ทัวร์สวิตเซอร์แลนด์ – อิตาลี – ฝรั่งเศส

• 21.30 น. คณะพร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 ประตูทางหมายเลข 4 เคาน์เตอร์ H สายการบินไทยพบเจ้าหน้าที่บริษัทอำนวยความสะดวกในการเช็คอิน

• 01.05 น. บินตรงสู่กรุงซูริค โดยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 970 (ใช้เวลาประมาณ 11 ชม.)
• 07.50 น. ถึงสนาบินเมืองซูริค ปะเทศสวิตเซอร์แลนด์
• จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองเนอชาแตล (Neuchâtel) (ระยะทาง 150 กิโลเมตร ใช้เวลา 2 ชม.) เมืองแห่งปราสาทในสวิตเซอร์แลนด์ เมืองหลวงของรัฐเนอชาแตลในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ตั้งอยู่ริมชายฝั่งด้านตะวันตกของทะเลสาบเนอชาแตล นอกจากจะเป็นเมืองหลวงแล้ว ยังเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมนาฬิกาของสวิส รวมถึงอุตสาหกรรมไมโครเทคโนโลยีและไฮเทคอื่นๆ ด้วย
• นำท่านชมเขตเมืองเก่า ซึ่งโดดเด่นจากอาคารบ้านเรือนที่สวยงามเรียบง่ายแบบชาวสวิส
• นำท่านชมปราสาทเนอชาแตล (Château de Neuchâtel) พระราชวังที่สร้างขึ้นครั้งแรกเมื่อศตวรรษที่ 12 และมาปรับปรุงครั้งใหญ่อีกสองครั้งในศตวรรษที่ 15 และ 17 เพื่อเป็นที่อยู่และที่ปกครองเมืองของขุนนางแห่งเนอชาเตล ปัจจุบันกลายเป็นที่ทำการของรัฐบาลแห่งรัฐและศาลยุติธรรมกลาง ให้ท่านได้เดินชมเมืองเก่าอันสวยงามตามอัธยาศัย                                                                                   

 รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

• นำท่านเดินทางสู่ เมืองกรุยแยร์ (Gruyeres) (ระยะทาง 75 กิโลเมตร ใช้เวลา 1 ชม.) เมืองเล็กๆ ตั้งอยู่กลางหุบเขาทางฝั่งตะวันตกของสวิสเซอร์แลนด์ เมืองนี้ มีชื่อเสียงด้านการทำชีสกรุยแยร์ แหล่งผลิตเนยแข็งที่มีชื่อเสียงที่สุดของสวิสเซอร์แลนด์ และมีชื่อเสียงระดับโลก นำชมเมืองกรุยแยร์ ภายในเมืองมีถนนใหญ่อยู่เพียงสายเดียว ซึ่งถนนสายนี้ตัดขึ้นไปสู่ปราสาทกลางดงดอกไม้ด้วยเหตุที่ตั้งอยู่บนยอดเขา ตัวเมืองจึงไม่อาจขยายใหญ่ไปกว่านี้                                                                                     
• นำท่านถ่ายรูปกับปราสาทกรุยแยร์ (CHATEAU DEGRUYERES) ตั้งอยู่บนเนินเขาสูงสุดของเมือง สร้างในศตวรรษที่ 12 ตัวปราสาทสร้างด้วยหินเป็นป้อมปราการที่แข็งแกร่ง ภายในตกแต่งอย่างสวยงาม ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกแห่งชาติของสวิสฯ เช่นเดียวกับปราสาทซิยง ให้ท่านเดินตามอัธยาศัยหรือเลือกซื้อชีส จนได้เวลานัดหมาย                                                                                           
• นำท่านเดินทางสู่เมืองเวอแว (Vevey) (ระยะทาง 40 กิโลเมตร ใช้เวลา 40 นาที) อีกหนึ่งเมืองตากอากาศริมทะเลสาบเจนีวา ที่มีความสวยงามมากจนได้รับฉายาว่าเป็น Pearls of the Swiss Riviera

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
LE MIRADOR RESORT & SPA หรือระดับเทียบเท่า ระดับ 4 ดาว

หมายเหตุ : หากโรงแรมในเมืองเต็ม ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ย้ายไปนอนเมืองใกล้เคียง

รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก

• จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง เจนีวา (GENEVA) (ระยะทาง 90 กิโลเมตร ใช้เวลา 1 ชม. 20 นาที) นำชมเมืองเจนีวา เมืองศูนย์กลางการประชุมนานาชาติเมืองที่ตั้งองค์กรระดับโลก อาทิองค์การการค้าโลก(WTO) นำท่านชมเมืองเจนีวา
• เริ่มจากนำท่าน ชมน้ำพุเจทโด  (เปิดเฉพาะวันอากาศดี) อนุสาวรีย์การรวมชาติและนาฬิกาดอกไม้  อิสระให้ท่านเดินเล่นช้อปปิ้งตามอัธยาศัย                                                                                                 

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

• จากนั้นนำท่านเดินทางสู่หมู่บ้าน อีวัวร์ (Yvoire) (ระยะทาง 30 กิโลเมตร ใช้เวลา 45 นาที) ประเทศฝรั่งเศส เป็นเมืองที่มีอายุเก่าแก่กว่า 700 ปี เป็นเมืองในยุคกลางของยุโรป ที่ยังมีการอนุรักษ์เก็บรักษาปราสาท ประตูเมือง และกําแพงเก่าแก่เอาไว้ ปัจจุบันถูกจัดให้เป็นหนึ่งในหมู่บ้าน 18 ที่สวยที่สุดของฝรั่งเศส โดยได้ฉลองอายุครบ 700 ปี ในปี 2006 และยังได้รับรางวัลชนะเลิศในปี 2006 ในการดูแลรักษาได้ดีที่สุด ตัวบ้านเรือนถูกประดับด้วยดอกไม้ไม่ว่า จะฤดูไหนก็ตามจนได้รับรางวัล “Four Flowers” ระดับยุโรป จนได้รับการขนานนามว่า หมู่บ้านดอกไม้  และได้รับรางวัล International Trophy for Landscape และพืชสวน และยังได้รับเป็น “หนึ่งในหมู่บ้านที่สวยที่สุดในฝรั่งเศส” (Les Plus Beaux Village de France)                                                                                       
• อิสระนำท่านเดินชมหมู่บ้านให้ท่านเก็บภาพความประทับใจหรือเลือกซื้อสินค้าพื้นเมืองตามอัธยาศัย
• จากนั้นนำท่านสู่เมือง อานซี (Annecy) (ระยะทางประมาณ 80 กิโลเมตร ใช้เวลา 1 ชม. 10 นาที) เมืองเก่าเล็กๆ น่ารักที่อยู่ท่ามกลางทะเลสาบ Annecy Lake (ติดอันดับความสวยงามของโลก) และเทือกเขาเอลป์ เป็นเมืองตากอากาศที่สวยและบรรยากาศดีมากๆ อยุ่ห่างจากเมืองเจนีวาเพียง 35 กิโลเมตร จากนนั้นนำท่านชมเมืองเก่า

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
NOVOTEL HOTEL ANNECY หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว

***หมายเหตุ ห้องพักมีจำกัดและมีขนาดเล็ก***

รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก

• นำท่านถ่ายรูปกับ Palais de L’Isle เป็นมุมกลางน้ำ ตั้งโดดเด่นอยู่ในคลอง เคยเป็นที่อาศัยของตระกูลเดล ลิส์ล สร้างในศตวรรษที่ 12  แต่อีก 200 ปีกลายสภาพเป็นศาล จากนั้นก็เป็นคุก แล้วมาเป็นโรงกษาปณ์ ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นที่ทำการของรัฐในศตวรรษที่ 15 แล้ว  กลับมาเป็นคุกใหม่อีกครั้งในช่วงปฏิวัตฝรั่งเศส  จนถึงปี 1986 ทางการฝรั่งเศสได้เข้าบูรณะใหม่ ใช้เป็นพิพิธภัณฑ์ แสดงนิทรรศการ ประวัติศาสตร์ของเมืองอ้านซี และซาวัว และปัจจุบันมุมของอาคารแห่งนี้ก็ยังใช้เป็นสัญญาลักษณ์ ของเมืองด้วย ถือเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ที่ถูกถ่ายไว้มากที่สุดในฝรั่งเศส                                     
• อิสระให้ท่านเดินเล่นในตัวเมือง ริมทะเลสาบ หรือเลือกซื้อของที่ระลึกสินค้าพื้นเมือง ตามอัธยาศัย หรือ เลือกจิบกาแฟ นั่งชมบรรยากาศ โรแมนติคสุดๆ
• จากนั้นได้เวลานำท่านเดินทางสู่เมือง ชาโมนิกซ์ (CHAMONIX) (ระยะทางประมาณ 110 กิโลเมตร ใช้เวลา 1 ชม. 30 นาที) เมืองตากอากาศที่มีชื่อเสียงของประเทศฝรั่งเศส เป็นเมืองที่นักเล่นสกีและนักปีนเขานิยมมาเล่นสกีหรือปีนเขาที่แห่งนี้โดยมียอดเขามองบลังค์ (MONT BLANC) เป็นจุดหมายปลายทาง นำท่านเดินเล่นชมเมืองชาโมนิกซ์ตามอัธยาศัย                                                 

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

• จากนั้นนำท่านนั่งเคเบิ้ลไฟฟ้าขึ้นสู่สถานี ไอกุย ดู มิดิ  (Aiguille du Midi)  ด้วยความสูงระดับ 3,842 เมตร เป็นกระเช้าที่สูงที่สุดในโลก ถูกสร้างขึ้นเมือปี ค.ศ. 1955  ใช้เวลาประมาณ 45 นาที         
• จากสถานีนี้ท่านสามารถมองเห็นยอดเขา ยอดเขาที่สูงที่สุดในยุโรป (สูงกว่าจุงฟราวน์) และสูงเป็นอันดับที่ 11 ของโลก ที่มีความสูง 4,807 เมตร                                                                               
• อิสระให้ท่านชมวิวหรือทำกิจกรรมต่างๆ ตามอัธยาศัย

***หมายเหตุ หากกระเช้าปิด ขอเปลี่ยนเป็น นั่งรถไฟสาย Montenvers ไปชมธารน้ำแข็ง Mer de Glace แทน ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและความปลอดภัยเป็นสำคัญ***

• จากนั้นได้เวลาอันสมควรนำท่านเดินทางกลับสู่ด้านล่างเมืองชาโมนิกซ์ อิสระให้ท่านเพลิดเพลินเดินเล่น ชมเมือง ชาโมนิกซ์ ที่เป็นเมืองตากอากาศสีสันสดใส และมีการตกแต่งบ้านเรือนไว้อย่างสวยงาม ให้ท่านเดินเล่นช้อปปิ้งสินค้าพื้นเมืองของฝากของที่ระลึกตามอัธยาศัย

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
LE REFUGE DES AIGLONS HOTEL CHAMONIX หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว

***หมายเหตุ ห้องพักมีจำกัดและมีขนาดเล็ก***

รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก

• นำท่านเดินทางสู่เมือง ตูริน (Turin) หรือ ตริโน่ (Torino) (ระยะทาง 230  กิโลเมตรใช้เวลา 3 ชม. 30 นาที) อดีตเมืองหลวงเก่าแกของประเทศอิตาลี ปัจจุบันเป็นเมืองหลวงของแคว้นปิเอดมอนต์ ซึ่งในอดีตเคยที่ประทับกษัตริย์แห่งแคว้นซาวอย (Savoy) มาตั้งแต่ปี ค.ศ.1574 และเมืองตูรินยังได้เป็นเกีรยติในการเป็นเจ้าภาพจัดโอลิมปิคฤดูหนาวหลายครั้งอีกด้วย นำท่านสู่จตุรัส คาสเตลโล ศูนย์กลางของเมืองตูริน

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน

• นำท่านเข้าชม พระราชวังหลวงแห่งตูริน (Royal Palace of Turin) เป็นพระราชวังยุคบาโรกในเมืองตูริน แคว้นปีเอมอนเต ประเทศอิตาลี เป็นที่ประทับหลักของราชวงศ์ในศตวรรษที่ 17-19 เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ไม่ควรพลาดในเมืองตูริน และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก ตั้งอยู่ที่จัตุรัส Castello และเคยเป็นที่ประทับของราชวงศ์ซาวอย การตกแต่งภายในอันโอ่อ่าของพระราชวังแห่งนี้แสดงให้เห็นถึงรายละเอียดอันวิจิตรบรรจงที่รังสรรค์ขึ้นอย่างพิถีพิถัน พระราชวังหลวงแห่งนี้แรกเริ่มเดิมทีต้องการที่จะสร้างให้เจ้าหญิงคริสติน (Christine of France) ธิดาในพระเจ้าอ็องรีที่ 4 (King Henry IV) ที่ในภายหลังได้แต่งงานและกลายมาเป็นภรรยาของหนึ่งในราชวงศ์ซาวอย การตกแต่งภายในมีความหรูหราสมฐานะ ของสะสมจากประเทศญี่ปุ่นและประเทศจีนต่างถูกวางตกแต่งกระจัดกระจายอยู่ภายในพระราชวัง นั่นเกิดจากความชื่นชอบส่วนพระองค์ของเจ้าหญิงคริสตินนั่นเอง                                           
• จากนั้นนำท่านชม มหาวิหารตูริน (Duomo di Torino) ถูกสร้างขึ้นในบริเวณเดียวกันกับพระราชวังหลวง เยื้องมาทางทิศตะวันตก เป็นสถานที่จัดเก็บผ้าห่อศพแห่งตูริน (Shroud of Turin) หรือผ้าลินินผืนใหญ่ที่อ้างว่าเป็นผ้าที่ใช้ห่อหุ้มร่างอันไร้วิญญาณของพระเยซูหลังจากเหตุการณ์สังหารโดยตรึงร่างกายไว้บนไม้กางเขน บรรยากาศด้านในมีความเคร่งขรึมและศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างมาก
• จากนั้นอิสระให้ท่านเดินเล่นช้อปปิ้งตามอัธยาศัย

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
NH COLLECTION TORINO SANTO STEFANO HOTEL หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว

***หมายเหตุ ห้องพักมีจำกัดและมีขนาดเล็ก***

รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก

• นำท่านออกเดินทางสู่ ท่าเรือสเตรซ่า (Stresa) (ระยะทางประมาณ 160 กิโลเมตร ใช้เวลา 2 ชม. 20 นาที) เมืองตากอากาศน่ารักๆริมทะเลสาบ Maggiore ทะเลสาบที่ตั้งอยู่ในเขตแดนของสองประเทศ คือ สวิส และอิตาลี
• จากนั้นนำท่านล่องเรือสู่ เกาะ Isola Bella ซึ่งมีสวนแบบอิตาเลี่ยนที่มีชื่อเสียง และวิลล่าหรูหราศิลปะแบบ Baroque ของตระกูล Borromeo เกาะตั้งอยู่ในทะเลสาบ Maggiore ทางตอนเหนือของประเทศอิตาลี                                                                                                                                               

 รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

• นำท่านชมความสวยงามของเกาะแห่งนี้ เป็นเกาะเล็ก ๆ ที่มีตระกูล Borromeo เป็นเจ้าของเกาะ แปลตามตัวว่า เกาะที่สวยงาม โดยพื้นที่สองในสามของเกาะเป็นสวนบาร็อคสไตล์อิตาเลี่ยนซึ่งประดับไว้ด้วยรูปปั้น น้ำพุ ต้นไม้หายาก และ ไม้ดอกนานานาพันธุ์
• อีกทั้งยังใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำหนังเรื่อง Ocean Twelve อีกด้วย สวนบนเกาะจัดเป็นลานระเบียงซ้อนกันสิบชั้นมีความสูงถึง 120 ฟุต คล้ายกับเนินเขาย่อมๆ การออกแบบดังกล่าวได้เชื่อมพื้นที่ระดับต่างๆเข้ากับอาคารในตัววัง ทำให้สวน และวังดูเป็นหนึ่งเดียวกันได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งยังทำให้สามารถมองเห็นทัศนียภาพของเกาะโดยรอบมองเห็นทัศนียภาพที่ไกลออกไป อาทิ แนวเทือกเขาสูง และหมู่บ้านต่างๆที่กระจายอยู่ตามไหล่เขาทุกทิศทาง จนกระทั่งได้เวลาอันสมควร
• จนกระทั่งได้เวลาพอสมควร นำท่านเดินทางสู่ท่าเรือ
• จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ทะเลสาบโคโม่ (Lake Como) (ระยะทางประมาณ 80 กิโลเมตร ใช้เวลา 1 ชม.) เป็นทะเลสาบที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของอิตาลี แต่มีชื่อเสียงด้านความสวยงามมาเป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งรอบๆทะเลสาบจะมีเมืองตากอากาศกระจายตัวอยู่หลายๆเมืองที่เป็นที่นิยมทั้งกับชาวอิตาลีและชาวต่างชาติ ทะเลสาบโคโม่แห่งนี้นั้นตั้งอยู่ในจังหวัดโคโม่ แคว้นลอมบาร์เดีย ที่นอกจากจะได้ขึ้นชื่อว่าเป็นทะเลสาบที่สวยที่สุดในอิตาลี โดยมีความยาวโดยรอบถึง 160 กิโลเมตร บวกกับพื้นที่รอบๆ ทะเลสาบถึง 146 ตารางกิโลเมตร

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
BARCHETTA EXCELSIOR HOTEL COMO หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว

***หมายเหตุ ห้องพักมีจำกัดและมีขนาดเล็ก***

รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก

• นำท่านนั่งเรือสู่เมืองเบลลาจิโอ (Bellagio) เมืองเล็กๆ ริมทะเลสาบโคโม่ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นทะเลสาบที่สวยงามที่สุดของอิตาลี ทางตอนเหนือของทะเลสาบคือเทือกเขาแอลป์ อันเปรียบเสมือนป้อมปราการทางธรรมชาติ ที่สร้างฉากหลังอันงดงามอลังการให้กับดินแดนแห่งนี้ เบลลาโจตั้งอยู่ปลายบนของคาบสมุทร โดยถูกแบ่งออกโดยแขนสองข้างทิศใต้ของทะเลสาบ เมืองสามารถเห็นเทือกเขาแอลป์ ทางทิศเหนือได้อีกด้วย                                                                                                                         
• จากนั้นนำท่านเดินชมเมืองเบลลาจิโอ ให้ท่านได้เดินเล่น เลือกซื้อของที่ระลึกของฝากตามอัธยาศัย

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

• จากนั้นนำนั่งเรือสู่ เมืองวาเรนน่า (Varenna) เป็นจุดหมายปลายทางที่มีวิถีชีวิตแบบเรียบง่าย ผู้ที่มาเที่ยวพักผ่อนที่นี่มาเพื่อผ่อนคลายริมทะเลสาบ เป็นเมืองเก่าพันปี เป็นหมู่บ้านชาวประมงโบราณ เมืองนี้นักท่องเที่ยวชอบมากันเป็นเมืองที่สวยทีสุดในทะเลสาบโคโม่ บ้านเรือนเรียงรายสีสันสวยงาม เป็นย่านที่มีร้านอาหาร ร้านช้อปปิ้ง และคนมักนิยมมาดูพระอาทิตย์ตกกันที่นี่ เมืองวาเรนน่า ได้รับการขนานนามว่าเป็นทางเดินแห่งรัก เพราะทุกทางที่เดินสุดโรแมนติกทุกมุม                                                 
• อิสระให้ท่านเดินเล่นชมเมืองราเวนน่าตามอัธยาศัย
• จากนั้นนำท่านเดินทางกลับสู่เมืองโคโม่
• นำท่านชม Como Cathedral วิหารทรงโกธิค (Gothic) ผสานไปด้วยกลิ่นอายของสถาปัตยกรรมแบบเรเนซองส์ (Renaissance) เนื่องจากสร้างในช่วงศตวรรษที่ 14 ซึ่งเป็นยุคของการเปลี่ยนแปลงทางด้านศิลปะ จากยุคโกธิคมาสู่ยุคเรเนซองส์
• อิสระให้ท่านเดินชมเมืองโคโม่แสนสวยแห่งนี้ตามอัธยาศัย

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
BARCHETTA EXCELSIOR HOTEL COMO หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว

***หมายเหตุ ห้องพักมีจำกัดและมีขนาดเล็ก***

รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก 

• จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองมิลาน (MILAN) (ระยะทางประมาณ 50 กิโลเมตร ใช้เวลา 1 ชม.) เมืองสำคัญในภาคเหนือของประเทศอิตาลี ตั้งอยู่ในแคว้นที่ราบลอมบาร์ดีเป็น เมืองที่มีชื่อเสียงในด้านแฟชั่นและศิลปะ ซึ่งมิลานถูกจัดให้เป็นเมืองแฟชั่นในลกษณะเดียวกับ นิวยอร์ก ปารีส ลอนดอน และ โรม
• นำท่านเข้าชม Castello Sforzesco เป็นป้อมปราสาทเก่าแก่หลายร้อยปีอันเป็นแหล่งรวมแกลลอรี่และพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงของมิลาน มีพิพิธภัณฑ์ที่โด่งดังอย่าง Museum of Ancient Art ตั้งอยู่ภายในปราสาทอันเก่าแก่ที่มีอายุมากกว่าห้าร้อยนี้เป็นปราสาทในศตวรรษที่ 15 ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองของมิลาน ตั้งอยู่ในบริเวณที่กว้างขวาง มีสวนหย่อมที่เขียวขจีร่มรื่นที่ถูกสร้างขึ้นในปี 1370 ที่แม้จะได้รับการออกแบบและตกแต่งเพิ่มเติมในภายหลังค่อนข้างมาก แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งความสง่างามและความทรงอำนาจ
• ด้านหน้าปราสาทประกอบไปด้วยกำแพงอิฐขนาดมหึมาเรียงรายอยู่รอบๆ ตัวตึก เมื่อคุณเดินผ่านเข้าไปในลานกลางคุณจะเห็นหอยามขนาดใหญ่และขนาดที่แท้จริงของตัวปราสาทที่ใหญ่จนสามารถสร้างความประหลาดใจให้กับคุณได้ โดยนอกจากตัวปราสาทที่สวยงามแล้วภายในยังมีพิพิธภัณฑ์ขนาดเล็กและคอลเลคชั่นสิ่งประดิษฐ์ที่น่าสนใจมากมาย รวมไปถึงมีข้อมูลทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับมิลานและปราสาทนี้ให้สามารถเรียนรู้ได้อีกด้วย                                                                                                         

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารไทย

• จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ลานจตุรัสบริเวณ มหาวิหารแห่งมิลานหรือมิลานดูโอโม่ (DUOMO) สัญลกษณ์ที่โดดเด่นที่สุดของเมืองซึ่งมีขนาดใหญ่โตมโหฬาร สร้างขึ้นด้วย หินอ่อนสีขาวในศิลปะแบบโกธิคใช้เวลาสร้างนานกว่า 500 ปีปัจจุบันเป็นโบสถ์แคธอลิกที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกและเป็นมหาวิหารใหญ่อันดับ 4 ของโลก สูง 157 เมตรกว้าง 92 เมตรเริ่มสร้างในปีค.ศ. 1386 ใช้เวลาก่อสร้าง นานถึง 500 ปีชมความงดงามยอดปราสาทที่มีปลายยอดแหลมกว่า 135 ยอด                         
• อิสระให้ทุกท่านช้อปปิ้งเลือกซื้อสินค้าตามอัธยาศัย

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
CROWNE PLAZA MILAN CITY, AN IHG HOTEL หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว

รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก

• จากนั้นได้เวลานำท่านเดินทางสู่สนามบินมิลาน
• 14.05 น. ออกเดินทางสู่กรุงเทพ โดยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 941

• 05.55 น. ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพมหานคร