ทัวร์มอลต้า – ซิซิลี 11 วัน
รายละเอียดโปรแกรมทัวร์-ทัวร์มอลต้า – ซิซิลี 11 วัน
กำหนดการเดินทาง
รอบที่ | วันเดินทาง | ราคา |
---|---|---|
1 | 13 มี.ค. 68 - 23 มี.ค. 68 | 205,900 บาท |
2 | 27 มี.ค. 68 - 6 เม.ย. 68 | 205,900 บาท |
สถานที่สำคัญ
- 1ชมเกาะ Malta ประเทศเล็กๆ ที่อยู่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
- 2ชมเกาะ Sicily เกาะที่ใหญ่ที่สุดของอิตาลี ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน
- 3ชมเมือง Valletta เหมืองหลวงของมอลต้า
- 4ชมเกาะ Gozo Island เกาะสุดสวยสถานที่ท่องเที่ยวที่มามอลต้าต้องห้ามพลาด
- 5ชมหมู่บ้าน Popeye Village หมู่บ้านที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้สร้างภาพยนตร์ป๊อปอาย (Unseen)
- 6ชมถ้ำ Blue Grotto สุดมหัศจรรย์ของมอลต้า (Unseen)
- 7ชมเมือง Taormina เมืองที่ได้ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดของเกาะซิซิลี
- 8ขึ้นชม ภูเขาไฟ Etna ภูเขาไฟที่ยังไม่ดับที่สูงที่สุดในยุโรป
- 9ชมเมือง Catania เมืองสวยของซิซิลี
- 10ชมเมือง Cefalu เมืองที่มีชายหาดสวยที่สุดในซิซิลี (Unseen)
- 11ชมเมือง Modica เมืองเล็กๆสุดสวยของซิซิลี (Unseen)
- 12ชมเมือง Noto เมืองเล็กสุดสวย Unesco (Unseen)
- 13ชมเมือง Ortigia เมืองริมทะเลสุดสวย (Unseen)
- 14ชมคฤหาสน์ Roman Villa Del Casale สุดสวย Unesco (Unseen)
- 15ชมวิหาร Valley of the Temples แห่งเมือง Agrigento (Unseen)
- 16ชมเมือง Monreale อีกหนึ่งเมืองสวยของซิซิลี
- 17ชมเมือง Palermo เมืองหลวงสุดสวยของซิซิลี
สนามบินสุวรรณภูมิ - กรุงเทพฯ - อิสตัลบูล
- 19.00 น. คณะพร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 ประตูทางหมายเลข 9 เคาน์เตอร์ U สายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ (Turkish Airlines) พบเจ้าหน้าที่บริษัทอำนวยความสะดวกในการเช็คอิน
- 22.55 น. ออกเดินทางสู่นครอิสตันบูล ประเทศตุรกี โดยสายการบินเตอร์กิชแอร์ไลน์ เที่ยวบิน TK 69 (ใช้เวลาบินประมาณ 10 ชั่วโมง)
อิสตัลบูล - ปาแลร์โม - เซฟาลู - ชายหาดมอนเดลโล
- 06.10 น. เดินทางถึงสนามบินอิสตัลบูล (แวะเปลี่ยนเครื่อง)
- 07.55 น. เดินทางสู่สนามบินปาแลร์โม โดยสายการบินเตอร์กิชแอร์ไลน์ เที่ยวบิน TK 1373
- 08.35 น. เดินทางถึงสนามบินปาแลร์โม ซิซิลี นำท่านผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและตรวจรับสัมภาระเรียบร้อยแล้ว
- นำท่านเดินทางสู่เมืองเซฟาลู (Cefalu) (ระยะทาง 70 กิโลเมตร ใช้ 1 ชั่วโมง) เมืองที่ถูกขนานนามว่า มีหาดทรายที่สวยที่สุดบน เกาะซิซิลี (Sicily) ที่นี่เป็นเมืองชายฝั่งทางตอนเหนือของซิซิลี นอกจากหาดทรายที่สวยงามแล้ว ยังมีสิ่งก่อสร้างสมัยเก่าให้เราได้พบเห็นอย่างเช่น ป้อมปราการนี้ มีความเป็นมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 เด่นชัดด้วยหอคอยคู่ ที่ออกแบบให้มีเอกลักษณ์ของอารยธรรมการก่อสร้างแบบชาว นอร์แมน (Norman) และสถาปัตยกรรมแบบไบแซนไทน์ (Byzantine) ให้ได้ศึกษาและย้อนเวลากลับไปในช่วงหลายพันปีก่อน
- อิสระให้ท่านเดินเล่นชมเมืองตามอัธยาศัย
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
- นำท่านเดินทางสู่ ชายหาดมอนเดลโล (MONDELLO) (ระยะทาง 85 กิโลเมตร ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 15 นาที) ให้ท่านได้ผ่อนคลายกับทิวทัศน์ของชายหาดที่มีน้ำทะเลใสสะอาดดุจดั่งแก้วคริสตัล และหาดทรายสีขาวสวยงามบริสุทธิ์ เดินเล่นชมบรรยากาศตลอดริมชายหาดตามอัธยาศัย
- นำท่านเดินทางสู่เมืองปาแลร์โม (PALERMO) (ระยะทาง 15 กิโลเมตร ใช้เวลา 30 นาที) เมืองหลวงของแคว้นปกครองตนเองซิซิลี ซึ่งเป็นเกาะใหญ่ปลายรองเท้าบูทของอิตาลี มีประวัติต่อเนื่องยาวนานกว่า 4,000 ปี เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญแห่งหนึ่งของยุโรปจึงตกเป็นเป้าหมายของการยึดครองจากชนชาติที่มีอำนาจเข้มแข็งในช่วงเวลาต่างๆเริ่มตั้งแต่กรีก โรมัน คาร์เทธ อาหรับ นอร์มัง เยอรมัน ฝรั่งเศส และสเปน แต่ละชาติผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้ามาปกครองดินแดนนี้ขณะเดียวกันก็ได้นำเอาศิลปะวัฒนธรรมของตนเข้ามาด้วย เกาะนี้จึงมีสถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมที่หลากหลายผสมผสานกันหากแต่ลงตัว นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยความงามทางธรรมชาติ ของทั้งชายหาด ทะเล และภูเขาไฟ ด้วยความที่อยู่ห่างไกลท่านจะสามารถสัมผัสถึงความเป็นอิตาเลียนดั้งเดิม อย่างที่หาไม่พบอีกแล้วตามเมืองใหญ่ในอิตาลีภาคพื้นทวีป
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารของโรงแรมที่พัก
EUROSTARS CENTRALE PALACE HOTEL หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว
ปาแลร์โม - ชมเมือง - อากรีเจนโต้
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
- นำท่านเที่ยวชมเมืองปาแลร์โม ถ่ายรูปกับ Palazzo dei Normanni อดีตราชวังของกษัตริย์นอร์แมน ปัจจุบันใช้เป็นสภาท้องถิ่นประจำเมือง
- นำท่านแวะถ่ายรูป Cappella Palatina โบสถ์ส่วนพระองค์ของกษัตริย์โรเจอร์ที่ 2 พระราชาซึ่งเคยได้ชื่อว่ามีฐานะล่ำซำที่สุดในยุโรป โดยโบสถ์นี้ยังถือเป็นต้นแบบของวิหาร Monreale ที่สร้างขึ้นในอีก 40 ปีให้หลังด้วย หลังคาโดมประดับด้วยโมเสคทองรูปพระเยซูและเทวดาทั้งแปด
- นำท่านชม น้ำพุ Fontana della Vergogna น้ำพุแกะสลักสไตล์เรเนอซองส์ ซึ่งสั่งทำจากฟลอเรนซ์ จากนั้นเชิญท่านเดินเล่นชมเมืองตามอัธยาศัย
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
- จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองมอนเรอาเล (Monreale) หรือ MONS REGALIS (ระยะทาง 10 กิโลเมตร ใช้เวลา 15 นาที) ที่มีความหมายในภาษาอังกฤษว่า ROYAL MOUNTAIN ตั้งอยู่บนลาดเขาคาปูโต้
- นำท่านชมมหาวิหารมอนเรอาเล (Duomo Di Monreale) อีกหนึ่งประวัติศาสตร์ของสถาปัตยกรรมแบบไบแซนไทน์ (Byzantine) ที่ผสมผสานกับศิลปะแบบอาหรับ (Arabic) ถูกสร้างขึ้นในยุคสมัย ค.ศ.1060 จากชนกลุ่มอาหรับ ภายหลังเกิดการขับไล่โดยชนกลุ่ม คริสเตียน (Christian) ทำให้มหาวิหารแห่งนี้ตกเป็นของชนกลุ่มคริสเตียนตั้งแต่นั้นมา แต่ก็ยังไม่วายเพราะภายหลังนั้นก็ถูกชาวโรมัน (Roman) ยึดครองไปและกินระยะเวลามาจนถึงปัจจุบัน ความงดงามของงานวิจิตรศิลป์ กับการนำกระเบื้องโมเสคทองคำชิ้นเล็กๆมาร้อยเรียงต่อกันจนเกิดเป็นภาพผนังของการกำเนิดเผ่าพันธุ์มนุษย์จากเรื่องราวของอดัม (Adam) และ เอวา หรือที่เราคุ้นเคยกันดีในชื่อ อีฟ (Eve) สองมนุษย์คนแรกในเรื่องราวของพระผู้เป็นเจ้าสร้างทั้งคู่ขึ้นมา รวมไปถึงการเล่าเรื่องความล่มสลายของเผ่าพันธุ์มนุษย์จากเรื่องราว โนอาห์ (Noah) และคำสอนจากพระคัมภีร์จนเกิดเป็นภาพพนังสวยสดงดงามอย่างที่ได้เห็น ชมสวนไม้ที่ถูกตกแต่งมีลักษณะการจัดวางให้กระจายเป็น สี่มุม มีชื่อเรียกสวนนี้ว่า สวนอีเดน (Garden Of Eden) ประกอบไปด้วยต้นมะเดื่อป่า ต้นทับทิมป่า ต้นมะกอกป่า และ ต้นอินทผาลัมและยังมีการตกแต่งเสาหินอ่อนโดยรอบไว้อย่างสวยงาม
- นำท่านเดินทางสู่ เมืองอากรีเจนโต้ (Agrigento) (ระยะทาง 185 กิโลเมตร ใช้เวลา 2 ชม. 15 นาที) เมืองที่เต็มไปด้วยโบราณสถานกรีก ดังนั้นชาวอาครากาส ซึ่งย้ายถิ่นฐานมาจากกรีกเมื่อ 800 ปีก่อนคริสต์กาลจึงได้สร้างวิหารเพื่อบูชาเทพเจ้าของกรีกไว้ ณ เมืองแห่งนี้
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
COLLEVERDE PARK HOTEL AGRIGENTO หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว
อากรีเจนโต้ - หุบเขาแห่งวิหาร - เปียซซาอาร์เมรินา
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
- นำท่านเข้าชม หุบเขาแห่งวิหาร (Valley of the Temples) ถือว่าเป็นหนึ่งในเมืองของอารยธรรมกรีกที่รุ่งเรืองที่สุดในแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เป็นสถานที่ซึ่งถูกบันทึกเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก้เมื่อปี ค.ศ.1997
- จากนั้นนำท่านชมวิหารต่าง ๆ ภายใน หุบเขาแห่งนี้ซึ่งประกอบไปด้วย วิหาร จำนวน 7 แห่ง ในปัจจุบันมีเพียงวิหารคองคอร์ด (Temple of Concord) ที่มีสภาพสมบูรณ์และสวยงามหลงเหลือให้เห็นอยู่ เริ่มจากวิหารคองคอร์ด วิหารรูปทรงคล้ายวิหารพาร์เธน่อนแห่งกรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ ซึ่งนักท่องเที่ยวที่ได้เข้าชมต่าง กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่ายังคงความสมบูรณ์กว่าวิหารพาร์เธน่อนเสียอีก ต่อด้วยวิหารเฮร่า วิหารซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาบนจุดที่สูงที่สุดของหุบเขานี้ วิหารเฮอร์คิวลิส วิหารซึ่งมีเสาขนาดใหญ่กว่าวิหารอื่น ๆ ซึ่งแสดงได้ถึง ความเชื่อของชาวกรีกในความทรงพลังของเทพเฮอร์คิวลิส ต่อด้วยวิหาร อื่น ๆ ในหุบเขาแห่งนี้
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
- นำท่านเดินทางสู่เมืองเปียซซาอาร์เมรินา (Piazza Armerina) (ระยะทาง 100 กิโลเมตร ใช้เวลา 1 ชม. 30 นาที) เมืองที่ถูกปกครองโดย ชาวนอร์มัน (Normans) ในช่วงศตวรรษที่ 11 บน เกาะซิซิลี (Sicily) ที่นี่แสดงให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองในสมัยยุคของ โรมัน (Roman) จะเห็นได้จาก ศิลปะของภาพโมเสคจากการใช้แผ่นกระเบื้องมาวางเรียงจนเกิดเป็นรูปภาพที่งดงามและเป็นสถาปัตยกรรม ในแบบกอธิค (Gothic architecture) อีกด้วย
- นำท่านเข้าชมคฤหาสน์ขุนนางหรือ โรมันวิล่า เดล คาสเซล (Roman Villa Del Casale) แหล่งมรดกโลกอีกแห่งหนึ่งของโลกโดยองค์การยูเนสโก้ เป็นสิ่งก่อสร้างในยุคโรมัน ที่ถือได้ว่ายังมีความสมบูรณ์หลงเหลืออยู่ ไม่ว่าจะเป็นแนวความคิดในการแยกห้องอาบน้ำและห้องน้ำออกจากกันหรือการสร้างอนุสาวรีย์ ไว้ในพื้นที่ใกล้ๆเรือนรับรองนั่นเอง นอกจากนี้ยังมีการสร้างโถงกลางขนาดใหญ่แสดงให้เห็นถึงอำนาจและบารมีของขุนนางโรมันในยุคสมัยนั้นๆ
- นำท่านชมภาพโมเสกที่ถ่ายทอดเรื่องราวการล่าสัตว์ใน จินตนาการ และทิวทัศน์ของ ธรรมชาติในยุคโบราณ
- จากนั้นนำท่านไปถ่ายภาพมหาวิหารที่ตั้งอยู่บน ยอดเขากลางใจเมือง สร้างด้วยศิลปะแบบโกธิคสไตล์กาตาโลเนีย พร้อมเก็บภาพบรรยากาศโดยรอบที่สวยงาม
- จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองโนโต (Noto) (ระยะทาง 160 กิโลเมตร ใช้เวลา 2 ชม. 30 นาที) เมืองนี้ถูกเรียกว่า “ไข่มุกแห่งซิซิลี” เมืองท่องเที่ยวริมทะเลกับบรรยากาศแห่งศิลปะแบบบาร็อก เมืองโนโต เคยประสบแผ่นดินไหวรุนแรงจนทำให้บ้านเรือนเสียหาย หลังจากนั้นจึงได้สร้างขึ้นใหม่ในสไตล์บาร็อก นอกจากนี้เมืองโนโตยังได้รับการยกย่องจาก UNESCO ให้เป็น World Heritage อีกด้วย
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารของโรงแรมที่พัก
PORTA REALE HOTEL หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว
โนโต - ซีราคิวส์ - ออร์ติเกีย - ทาโอมีน่า
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
- นำท่านชมวิหารโนโต (NOTO CATHEDRAL) วิหารนี้สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 17-18 เช่นเดียวกับอาคารหลายแห่งในเมืองโนโต ได้รับการยกย่องว่าเป็นตัวอย่างของสถาปัตยกรรมบาโรกที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของเมือง
- นำท่านถ่ายรูปหน้าพระราชวังดูเชซิโอ (DUCEZIO PALACE) ตอนที่เริ่มออกแบบอาคารในศตวรรษที่ 18 สถาปนิกท้องถิ่นนามว่าวินเชนโซ ซินาตราตั้งใจจะให้เป็นพระราชวังชั้นเดียว ชั้น 2 นี้เพิ่งสร้างขึ้นในทศวรรษที่ 1950 จากนั้นมาพระราชวังได้กลายเป็นที่ตั้งของสภาเมืองโนโต ท่านจะได้ตื่นตาไปกับการตกแต่งอันหรูหราและห้องโถงกระจกที่มีชื่อเสียงที่สุดของพระราชวัง เช่น เก้าอี้และม้านั่งกำมะหยี่สีแดง ซึ่งสะท้อนให้เห็นในกระจกขอบทองรอบผนัง มองขึ้นไปบนเพดานจะเห็นจิตรกรรมฝาผนังชั้นเลิศในศตวรรษที่ 19 ซึ่งแสดงถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่มีความสำคัญทางศาสนา ที่น่าประทับใจที่สุดคือศิลปะเชิง 3 มิติที่อยู่กลางเพดาน ซึ่งเป็นภาพม้ากำลังลากราชรถสีทองฝ่าก้อนเมฆมาพร้อมกับเหล่ากามเทพ ชมซุ้มประตูโค้งสูง 11 ประตูประดับด้วยรูปปั้นบนยอด เรียงรายกันได้สัดส่วนที่สมบูรณ์แบบ จนกระทั่งได้เวลาพอสมควร
- จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองซีราคิวส์ (siracusa) (ระยะทาง 35 กิโลเมตร ใช้เวลา 40 นาที) เคยเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในยุคโบราณและเป็นแหล่งรวมโบราณสถานของอารยธรรมกรีกและโรมันอันยิ่งใหญ่บนเกาะซิซิลี ซีราคิวส์ก่อตั้งโดยชาวอาณานิคมโครินเธียนในช่วง 734 ปีก่อนคริสต์ศักราช และเคยเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมของโลกยุคโบราณมา
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
- นำท่านเดินทางชม ออร์ติเกีย (Ortigia) เป็นเกาะขนาดเล็กซึ่งเป็นศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์ของเมืองซีราคิวส์ซิซิลี เกาะนี้ยังเป็นที่รู้จักกันในนาม Città Vecchia หรือเมืองเก่า โดยมีสถานที่ทางประวัติศาสตร์มากมาย
- นำท่านชม มหาวิหารแห่งซีราคิวส์ (Duomo di Siracusa) ตั้งอยู่ใจกลางเกาะออร์ติเกีย เป็นโบสถ์คาทอลิกโบราณในซีราคิวส์ โดยตัวโครงสร้างเป็นแบบกรีกโบราณทำให้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกเมื่อปี ค.ศ.2005
- ชม Piazza Duomo ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเกาะออร์ติเกีย ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในจตุรัสสไตล์บาโรกที่สวยที่สุดในซิซิลี ให้ท่านได้อิสระเดินเล่นชมเมืองตามอัธยาศัย
- นำท่านเดินทางสู่เมืองทาโอมีน่า (TAORMINA) (ระยะทาง 121 กิโลเมตร ใช้เวลา 1 ชม. 30 นาที) เมืองชายฝั่งทะเลไอโอเนียน ริมฝั่งตะวันออกของหมู่เกาะซิซิลีเมืองแห่งอารยธรรมกรีก ที่ยังหลงเหลืออยู่ในประเทศอิตาลี
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารของโรงแรมที่พัก
EUROSTARS MONTE TAURO TAORMINA HOTEL หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว
ทาโอมีน่า - ภูเขาไฟเอ็ตนา - คาตาเนีย
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
- นำท่านเข้าชมโรงละครกรีก (The Teatro Greco) หรือ Greek theatre หลักฐานทางโบราณคดีในปัจจุบัน แสดงให้เห็นว่า โบราณสถานก่อถูกสร้างเพิ่มเติมจากฐานเติมในสมัยกรีก ก่อนจะมีการก่อสร้างโดยอิฐเพิ่มเติมในรูปแบบของโรมัน ซึ่งบริเวณแห่งนี้ถูกปกครองโดยกษัตรยิ์แห่งโรมันในยุคของกษัตริย์ออกุสตุส โดยภายในประกอบด้วยอาคารในยุคกลางที่น่าสนใจ ได้แก่ พระราชวังคอร์วาญ่า (Palazzo Corvaja) โบสถ์ เซนต์โดมิเนโก้ (the Church of San Domenico) แหล่งโบราณคดีเก่าแก่ของเมืองแห่งนี้ตั้งอยู่บนแหลมเปโลรุส ที่ระดับ 250 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล โดยมีฉากด้านหลัง เป็นภูเขาไฟเอตน่าที่ยังคุกรุ่นอยู่เบื้องหลัง อันเป็นวิวทิวทัศน์ที่ได้รับการกล่าวขานว่าสวยที่สุดในเมือง
- เชิญท่านอิสระเดินเล่น ณ ถนนคอร์โซ อัมเบอร์โต้ (Corso Umberto) ถนนสายหลักของเมืองตามอัธยาศัย
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
- นำท่านเดินทางไปยังจุดชมวิวภูเขาไฟเอ็ตนา (Mount Etna) (ระยะทาง 62 กิโลเมตร ใช้เวลา 2 ชม.) ภูเขาไฟที่ยังไม่ดับ ที่มีความสูง ที่สุดในยุโรป ระดับความสูงอยู่ที่ 3,323 เมตร โดยมี ฐานกว้างถึง 150 เมตร บนยอดเขาจะมีหิมะปกคลุม ตลอด 9 เดือนของทุกปี ถือเป็นภูเขาไฟที่มีพลังมาก และมีคุณค่าเชิงประวัติศาสตร์ที่สําคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เนื่องจากเป็นภูเขาไฟที่คงประโยชน์ทั้งทางด้านภูเขาไฟวิทยา ด้านธรณีฟิสิกส์ รวมทั้ง ด้านวิทยาศาสตร์ด้วยความหลากหลายเช่นนี้ จึงได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลกในปี ค.ศ. 2013
- อิสระให้ท่านได้เก็บภาพเป็นที่ระลึกกับภูเขาไฟเอตน่า และชมความงามของกำแพงหิมะที่ปกคลุม ภูเขาไฟ อันเป็นความงามที่น่าอัศจรรย์
***การให้บริการของกระเช้า ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศของแต่ละวัน ทางบริษัทขอสงวนการเปลี่ยนแปลงรายการโดยเน้นความปลอดภัยของผู้เดินทางเป็นหลัก***
- นำท่านเดินทางสู่ เมืองคาตาเนีย (CATANIA) (ระยะทาง 40 กิโลเมตร ใช้เวลา 1 ชม.) ดินแดนที่เคยถูกปกครองทั้งกรีกและโรมันมาแต่อดีตกาล และ ถูกทำลายจากการระเบิดตัวของภูเขาไฟเอ็ทน่าถึงสองครั้งเมื่อปี ค.ศ.1169 และ 1693 จากนั้น ได้รับการบูรณะเมืองใหม่โดยสถาปนิก ที่ออกแบบให้มีถนนกว้าง และเต็มไปด้วยอาคาร สถาปัตยกรรมแบบบาร็อคอันโดดเด่นเป็นสง่า เป็นเมืองท่าเรือสำคัญทางตะวันออกของเกาะฯ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารจีน
PALACE CATANIA | UNA ESPERIENZE HOTEL หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว
คาตาเนีย - ชมเมือง - ช้อปปิ้ง
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
- นำท่านชม จัตุรัสโบสถ์ (PIAZZA DEL DUOMO) ท่ามกลางอาคารสถาปัตยกรรมแบบบาร็อคอันงดงามที่ตั้งของ มหาวิหารแห่งเมืองคาตาเนีย สร้างตามแบบศิลปะกอธิค รูปร่างมหาวิหารคล้ายกับมงกุฎพระราชา มีบันไดทางขึ้นแข็งแรงน่าเกรงขาม ซึ่งสร้างมาตั้งแต่ช่วงปลายศตวรรษที่ 11 โดย Roger I เพื่ออุทิศให้กับเซ็นต์ อกาธา เทพผู้ปกป้องเมือง กลางจัตุรัสมีประติมากรรมน้ำพุรูปช้างเทินเสาหิน สัญลักษณ์ของเมืองคาตาเนีย เทียบได้กับมิเนอร์วา เทพีโรมันแห่งปัญญาและผู้สนับสนุนศิลปะ การค้าและยุทธศาสตร์
- นำท่านสู่ย่านการค้าเมือง VIA ETNEA มีเวลาให้ท่านได้เลือกซื้อสินค้าของที่ระลึก หรือเดินเล่นชมสวน BELLINI ที่ตั้งชื่อเป็นเกียรติแด่นักดนตรีชื่อดัง Vincenzo Bellini ที่เกิดที่คาตาเนีย ปี ค.ศ. 1801 ตามอัธยาศัย
- นำท่านเดินทางสู่ Sicilia Outlet Village (ระยะทาง 45 กิโลเมตร ใช้เวลา 50 นาที) แหล่งช้อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดบนเกาะซิซิลี ให้ท่านได้อิสระช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์ดังมากมาย อาทิเช่น PRADA , GUCCI , MOSCHINO , JIMMY CHOO , DOLCE&GABBANA , COACH , ARMANI , BOSS , ADIDAS เป็นต้น จนกระทั่งได้เวลาพอสมควร
***เพื่อความสะดวกในการช้อปปิ้ง อิสระรับประทานอาหารกลางวันตามอัธยาศัย***
- นำท่านเดินทางกลับสู่ เมืองคาตาเนีย (CATANIA) (ระยะทาง 60 กิโลเมตร ใช้เวลา 1 ชม.)
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารจีน
PALACE CATANIA | UNA ESPERIENZE HOTEL หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว
คาตาเนีย - วัลเลตตา - เอมดิน่า - ชมเมือง
รับประทานอาหารเช้าแบบ set box
- นำท่านออกเดินทางสู่สนามบินคาตาเนีย
- 07.15 น. ออกเดินทางสู่สนามบินวัลเลตตา โดยสายการบิน AIR MAL เที่ยวบินที่ KM641
- 08.00 น. เดินทางถึงสนามบินวัลเลตตา นำท่านตรวจรับสัมภาระ
- จากนั้นนำท่านถ่ายรูปกับหน้าผาดิงลี (Dingli Cliff) อีกหนึ่งผางามแห่งเกาะมอลต้า (ระยะทาง 13 กิโลเมตร ใช้เวลา 15 นาที)
- นำท่านเดินทางสู่ เมืองเอมดิน่า (Mdina) (ระยะทาง 15 กิโลเมตร ใช้เวลา 20 นาที) เป็นเมืองเก่าโบราณ เมืองนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อประมาณปลายยุคสำริดในช่วง 1500 – 1000 ปีก่อนคริสตกาล เมืองเอมดินาเป็นเมืองหลวงเก่าของมอลตาในสมัยยุคกลาง (Medieval) ตั้งอยู่ใจกลางของเกาะมอลตา มีกำแพงเมืองล้อมรอบและตั้งอยู่บนที่สูงประมาณ 150 เมตร หรือ 500 ฟุตจากระดับน้ำทะเล เอมดินาเป็นหนึ่งในเมืองที่มีกำแพงเมืองเก่าจากยุคกลางที่เห็นชัดที่สุดในโลก เนื่องจากเป็นเมืองที่มีขนาดเล็ก มีความเงียบสงบและไม่ค่อยมีการเดินทางสัญจรเข้าออกเมืองนี้มากเท่าไร เมืองเอมดินาจึงได้รับการขนานนามอีกชื่อหนึ่งโดยคนที่อาศัยอยู่และผู้ไปเยือนว่า “เมืองแห่งความเงียบ (The Silent City)
- เมืองเอมดินามีโบสถ์ที่สวยงามมากตั้งอยู่กลางเมืองที่ชื่อว่า โบสถ์ใหญ่แห่งเอมดิน่า (The Mdina Cathedral)
- นำท่านชมประตูเมืองหลัก (The Main Gate) ซึ่งสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1724 มีลักษณะเป็นประตูโค้งด้วยสถาปัตยกรรมยุคบาโรค ใครก็ตามที่ได้เข้าไปในเมืองเอมดินาจะมีความรู้สึกเหมือนกลับเข้าไปอยู่ในยุคกลาง ถนนในเมืองจะมีขนาดแคบมาก เป็นตรอกและซอยเล็กๆ ลัดเลาะไปตามมุมต่างๆ ของเมือง บ้านเรือนจะมีสีเดียวกันหรือคล้ายกันทั้งหมด คือ สีน้ำตาลหรือน้ำตาลอ่อน นอกจากจะเป็นบ้านอาศัยแล้ว ยังมีร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหารอยู่บ้าง แต่ที่โดดเด่นคือร้านขายเครื่องแก้วของเอมดินา (Mdina Glass) ก่อนเข้าประตูเมืองจะมีรถม้าที่ตกแต่งอย่างสวยงาม ซึ่งจัดไว้สำหรับบริการนักท่องเที่ยวอีกด้วย
- เชิญท่านอิสระเดินเล่นตามอัธยาศัยจนกระทั่งได้เวลาพอสมควร
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
- นำท่านเดินทางสู่ตัวเมืองวัลเลตตา (Valletta) เมืองหลวงของสาธารณรัฐมอลต้า ซึ่งได้ตั้งชื่อเมืองตามชื่อของ Jean Parisot De La Valetta ผู้ซึ่งสามารถป้องกันการรุกรานเกาะมอลต้า จากออตโตมานในปี 1565 เมืองวัลเลตตาได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกในปี 1980
- นำท่านชม สวนบารัคคา (Barracca Garden) สวนสวยที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นสถานที่ส่วนบุคคล แต่ภายหลังได้เปิดให้สาธารณชนเข้าชมในปี 1824 ภายในสวนประกอบไปด้วย Upper Barracca และ Lower Barracca ในส่วน Upper นั้นได้สร้างขึ้นในปี 1661 โดยอัศวินชาวอิตาเลียน จากบริเวณสวนจะเห็นวิวของอ่าวแกรนด์ฮาร์เบอร์ได้ชัดเจน
- นำท่านเข้าชมวิหารเซนต์จอห์น (St. John’s Cathedral) สร้างโดยอัศวิน เซนต์จอห์นเพื่อมอบเป็นเกียรติแก่ผู้อุปถัมภ์เหล่าอัศวินทั้งหลาย ความพิเศษของวิหารแห่งนี้คือการ ออกแบบตกแต่งโดยสถาปนิกและศิลปินชาวมอลต้าในช่วงศตวรรษที่ 16
- จากนั้นชม AUBERGE DE CASTILLE อาคารที่มีความสง่างามและใหญ่โตที่สุดแห่งหนึ่ง ในเมืองวัลเลตต้า ตั้งอยู่บนจุดที่สูงที่สุดของคาบสมุทรซึ่งถูกออกแบบให้เป็นสถานที่หรูหราที่สุด ปัจจุบันใช้เป็นที่พำนักของนายกรัฐมนตรีของประเทศสาธารณรัฐมอลต้า สร้างขึ้นครั้งแรกในปี 1574 โดยสถาปนิกชาวมอลต้าชื่อ GIROLAMO CASSAR และมีการสร้างบูรณะใหม่อีกครั้งในปี 1741
- นำท่านถ่ายรูปด้านหน้า พระราชวังแกรนด์มาสเตอร์ (Grand Master Palace) อดีตพระราชวังยุคศตวรรษที่ 16 ถือครองโดย อุสตาจิโอ้ เดล มอนเต้ ญาติคนสนิทของผู้ครองแคว้นมอลต้านาม ฌองป์ เดอลา วาเลตเต้ แรกเริ่มเดิมทีถูกใช้เป็นสถานที่บัญชาการรบของอัศวินในยุคนั้น และภายหลังเสร็จสิ้นสงคราม ได้ถูกต่อเติมเป็นพระราชวัง แต่แล้วถูกโอนย้ายเปลี่ยนมือเป็นสถานที่พำนักของผู้ปกครองจากประเทศอังกฤษในช่วงศตวรรษที่ 19 และกลับมาถือครองโดยประเทศมอลต้าภายหลังประกาศเอกราชในปี ค.ศ.1964 และในปัจจุบันถูกใช้เป็นอาคารรัฐสภาแห่งมอลต้า สถานที่ทำงานของประธานาธิบดีแห่งมอลต้า ภายในตัวอาคารตกแต่งแบบนิโอคลาสสิค และเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมในบางส่วนที่จัดแสดงเป็นพิพิธภัณฑ์สำหรับจัดแสดงเรื่องราวประวัติศาสตร์และยุทโธปกรณ์ของอัศวินในอดีต
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
EXCELSIOR GRAND HOTEL หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว
วัลเลตตา - เกาะโกโซ - ล่องเรือ - หมู่บ้านป๊อปอาย (Unseen) - วัลเลตตา
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
- นำท่านเดินทางสู่ เกาะโกโซ (Gozo Island) คืออีกหนึ่งจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของประเทศมอลต้า เกาะโกโซ ตั้งอยู่ในเขตทะเลเมดิเตอร์เรเนียน (Mediterranean Sea) เป็นอีกหนึ่งเกาะในตำนาน ที่บางครั้งมักเรียกว่า เกาะแห่งคาลิปโซ่ (Isle of Calypso) โดยคาลิปโซ่เป็นธิดาแห่งท้องทะเล ในตำนานกรีก และเป็นบุตรีของเทพแอตลาส เผ่าไททัน นางอาศัยอยู่ในเกาะแห่งความฝัน (Mythical Island) ซึ่งอยู่ที่ Ogygia ในทะเลไอโอเนียน ปัจจุบันเกาะโกโซ เป็นเกาะที่มีความงดงามทางธรรมชาติมาแห่งหนึ่งของหมู่เกาะมอลต้า เป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางยอดนิยมของเหล่านักดำน้ำ
- นำท่านล่องเรือชม ทัศนียภาพความสวยงามของเกาะมอลต้า
- นำท่านเที่ยวชมและถ่ายรูปกับกังหันลม Ta Kola และถ่ายรูปกับถ้ำคาลิปโซ (Calypso Cave)
- จากนั้นนำท่านเข้าชม วิหารกันติจา (Ggantija Temples) อีกหนึ่งวิหารเก่าแก่ ที่ปัจจุบันได้รับการบรรจุไว้ในรายชื่อของมรดกโลกในปี ค.ศ.1980 โดยวิหารถูกสร้างขึ้นจากหินขนาดใหญ่และถือว่าเป็นหนึ่งในอนุสาวรีย์หินใหญ่ ที่สามารถย้อนกลับไปในยุคสมัยหินใหม่ (3600-2500 BC) เชื่อกันว่าเป็นวิหารทางศาสนาที่มีความเก่าแก่มากที่สุดแห่งถึงของโลกอีกด้วย
- นำท่านถ่ายรูปกับ ป้อมปราการวิคตอเรีย (Victoria Fortress) ที่ตั้งขึ้นตามพระนามของสมเด็จพระราชินีวิคตอเรียแห่งอังกฤษ ในโอกาสเฉลิมฉลองการครองราชย์ครบรอบ 25 ปี
- จากนั้นนำท่านเที่ยวชมเมืองเก่าแห่งเกาะโกโซ พร้อมเก็บภาพความสวยงามทั้งธรรมชาติและหมู่อาคารบ้านเรือนโรมันโบราณที่ยังคงความสวยงาม จวบจนปัจจุบัน อิสระให้ท่านได้เก็บภาพตามอัธยาศัย
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
- จากนั้นนำท่านชม วิหารทาพินู (Ta Pinu Cathedral) วิหารโรมันคาธอลิกซึ่งตั้งอยู่บริเวณใกล้หน้าผา ในอดีตเป็นเพียงโบสถ์หินขนาดเล็กยุคศตวรรษที่ 15 และถูกต่อเติมและสร้างขึ้นใหม่ในช่วงปี ค.ศ.1922-1932 แบบสไตล์นีโอโรแมนติค ด้านในโบสถ์ประดับด้วยภาพโมเสคจำนวน 6 ภาพ และกระจกสีจำนวน 76 บาน และมีหอระฆังสูง 61 เมตร นับเป็นอีกหนึ่งโบสถ์ที่มีความสำคัญของคริสตจักร เนื่องจากพระสันตะปาปามาเยือนถึง 2 ท่าน ซึ่งโป๊ปจอห์นปอลที่ 2 เคยเสด็จมาเยื่อเมื่อปี ค.ศ.1990 และ โป๊ปเบเนดิกต์ที่ 14 มาเยือนเมื่อปี ค.ศ. 2010 และได้มอบกุหลาบสีทอง หรือ โกลเด้นโรส (Golden Rose) สัญลักษณ์แห่งความศักดิ์สิทธิ์ไว้ ณ โบสถ์แห่งนี้ จนกระทั่งได้เวลาพอสมควร
- จากนั้นนำท่านชม หมู่บ้านป๊อปอาย (Popeye Village) อำนวยการสร้างมาจากบริษัท Walt Disney และ Paramount Pictures ตัดสินใจที่จะสร้างภาพยนตร์ป๊อปอายในเวอร์ชั่นคนแสดง พวกเขาได้จำลองหมู่บ้าน Sweethaven Village ในการ์ตูนให้กลายเป็นของจริงที่บริเวณอ่าวจอดเรือทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะมอลตา โดยได้เริ่มทำการสร้างตั้งแต่ปี 1979 ถูกออกแบบโดยสถาปนิกชาวเดนมาร์ก ฮันส์ มังค์ แฮนเซน ใช้คนก่อสร้างกว่า 165 คน ในเวลาประมาณ 7 เดือน หมู่บ้านมีลักษณะเป็นบ้านไม้สีสันสดใส ไม้หลายพันแผ่นนำเข้าจากประเทศเนเธอแลนด์ หลังคานำเข้าจากประเทศแคนาดา ใช้สีทาบ้านถึงสองพันแกลลอนด้วยกัน และยังมีการสร้างเขื่อนรอบๆหมู่บ้านเพื่อป้องกันคลื่นสูงที่อาจรบกวนในซีนหนัง ผู้แสดงเป็นป๊อปอายในสมัยนั้นคือ โรบิน วิลเลียมส์ ทาง Walt Disney และ Paramount Pictures ลงทุนทุ่มเทกับการสร้างหมู่บ้านป๊อปอายมาก แต่หลังจากหนังฉายก็เหมือนจะไม่ได้เงินทุนคืน อย่างไรก็ตามหมู่บ้านแห่งนี้ได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมในปัจจุบัน
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
EXCELSIOR GRAND HOTEL หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว
วัลเลตตา - ถ้ำบลูกรอตโต้ - วัลเลตตา - ช้อปปิ้ง
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
- นำท่านล่องเรือชมทัศนียภาพความสวยงามของเกาะมอลต้า
- นำท่านชมถ้ำบลูกรอตโต (Blue Grotto) แห่งเกาะมอลต้า
- จากนั้นนำท่านถ่ายรูปกับหน้าผาดิงลี (Dingli Cliff) อีกหนึ่งผางามแห่งเกาะมอลต้า
(การล่องเรือขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ หากอากาศไม่เอื้ออำนวย ทางบริษัทฯ จะจัดกิจกรรมอื่นทดแทน)
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
- อิสระท่านช้อปปิ้ง ณ จัตุรัสรีพับบลิค (Republic Square) รอบๆ จัตุรัสแห่งนี้ห้อมล้อมไว้ด้วยอาคารสำคัญๆ ของเมือง ทั้งทำเนียบประธานาธิบดี และทำเนียบรัฐบาล ห้องสมุด พิพิธภัณฑ์ ถนนเส้นหนึ่งที่เชื่อมกับจัตุรัสแห่งนี้ คือถนนรีพับบลิค ถนนที่เป็นถนนสายช้อปปิ้งที่สำคัญของเมือง มีร้านรวงให้ช้อปปิ้งกันตลอดทาง
- นำท่านเดินทางกลับสู่สนามบินวัลเลตตา (ระยะทางประมาณ 15 กิโลเมตร ใช้เวลา 20 นาที)
- 19.30 น. ออกเดินทางสู่นครอิสตันบูล ประเทศตุรกี โดยสายการบินเตอร์กิชแอร์ไลน์ เที่ยวบิน TK 1372
สนามบินสุวรรณภูมิ - กรุงเทพฯ
- 00.05 น. เดินทางถึงสนามบินอิสตัลบูล (แวะเปลี่ยนเครื่อง)
- 01.55 น. เดินทางสู่กรุงเทพฯ โดยสายการบินเตอร์กิชแอร์ไลน์ เที่ยวบิน TK 068
- 15.20 น. เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ…..