก ซึ่งในอดีตเมื่อปี 1991 เมืองดูบรอฟนิค ได้ถูกโจมตีจากกองทหารยูโกสลาฟ บ้านเรือนกว่าครึ่ง อนุสาวรีย์ต่างๆ เสียหาย และทรุดโทรม และหลังจากนั้นในปี 1995 ได้มีการได้มีการลงนามในสนธิสัญญา ERDUT สงบศึก และเริ่มเข้าสู่สภาวะปกติ UNESCO และสหภาพยุโรป ได้ร่วมกันบูรณะ ซ่อมแซม เมืองส่วนที่เสียหายขึ้นใหม่ในระยะเวลาอันสั้น ปัจจุบันเมืองดูบรอฟนิค ก็กลับมาสวยงามอีกครั้ง และปัจจุบันเขตเมืองเก่าที่ได้รับการอนุรักษ์และยกย่องให้เป็นมรดกโลก (Unesco)                                                                       

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน

  • นำท่านเยี่ยมชม เมืองเก่าดูบรอฟนิค (Dubrovnik) ถ่ายรูปที่ระลึกบริเวณจัตุรัสกลางเมืองซึ่งเป็นสถานที่นัดพบและประกอบกิจกรรมของชาวเมืองในอดีต รวมถึงสถานที่ลงโทษผู้กระทำผิดด้วย
  • อิสระให้ท่านได้ถ่ายรูปที่ระลึกกับ เสาหินอัศวิน (Orlando Column) หอนาฬิกา (Bell Tower) ที่ตั้งอยู่ปลายสุดของถนนสายหลัก สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1444 หน้าปัดทำด้วยเหล็ก มีความพิเศษตรงลูกกลมๆ ใต้หน้าปัดซึ่งแทนพระจันทร์บอกข้างขึ้นข้างแรมในสมัยก่อน และรูปปั้นของ นักบุญ St. Blaise ซึ่งมีโบสถ์ประจำเมืองสไตล์โรมาเนสก์แห่งแรกของเมืองเป็นฉากหลังเพิ่มเสน่ห์มนต์ขลังสวยสดงดงาม
  • จากนั้นนำท่านชมกำแพงเมืองโบราณ ขึ้นชมความสวยงามของแนวหลังคาสีส้มตระหง่านไปทั้งเมืองเก่า กำแพงแห่งนี้มีความยาวรวมกันประมาณ 2 กิโลเมตร ท่านจะได้เพลิดเพลินชมความสวยงาม โดยว่ากันว่าใครมาเมืองดูบรอฟนิคแล้วไม่ได้ขึ้นมาชมกำแพงเมืองโบราณแห่งนี้ ถือว่ามาไม่ถึงดูบรอฟนิคAll About Walls Of Dubrovnik - Guide - WalkInDubrovnik

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง พิเศษ กุ้ง LOBSTER ย่าง
DUBROVNIK PALACE HOTEL หรือระดับเทียบเท่า 5 ดาว

DAY9

ดูบรอฟนิค - ขึ้นเคเบิ้ลคาร์ชมวิว - กอเตอร์(มอนเตเนโกร) - บุดวา

รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก

  • นำท่านขึ้นเคเบิ้ลคาร์ สู่จุดชมวิวบนยอดเขาความสูง 405 เมตร เพื่อชมทัศนียภาพของเมืองแบบพาโนรามา กล่าวกันว่าเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดของเมือง                                                                                Dubrovnik Cable Car. Dubrovnik, Croatia | Dubrovnik Cable Ca… | Flickr
  • อิสระให้ท่านถ่ายรูปตามอัธยาศัย จากนั้นได้เวลานำท่านเดินทางกลับสู่ด้านล่าง
  • นำท่านข้ามพรมแดนสู่ ประเทศมอนเตเนโกร (Montenegro) แปลความหมายเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า BLACK MOUNTAIN หรือ “ภูเขาสีดำ” ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์นิกายออร์โธดอกซ์ ปัจจุบันมอนเตเนโกรเป็นประเทศสมาชิกของสหประชาชาติ และพยายามร่วมเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพยุโรป
  • นำท่านเดินทางสู่ เมืองกอเตอร์ (Kotor) (ระยะทาง 75 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1.30 ชั่วโมง) มรดกโลก UNESCO แห่งแรกของประเทศมอนเตเนโกรที่ได้รับการรับรองในปี ค.ศ.1979

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

  • นำท่านล่องเรือสู่เกาะโบสถ์พระแม่มารีย์แห่งหิน (Our Lady of the Rocks) ตั้งอยู่ที่ Gospa od Škrpjela ณ ใจกลางอ่าวโคเตอร์ เป็นเกาะที่เล็กๆ และเงียบสงบ สร้างขึ้นปี 1632 โดยชาวเวนิสค่าเป็นเหมือนอนุสาวรีย์ที่ช่วยปกป้องรักษาชาวเมืองให้รอดชีวิตจากภัยพิบัติ และอุบัติเหตุต่างๆ
  • ให้ท่านได้ชมโบสถ์พระแม่มารีย์ จากนั้นอิสระให้ท่านตามอัธยาศัยจากนั้นนำท่านกลับสู่แผ่นดินใหญ่Our Lady of the Rocks, Bay of Kotor, Perast, Montenegro - Bing Gallery
  • นำท่านชมเขตเมืองเก่าของกอเตอร์ นำท่านชม ST.TRIPHUN CHURCH โบสถ์นิกายคาทอลิก และ ST.NIKOLA CHURCH โบสถ์นิกายออโธดอกซ์ อิสระให้ท่านได้เลือกซื้อสินค้าของที่ระลึกตามอัธยาศัย
  • จากนั้นได้เวลานำท่านสู่ เมืองบุดว่า (BUDVA) (ระยะทาง 25 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 30 นาที) เป็นเมืองโบราณตั้งอยู่บนชายฝั่งอาเดรียติค เป็นเมืองเก่าแก่ที่สุดอีกแห่งที่ตั้งอยู่รอบทะเลอาเดรีตติค มีประวัติศาสตร์ยาวนานถึง 2,500 ปี ปัจจุบันได้รับฉายาว่าเป็น ริเวียร่าแห่งมอนเตเนโกร

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
SPENDID HOTEL BUDVA หรือระดับเทียบเท่า 5 ดาว

DAY10

บุดว่า - สเวติ สเตฟาน - พอตกอริซ่า - เวียนนา (ออสเตรีย)

รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก

  • นำท่านแวะถ่ายรูปกับ หมู่บ้านสเวติ สเตฟาน (Sveti Stefan) ที่เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คสำคัญของประเทศมอนเตเนโกร เพราะความน่าสนใจตรงที่เป็นเกาะที่มีถนนเชื่อมต่อกับชายฝั่ง หลังคาบ้านเรือนทำจากดินเผาสีส้ม ตัดกับสีน้ำทะเล จึงได้บรรยากาศที่ดูเป็นส่วนตัว และที่นี่ยังจัดเป็นรีสอร์ทอีกด้วย โดยเมื่อก่อน สมัยศตวรรษที่ 15 หมู่บ้านสเวติ สเตฟาน (Sveti Stefan) เคยเป็นชุมชนชาวประมงแบบเรียบง่าย แต่ก็น่าเศร้าที่ชาวบ้านถูกขับไล่ เพื่อสร้างเกาะดังกล่าวให้เป็นโรงแรมเหมือนอย่าง ปัจจุบัน โดยแขกคนดังที่เคยมาเข้าพัก ส่วนมากจะเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง เช่น มาริลีน มอนโรและเคิร์ก ดักลาส และ ทางเกาะไม่อนุญาตให้เข้าชม ยกเว้นผู้ที่พักรีสอร์ทในเกาะเท่านั้น                                        File:Sveti Stefan 2.jpg - Wikimedia Commons
  • เมื่อได้เวลาอันสมควร นำท่านเดินทางสู่ กรุงพอดกอริซ่า เมืองหลวงของประเทศมอนเตเนโกร

11.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน

  • นำท่านเดินทางสู่ สนามบินนานาชาติ พอดกอรีซ่า ณ เมืองหลวงของประเทศมอนเตเนโกร
  • 14.45 น. ออกเดินทางสู่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย โดยสายการบินออสเตรียนแอร์ไลน์ เที่ยวบิน OS 736
  • 16.15 น. เดินทางถึง สนามบินเวียนนา (แวะเปลี่ยนเครื่อง)

***หมายเหตุ ไฟล์ทบินอาจมีการเปลี่ยนแปลง***

  • นำท่านเดินทางสู่ Designer Parndorf Outlet ให้เวลาท่านได้อิสระ ช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมมาก มาย อาทิ เช่น GUCCI, BALLY, HUGO BOSS ,BENETTON, BURBERRY, CALVIN KLEIN, CROCS, GEOX, GUESS, LACOSTE , NIKE, OAKLEY, DIESEL และอื่นๆอีกมากมาย อิสระท่านช้อปปิ้งตามอัธยาศัย จนกระทั่งได้เวลาพอสมควร นำท่านเดินทางสู่สนามบินเวียนนา
  • 23.35 น. ออกเดินทางกลับสู่ กรุงเทพฯ โดยสายการบินออสเตรียนแอร์ไลน์ เที่ยวบิน OS 007
DAY11

สนามบินสุวรรณภูมิ (กรุงเทพฯ)

  • 14.50 น. เดินทางถึง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพและความประทับใจ…


แชร์ให้เพื่อน