ทัวร์อิตาลี (เหนือ-ใต้)


Tour by HappyLongway

รายละเอียดโปรแกรมทัวร์-ทัวร์อิตาลี (เหนือ-ใต้)

รหัสทัวร์ : GRAND ITALY 11 DAYS (EK)
ระยะเวลา 11 วัน 9 คืน
สายการบิน : EMIRATES (EK)

กำหนดการเดินทาง

รอบที่ วันเดินทาง ราคา
1 11 ก.ย. 67 - 21 ก.ย. 67 199,900 บาท
2 9 ต.ค. 67 - 19 ต.ค. 67 199,900 บาท

สถานที่สำคัญ

  • 1
    ชมกรุง Rome เมืองหลวงของประเทศอิตาลี (Unesco)
  • 2
    ชมเกาะ Venice เกาะสุดแสนโรแมนติค (Unesco)
  • 3
    ชมเมือง Florence เมืองที่ว่ากันว่าสวยที่สุดในอิตาลี (Unesco)
  • 4
    ชมหมู่บ้าน Cinque Terre หมู่บ้านริมหน้าผา ที่สวยที่สุดในโลก (Unesco)
  • 5
    มเกาะ Capri เกาะสีสันสดใสสุดโรแมนติค ชมถ้ำเรืองแสงสีฟ้า Blue Grotto
  • 6
    ชมเส้นทาง Sienna เมืองสวยแห่งแคว้น Tuscany แคว้นสวยของอิตาลี
  • 7
    เข้าชม Vatican City เข้าชมด้านใน Vatican Museum, Sistine Chapel (ทัวร์เข้าชมน้อยมาก)
  • 8
    เข้าชมด้านในสนามกีฬา Colosseum (Unesco) 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก
  • 9
    ชม Pisa Tower หอระฆังสุดมหัศจรรย์ (Unesco) 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก
  • 10
    ชมเมือง Pompeii เมืองเก่าโบราณใต้เถ้าถ่านภูเขาไฟ Pompeii (Unesco)
  • 11
    เมือง Verona ต้นกำเนิดนิยายสุดโรแมนติค
  • 12
    ชมเมือง Milan เมืองแห่งแฟชั่นของโลก
  • 13
    พิเศษรวมล่องเรือ Gondola เกาะเวนิสสุดโรแมนติค

HappyLongWay
ขอนำเสนอโปรแกรมทัวร์ยุโรป
ทัวร์อิตาลี (เหนือ – ใต้) 11 วัน 9 คืน
โรม-ปอมเปอี-เกาะคาปรี-ฟลอเรนซ์-เซียน่า-ปิซ่า-ชิงเคว์ เตร์เร-เวนิส-เวโรน่า-มิลาน
โดยสายการบินเอมิเรตส์ แอร์ไลน์ (EK)

DAY1

สนามบินสุวรรณภูมิ - กรุงเทพฯ

  • 06.30 น. คณะพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 เคาน์เตอร์ T ประตู 9-10 สายการบินเอมิเรตส์ แอร์ไลน์ (EK) เจ้าหน้าที่บริษัทฯ คอยให้การต้อนรับพร้อมอำนวยความสะดวก ด้านสัมภาระ และบัตรที่นั่งขึ้นเครื่อง
  • 09.55 น. ออกเดินทางสู่ นครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบิน EK 375
  • 13.00 น. เดินทางถึงสนามบินดูไบ (แวะเปลี่ยนเครื่อง)
  • 15.45 น. ออกเดินทางสู่ กรุงโรมัน ประเทศอิตาลี โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบิน EK 095
  • 20.05 น. เดินทางถึงทางอากาศนานาชาติฟูมิชิโน่ กรุงโรม ประเทศอิตาลี  หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรแล้ว นำท่านเดินทางเข้าสู่โรงแรมที่พัก

HILTON ROME AIRPORT HOTEL หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว

DAY2

กรุงโรม (อิตาลี) - ปอมเปอี - ซอเรนโต้ / นาโปลี

รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก 

  • นำท่านออกเดินทางสู่ เมือง ปอมเปอี (Pompei) (ระยะทาง 240 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง 30 นาที) เมื่อเดินทางมาถึงท่านจะ เห็นภูเขาไฟวิสุเวียส “Vesuvius Volcano” ซึ่งเป็นภูเขาไฟที่พ่นลาวามาทับถมสองเมืองคือ เมืองปอมเปอี (Pompei) กับ เมืองเฮอร์คิวลานุม (Herculaneum) และได้กลืนกินเมืองทั้งเมืองอยู่ใต้เถ้า ถ่านที่ประทุออกมา เวลาผ่านไปพันปีเมืองนี้ก็กลายเป็นตำนานที่ลางเลือน จนกระทั่งมีคนที่ขุดพบโดยบังเอิญเมื่อประมาณ สองร้อยปีก่อน จึงทําการขุด เมืองทั้งเมืองขึ้นมา ไม่น่าเชื่อว่าเมืองใหญ่โตขนาดนั้นจะถูกกลบมิดเป็นเวลา เกือบสองพันปีมีสนามกีฬา โรงละครศาสนสถาน ร้านค้า บ้านเรือนตั้งเรียงราย เป็นจำนวนมาก

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

  • นําท่านเข้าชมโบราณสถาน ปอมเปอี (Archeological – Site Pompei) ชมสภาพของเมืองที่ขุดคนขึ้นมาได้ภายในกําแพงที่โอบล้อม ตัวเมืองชมเขตใจกลางเมือง ซึ่งเป็นที่ตั้งของวิหาร, สํานักงานราชการตลาด,ร้านค้า, โรงละคร, สนามกีฬา, บ้านเรือน และโรงอาบน้ําสาธารณะของโรมันPlaster Casts Of Victims' Bodies At Pompeii In, 58% OFF
  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่โรงแรมที่พัก

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
MERCURE NAPOLI CENTRO ANGIOINO HOTEL หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว (พัก 2 คืน)

DAY3

ท่าเรือ - เกาะคาปรี - ถ้ำบลูกร๊อตโต้

รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก

  • นำท่านเดินทางสู่ท่าเรือ นำท่านขึ้นเรือเฟอร์รี่ข้ามไปสู่ เกาะคาปรี (Capri) เกาะที่มีเสน่ห์เป็นของตัวเองมีฉากหลังเป็นภูเขาไฟวิซูสเวียส
  • นำท่านชมล่องเรือเพื่อไปชม ถ้ำบลูกร๊อตโต้ (Blue Grotto) ถ้ำที่อยู่ในทะเลมีแสงสะท้อนสีฟ้าจากน้ำทะเลขั้นมากระทบถ้ำสวยงามยิ่งนัก                                                                                                Capri- the Blue Grotto-2 | Chris Bertram | Flickr

หมายเหตุ : การชมถ้ำบลูกร๊อตโต้  ได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศเอื้ออำนวยด้วย เช็ควันต่อวัน หากไม่สามารถเข้าชมได้ ทางบริษัท ของสงวนสิทธิ์เปลี่ยนเป็นล่องเรือชมความงดงามของเกาะคาปรีแทนรอบรถไฟอาจมีการเปลี่ยนแปล

  • จากนั้นนำท่านกลับสู่เกาะคาปรี

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

  • นำท่านนั่งรถรางขึ้นสู่ยอดเขาคาปรี (คาปรีเซนเตอร์)
  • นำท่านเดินชมเขตตัวเมืองที่มีบรรยากาศน่ารัก และแวะพักที่สวนออกุสต้า พร้อมบันทึกภาพกับโขดหิน FARAGLIONI สัญลักษณ์ของเกาะคาปรี                                                                                          Faraglioni, Capri, Italy | The Faraglioni of Capri, Italy, t… | Flickr
  • จากนั้นอิสระให้ท่านเดินเล่นตามอัธยาศัย
  • จากนั้นนำท่านนั่งเรือข้ามกลับสู่แผ่นดินใหญ่

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
MERCURE NAPOLI CENTRO ANGIOINO HOTEL หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว

DAY4

กรุงโรม - จัตุรัสนาโวนา - มหาวิหารแพนธีออน - น้ำพุเทรวี่ - บันไดสเปน - ช้อปปิ้ง

รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก 

  • จากนั้นเดินทางต่อสู่กรุงโรม (Rome) เมืองหลวงของประเทศอิตาลี เป็นต้นกำเนิดของอาณาจักรโรมัน (ระยะทาง 250 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 3 ชม.)

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารเอเชีย

  • นำท่านชมกรุงโรม เมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 2,500 ปี เป็นศูนย์รวมของสถานที่ท่องเที่ยวที่ชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก และสถาปัตยกรรมที่สวยงามอลังการมากมาย
  • นำท่านผ่านชมกลุ่มโรมันฟอรัม (ROMAN FORUM) อดีตศูนย์กลางทางด้านการเมือง ศาสนา และเศรษฐกิจของอาณาจักรโรมัน ที่สะท้อนให้เห็นความเจริญรุ่งเรืองของอารยะธรรมโรมันในช่วง 2,000 ปีที่ผ่าน
  • เดินเล่นชมเมืองบริเวณจัตุรัสนาโวนา (PIAZZA NAVONA) เป็นศูนย์รวมของสารพัดสิ่ง ทั้งร้านอาหาร นักดนตรี นักมายากลข้างถนน ศิลปินวาดรูปเหมือน และที่สำคัญคือเดิมทีที่ตรงนี้เป็นสนามกีฬาแข่งม้าของชาวโรมัน ถนนที่อยู่บริเวณโดยรอบ คือ ลู่วิ่งของม้า บริเวณนี้มีน้ำพุที่สำคัญ 3 แห่ง เป็นผลงานของศิลปินนักแกะสลักชื่อดัง Gian Lorenzo Bernini ตรงกลางลานจะเห็นเสาโอบิลิสก์ (Obelisk) รอบๆ เสาจะเป็น  น้ำพุแห่งสี่มหานที (Fountain of the Four Rivers) ซึ่งแต่ละมุมจะมีรูปปั้น ซึ่งแทนแม่น้ำใหญ่จาก 4 ทวีป ได้แก่ คงคา ดานูป ไนล์ และพลาต้า (ในอเมริกาใต้)                        File:Piazza Navona, Roma (3).jpg - Wikimedia Commons
  • นำท่านเข้าชม มหาวิหารแพนธีออน (PANTHEON) วิหารที่สร้างขึ้นเพื่อบูชาเหล่าทวยเทพของกรีกโบราณ ออกแบบโดยมาร์คัส วิพซานิอัส อกริพพา เดิมสร้างขึ้นตั้งแต่ 27 ปีก่อนคริสตศักราช ต่อมาถูกไฟไหม้และได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ในปี ค.ศ. 118 และเป็นวิหารยุคโรมันที่เก่าแก่ที่สุดและคงสภาพสมบูรณ์เกือบทั้งหมดมาจนถึงทุกวันนี้ ความน่าทึ่งของวิหารนี้คือการออกแบบด้านหน้าของวิหารที่เป็นเสากับหน้าจั่ว แต่หลังคาถูกออกแบบเป็นโดมครอบอาคารทรงกลม รวมทั้งความสูงจากพื้นถึงช่องตา (Oculus) บนเพดาน และเส้นผ่าศูนย์กลางของโดมด้านในเท่ากัน 43.3 เมตรเอกลักษณ์ที่หลายคนรู้จักคือ ช่องโหว่กลางหลังคาโดมที่ใช้เปิดรับแสง แต่ก็มีการเจาะรูเล็กๆบนพื้นเพื่อเป็นการระบายน้ำฝนที่ตกเข้ามาในวิหารด้วย วิหารแพนธีออนยังเป็นที่ฝังพระศพของกษัตริย์วิคเตอร์ เอมมานูเอลที่ 2 และราฟาเอล ศิลปินชื่อก้องโลกอีกด้วย                                                                                        File:Panthéon, Rome.jpg - Wikimedia Commons
  • จากนั้นนำท่านชม น้ำพุเทรวี่ (Trevi Fountain) เป็นน้ำพุที่สวยงามและมีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก ชื่อ “เทรวี่” ออกแบบและก่อสร้างโดย นิโคลา ซาลวี่ ซึ่งองค์สมเด็จสันตะปาปา ครีเมนต์ที่ 12 ได้มอบหมายให้สร้างขึ้นในปี 1732 รูปปั้นแกะสลักที่เลิศหรูอลังการที่อวดโฉมให้ผู้ไปเยือนได้ยลนั้น ได้แนวคิดจากความยิ่งใหญ่ของเทพเจ้าเนปจูน“เทพแห่งท้องทะเล” ว่ากันว่า หากใครที่ได้โยนเหรียญลงไปในน้ำ เขาหรือเธอผู้นั้นจะได้กลับมาเยือนอีกในสักวัน                                                                      Trevi Fountain located in Rome, Italy | Trevi Fountain is a … | Flickr
  • จากนั้นให้คณะได้ถ่ายรูปภาพคู่ บันไดสเปน เป็นบันไดในกรุงโรม ประเทศอิตาลี ได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกชาวอิตาลี ชื่อ Francesco de Sanctis เชื่อมระหว่าง Piazza di Spagna และ Piazza Trinità dei Monti เป็นบันไดที่กว้างที่สุดและยาวที่สุดในทวีปยุโรป มีขั้นบันไดทั้งหมด 138 ขั้น ใช้สำหรับเดินเล่นหรือเลือกซื้อสินค้าต่างๆ ที่ย่าน บันไดสเปน นับว่าเป็นแหล่งพักผ่อนของชาวอิตาลีและ นักท่องเที่ยวหลากหลายเชื้อชาติ
  • อิสระให้ทุกท่านเดินเล่นหรือเลือกช้อปปิ้งสินค้าที่ระลึก และสินค้าแบรนด์เนมตามอัธยาศัย

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
CROWN PLAZA HOTEL ROME หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว

DAY5

กรุงโรม - นครวาติกัน - พิพิธภัณฑ์วาติกัน - หอสวดมนต์ซิสติน - โคลอสเซียม - ชมเมือง

รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก 

  • จากนั้นนำท่านชมนครรัฐอิสระวาติกัน (VATICAN) ศูนย์กลางศาสนาคริสต์นิกายโรมันแคธอลิก วาติกันเป็นประเทศที่เล็กที่สุดในโลกตั้งอยู่ภายในกรุงโรมของประเทศอิตาลี แต่ในพื้นที่เล็กๆ นี้กลับเต็มไปด้วยศิลปะและสถาปัตยกรรมที่สวยงามที่มีคุณค่ามากมาย นครวาติกันถือเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เพราะเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสันตะปาปา ประมุขสูงสุดของศาสนาคริสต์ แถมยังเป็นศูนย์รวมแห่งศิลปะและสถาปัตยกรรมอันงดงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเลยทีเดียว
  • นำท่านชม จัตุรัสเซนต์ปีเตอร์ (St.Peter’s square) ลานกว้างด้านหน้า ที่ตรงกลางลานจะมีเสาโอเบลิสก์ของอียิปต์ เสาสูงที่ยอดด้านบนสุดเป็นรูปทรงปิรามิดตั้งตระหง่านอยู่ รอบลานจัตุรัสมีแนวเสาระเบียงของมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ที่ยาวโค้ง มีน้ำพุสองด้านซ้ายขวา                                                  Piazza San Pietro (St. Peter's Square) | Style period: Itali… | Flickr
  • นำท่านชมมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ (St.Peter’s Basilica) มหาวิหารเอกของกรุงโรมที่ตั้งอยู่ใน เขตรัฐวาติกัน เป็นสิ่งก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดในรัฐวาติกัน และเป็นสถานที่ที่ได้ชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์ที่สุดแห่งหนึ่งของคริสตจักรโรมันคาทอลิกอีกด้วย เดิมนั้นเป็นโบสถ์ที่ถูกสร้างขึ้นในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 4 เป็นรูปแบบบาซิลิกา จนมาถึงในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาโบสถ์นั้นได้มีสภาพทรุดโทรมเป็นอย่างมากแล้วจึงได้มีการตัดสินใจสร้างมหาวิหารขึ้นมาใหม่ในแบบเรเนซองซึ่งเป็นโบสถ์ที่ใหม่และมีขนาดใหญ่กว่าเดิมมาก โดยมหาวิหารที่สร้างขึ้นมาใหม่นั้นจัดได้ว่าเป็นสิ่งก่อสร้างที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของรัฐวาติกันเลยทีเดียว นอกจากนั้นแล้วมหาวิหารนักบุญเปโตรแห่งนี้นั้นยังเป็นหนึ่งในสี่ของมหาวิหารเอกของกรุงโรมร่วมกับอีกสามวิหารอันได้แก่ มหาวิหารซันตามาเรียมัจโจเร, มหานักบุญเปาโลนอกกำแพง และมหาวิหารนักบุญยอห์น ลาเตรัน อีกด้วย                                                                                                            Tourist in Front of St. Peters Basilica · Free Stock Photo
  • พิเศษเรานำท่านเข้าชมด้านใน พิพิธภัณฑ์วาติกัน (VATICAN MUSEUM) ที่เก็บรวบรวมบรรดาศิลปวัตถุ ภาพเขียน ภาพวาดต่างๆ รวมทั้งภาพเขียน THE CREATION ภาพการสร้างโลก ฝีมือไมเคิล แองเจลโล (ทัวร์น้อยมากที่จะพาท่านชมด้านใน)
  • พิเศษเรานำท่านชมด้านในมี หอสวดมนต์ซิสติน (SISTINE CHAPEL) ก่อนชมความงดงามภายใน โบสถ์เซนต์ปีเตอร์(ST.PETER BASILICA) ศาสน-สถานประจำสำนักวาติกันที่โด่งดังด้วยความงดงามและขนาดที่ ใหญ่โต รวมทั้งรูปแกะสลักปิเอต้าที่โด่งดังของไมเคิล แองเจลโล (ทัวร์น้อยมากที่จะพาท่านชมด้านใน)
  • อิสระให้ท่านถ่ายรูปตามอัธยาศัย

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน

  • จากนั้นคณะเข้าชมภายใน สนามกีฬาโคลอสเซียม (Colosseum) โบราณสถานเก่าแก่ 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก เคยเป็นสนามกีฬายักษ์ที่สามารถจุคนได้กว่า 50,000 คน การออกแบบอย่างชาญฉลาดสร้างให้สนามกีฬามีลักษณะเป็นรูปวงรี เพื่อให้ผู้เข้าชมรู้สึกเข้าใกล้นักกีฬา ถือเป็นต้นแบบของสนามกีฬาในปัจจุบัน                                                                                                                            Colosseum | The Colosseum, or the Coliseum, originally the F… | Flickr
  • จากนั้นมีเวลาให้ท่านเดินชมบรรยากาศและเลือกซื้อสินค้าที่ระลึกตามอัธยาศัย

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
CROWN PLAZA HOTEL ROME หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว

DAY6

กรุงโรม - เซียน่า - วาเลียโจ

รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก

  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เข้าสู่แคว้นทัสคานี (Tuscany) แคว้นที่ได้ขึ้นชื่อว่ามาอิตาลีแล้ว ห้ามพลาดระหว่างทางให้ท่านได้ชื่นชมวิวทิวทัศน์สองข้างทาง เต็มไปด้วยท้องทุ่งพื้นที่ปลูกองุ่นเพื่อใช้ทำไวน์  ซึ่งถือเป็นว่าเป็นแหล่งผลิตไวน์ที่ดีที่สุดของอิตาลี
  • นำท่านเดินทางสู่เมือง เซียน่า (SIENA) หรือเมืองซีเอน่า (ระยะทาง 230 กม. ใช้เวลาประมาณ 2.45 ชม.) เมืองใหญ่อันดับ 2 ในแคว้นทัสคานี ถือเป็นเมืองในยุคกลางที่ถือว่าเป็นเมืองคู่แข่งของเมืองฟลอเรนซ์ เมืองเซียน่ายังได้รับการยอมการประกาศเป็นเมืองมรดกโลก (Unesco) อีกด้วย เนื่องจากความเก่าแก่และความสวยงามและการอนุรักษ์ไว้อย่างดีของชาวเมืองเซียน่า

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

  • จากนั้นนำท่านเดินชมเมืองเซียน่า นำท่านเข้าสู่จตุรัส เดล คัมโป (Piazza del Campo) เป็นจตุรัสใจกลางเมืองที่บ่งบอกประวัติศาสตร์ของเมืองเซียน่าได้เป็นอย่างดี และได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในจตุรัสที่สมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญๆ จำนวนมากPiazza del Campo, Siena | This is the central public space o… | Flickr
  • นำท่านเข้า ชมมหาวิหารเมืองเซียน่า (Duomo di Siena) มหาวิหารประจำเมืองเซียน่า ที่ถูกสร้างขึ้นในปี 1200 ด้วยสไตล์กอธิคและเรเนซองส์ ที่ประดับประดาตกแต่งอย่างวิจิตรอลังการและสวยงามมาก โดยเฉพาะด้านในของตัววิหารที่บอกเล่าเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับเมืองเซียน่าไว้ได้อย่างสวยงามและเป็นโบสถ์ 1 ใน 5 โบสถ์ที่สวยที่สุดในประเทศอิตาลี อีกด้วย                                                Siena Cathedral (Duomo di Siena), Siena, Italy | Built in th… | Flickr
  • จากนั้นชมเมืองเก่าเซียน่า (Siena Old Town) ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก้ในปี 1995 (UNESCO) ชมความเป็นเมืองเก่าสมัยฟื้นฟูศิลปะวิทยาการหรือยุคเรอเนสซองส์ เต็มไปด้วยอาคารต่างๆ โบสถ์ และพิพิธภัณฑ์ และสัมผัสบรรยากาศของประวัติศาสตร์และร้านค้ามากมาย เซียน่าเป็นเมืองคู่แข่งของฟลอเรนซ์ในเรื่องของศิลปะและสถาปัตยกรรม

(หมายเหตุ : การเปิด-ปิดให้เข้าชมโบสถ์ หากกรณีมีการประกอบพิธีสำคัญไม่อนุญาติให้เข้าชมด้านในโบสถ์ ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ให้ถ่ายรูปด้านนอกเท่านั้น)

  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองวาเลียโจ (Viareggio) (ระยะทางประมาณ 130 กิโลเมตร ใช้เวลา 1 ชม. 30 นาที)

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
PALACE HOTEL VIAREGGIO หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว (พัก 2 คืน)

หมายเหตุ : เมืองวาเลียโจ มีโรงแรมจำกัด หากโรงแรมเต็มทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ย้ายไปพักเมืองข้างเคียง

DAY7

วาเลียโจ - ลา สเปเซีย - หมู่บ้านชิงเกว่ แตร์เร - วาเลียโจ

รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก 

  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง ลา สเปเซีย (La Spezia) (ระยะทางประมาณ 60 กิโลเมตร ใช้เวลา 1 ชม.) เมืองท่าที่เป็นประตูสู่ 5 หมู่บ้านริมทะเลที่สวยที่สุดในโลก
  • จากนั้นนำท่านนั่งรถไฟสู่หมู่บ้าน ชิงเกว่ แตร์เร (CINQUE TERRE) หมู่บ้านเล็กๆที่ตั้งอยู่บน ชายฝั่งริเวียร่าของอิตาลี CINQUE TERRE มีความหมายว่า ห้าดินแดน (FIVE LANDS) ประกอบด้วยหมู่บ้าน 5 แห่งได้แก่ VERNAZZA,MANAROL, RIOMAGGIORE , CORNIGLIA. MONTEROSSO AL MARE โดยทั้งห้าหมู่บ้านนี้มีหุบเขาล้อมรอบประกอบกันเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติฯ และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก้ด้วย (UNESCO)

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

  • จากนั้นนำท่านชมหมู่บ้านประมาณ 2 หมู่บ้านที่สวยที่สุด คือ
  • หมู่บ้าน MANAROLA                                                                                                                     Cinque Terre: Manarola - Visitspezia
  • หมู่บ้าน RIOMAGGIORE                                                                                                              Parco Nazionale delle Cinque Terre, Riomaggiore, Italy (Unsplash) - PICRYL - Public Domain Media Search Engine Public Domain Search
  • จากนั้นนำท่านเดินทางกลับสู่ที่พัก

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
PALACE HOTEL VIAREGGIO หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว (พัก 2 คืน)

หมายเหตุ : เมืองวาเลียโจ มีโรงแรมจำกัด หากโรงแรมเต็มทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ย้ายไปพักเมืองข้างเคียง

DAY8

วาเลียโจ - ปิซ่า - หอเอนปิซ่า - ฟลอเรนซ์ - เมสเตร้

รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก 

  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองปิซ่า (PISA) (ระยะทาง 80 กิโลเมตร ใช้เวลา 1 ชม.) ผ่านบริเวณที่ราบระหว่างเชิงเขา Monte Pisano ในแคว้น Tuscany ระหว่างเส้นทางผ่านเมืองน้อยใหญ่ที่ตั้งอยู่บนเนินเขา ซึ่งในอดีตเป็นถิ่นที่อยู่ของชาวอีทรัสกัน
  • จากนั้นนำท่านชม หอเอนเมือง (Pisa Tower) ปิซา 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก เป็นหอทรงกระบอก 8 ชั้น สร้างด้วยหินอ่อนสูง 181 ฟุต เริ่มสร้างเมื่อค.ศ.1174 แต่การก่อสร้างต้องหยุดชะงักลงเมื่อก่อสร้างไปได้ประมาณ 4-5 ชั้น เนื่องจากพื้นดินใต้อาคารเริ่มยุบลงจากการที่รากฐานของอาคารไม่มั่นคงพออย่างไรก็ตามต่อมาได้มีการก่อสร้างเพิ่มเติมจนเสร็จสิ้นเรียบร้อยเมื่อปีค.ศ.1350 ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงบางส่วนของโครงสร้างด้านบนไปจากแผนผังเดิมเพื่อถ่วงดุลกับกรเอียงของหอ โดยรวมระยะเวลาก่อสร้างทั้งสิ้น 176 ปี แต่ตัวหอก็ยังเอนไปจากแนวตั้งฉากถึง 14 ฟุต สำหรับหอเอนปิซานี้ภายในมีเสาหินอ่อนที่สลักลวดลายด้วยฝีมือจิตรกรชื่อดังแห่งยุคได้สลักลวดลายไว้สวยงามมาก ณ ที่หอเอนปิซาแห่งนี้เป็นที่ที่กาลิเลโอขึ้นไปทำการทดลองทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับแรงดึงดูดของโลกLeaning Tower of Pisa Close Up | This picture was taken at t… | Flickr
  • นำท่านสู่เมืองฟลอเรนซ์ (Florence) เมืองที่ได้ขึ้นชื่อว่าหากมาอิตาลีแล้วไม่ได้มาเยือน ฟลอเรนซ์ ก็เหมือนว่ายังมาไม่ถึงอิตาลีอย่างแท้จริง เมืองสวยอันดับ 1 ของอิตาลี (ระยะทาง  87 กิโลเมตร ใช้เวลา 1 ชม.) เมืองเก่าที่มีความเจริญสูงสุดในศตวรรษที่ 13-16 เมืองที่ถือเป็นต้นกำเนิดของชาวอิตาลี เป็นเมืองที่ยังคงความสวยงามและมีการอนุรักษ์ไว้ได้อย่างดี เมืองทั้งเมืองเต็มไปด้วยศิลปะ โดยเฉพาะศิลปะยุคเรเนสซองส์เป็นยุคที่ศิลปะเฟื่องฟูที่สุด โดยที่นี้ยังเป็นเมืองเกิดของเหล่าศิลปินอัจฉริยะของโลกมากมายไม่ว่าจะเป็น  ลีโอนาโด ดาวินชี่,ไมเคิลแองเจิลโล,กาลิเลโอ ,ดังเต้,และศิลปินชื่อดังอีกมากมาย จึงถือว่าเป็นเมืองที่มีความสำคัญ และเป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกอยากมาเยือนสักครั้งหนึ่งในชีวิต เป็นเมืองที่ว่ากันว่ามีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามที่สุดในประเทศอิตาลี และยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเมืองมรดกโลก (Unesco) อีกด้วย
  • นำท่านเก็บภาพแบบพาโนรามาของเมืองฟลอเรนซ์ ณ จตุรัส ไมเคิงแองเจลโล หนึ่งในแลนด์มาร์คสำคัญของเมืองฟลอเรนซ์
  • นำท่านชมเมืองฟลอเรนซ์ถ่ายรูปกับ มหาวิหารฟลอเรนซ์ (Florence cathedral) ซึ่งมีอายุกว่า 800 ปี ภายนอกอาคารสร้างด้วยหินอ่อนสีขาวและเป็นผลงานทางสถาปัตยกรรมแบบโกธิค Santa Maria del Fiore Cathedral, Florence (Illustration) - World History Encyclopedia

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

  • ชมจัตุรัสเปียซซา เดลลา ซิญญอเรีย (Piazza della Signoria) เป็นจัตุรัสขนาดใหญ่ ตั้งอยู่หน้าพระราชวังเวคคิโอ สถานที่แห่งนี้เป็นศูนย์กลางทางการเมืองของฟลอเรนซ์ เนื่องจากเคยเป็นสถานที่เลือกตั้งสาธารณะ เคยเป็นที่ก่อเหตุจลาจลและเป็นลานประหารมาก่อน นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ประกาศชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ในการกลับมาของตระกูลเมดิชี ซึ่งเป็นตระกูลที่มั่งคั่งร่ำรวยและคอยอุปถัมภ์ศิลปะแห่งฟลอเรนซ์ตั้งแต่อดีต หน้าประตูจัตุรัสมีรูปปั้นเดวิดจำลองตั้งตระหง่านอยู่ ผู้สร้างคือ ไมเคิล แองเจโล ศิลปินระดับโลกนั่นเอง นอกจากนี้ ภายในจัตุรัสยังมีรูปปั้นจำลองต่างๆตั้งไว้ ด้านข้างมีหอแสดงงานประติมากรรมแบบเปิดให้ได้เดินชมอีกด้วย
  • ชม สะพานเวคคิโอ (Ponte vecchio) เป็นสะพานเก่าแก่ในเมืองฟลอเรนซ์ สร้างขึ้นในสมัยโรมันโบราณ ทอดข้ามผ่านส่วนที่แคบที่สุดของแม่น้ำอาร์โน ในสมัยก่อนไม่ได้สวยงามดังที่เห็นในปัจจุบัน เพราะเป็นสถานที่ขายผัก ปลา แม่น้ำลำคลองส่งกลิ่นเหม็น จักรพรรดิเฟอร์ดินานที่ 1 จึงสั่งไม่ให้ขายและเปลี่ยนสถานที่แห่งนี้มาเป็นแหล่ง ขายเพชร พลอย และทองแทน ด้วยโครงสร้างทางสถาปัตยกรรมที่มีความสวยงาม มีหลังคาคลุมทั้งตัวสะพาน ไม่ต้องกลัวแสงแดด และมีหน้าต่างทรงสี่เหลี่ยมสร้างด้วยศิลปะแบบฟลอเรนซ์ ทำให้สะพานแห่งนี้เป็นที่นิยมสำหรับนักท่องเที่ยวอย่างมาก เพราะนอกจากความสวยงามที่ให้มาเยี่ยมชมและถ่ายรูปกันแล้ว ยังมีร้านขายของที่ระลึกสำหรับซื้อไปฝากคนที่บ้านอีกด้วย จุดที่นักท่องเที่ยวชอบถ่ายรูปก็คือ ตรงกลางสะพานที่มีรูปปั้นครึ่งตัวของช่างทองที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุดของฟลอเรนซ์ อย่างเชลลินี (Cellini)                                                    Ponte Vecchio Sunset - Florence, Italy | Our first night in … | Flickr
  • จากนั้นได้เวลาเดินทางสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สู่เมืองเมสเตร้ (Mestre) แคว้นเวเนโต้ เมืองประตูสู่เกาะเวนิส (ระยะทาง 250 กม. ใช้เวลาเดินทาง 3 ชม.)

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
FOUR POINTS BY SHERATON VENICE MESTRE หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว

DAY9

เมสเตร้ - เกาะเวนิส - เวโรน่า

รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก 

  • จากนั้นนำท่านเดินทางต่อสู่ท่าเรือทรอนเชนโต้ นำท่านนั่งเรือข้ามฝากสู่มหานครเกาะเวนิส เมืองที่ได้รับการยอมรับว่าติดอันดับความโรมแมนติคของโลก ใช้ระยะเวลาประมาณ 30 นาที
  • นำท่านเดินเล่นชมเมืองเวนิส นำท่านชมบริเวณจัตุรัสซานมาร์โก (Pianzza San Marco) เป็นที่ตั้งหอระฆังซานมาร์โก (Campanile di San Marco) เป็นหอระฆังสูงถึง 98 เมตร ที่ตั้งอยู่ด้านหน้ามหาวิหารซานมาร์โกค่ะ ที่นี่เป็นอีกแลนด์มาร์คที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายภาพ และยังเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้นบันไดไปชมวิวสวยๆ ของเมืองเวนิส จากชั้นบนสุดของหอระฆังได้ทุกวันอีกด้วยFile:Piazza San Marco, Venezia - panoramio.jpg - Wikimedia Commons
  • นำถ่ายรูปด้านหน้ากับ มหาวิหารซานมาร์โก้ (San Marco) โบสถ์สำคัญแห่งเมืองเวนิสที่เริ่มสร้างขึ้นครั้งแรกตั้งแต่ ค.ศ.823 ผสมผสานศิลปะของหลายยุคขึ้นไว้ด้วยกัน ตั้งแต่ไบเซนไทน์ โรมาเนสก์ โกธิค จนถึงเรอเนสซองซ์ หลังคาของมหาวิหารซานมาร์โกสร้างแบบโดมสุเหร่าของศาสนาอิสลาม โดมกลางมีขนาดใหญ่ที่สุด ประดับโมเสกสีทองอร่ามตั้งแต่หลังคาจรดพื้น จึงได้รับสมญานามว่า “Church of Gold” มาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 11 เลยทีเดียว
  • ให้ท่านถ่ายรูปกับ พระราชวังดอจ (Palazzo Ducale) เป็นพระราชวังสไตล์โกธิคของดยุคผู้ครองเมืองเวนิส ซึ่งสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 9 ภายในพระราชวังประดับด้วยทองคำ และมีภาพจิตรกรรมมากมาย นอกจากความสวยงามโอ่อ่านี้ ชั้นใต้ดินของวัง ยังมีคุกขังนักโทษ ซึ่งถูกเชื่อมด้วยทางเดินแคบๆ ไปยังสะพานข้ามคลองสู่แดนคุมขัง สะพานแห่งนี้จึงมีชื่อเรียกว่า สะพานถอนหายใจ (Ponte dei Sospiri หรือ Bridge of Sighs) ตามอาการของนักโทษที่เดินข้ามสะพานและกำลังจะหมดอิสรภาพนั่นเอง Bridge of Sighs | Richardjo53 | Flickr
  • นำท่านเดินชมเกาะเวนิสกันอย่างเต็มอิ่ม นำท่านชม สะพานรีอัลโต (Ponte di Rialto) เป็นหนึ่งในสะพานข้ามแกรนด์คาแนล ที่นักท่องเที่ยวนิยมแวะมาถ่ายรูปมากที่สุด ซึ่งอีก 2 สะพานที่มีชื่อเสียง คือ Accademia Bridge และ Scalzi Bridge ค่ะ เพราะสะพานแห่งนี้มีความเก่าแก่ที่สุด สร้างขึ้นครั้งแรกด้วยไม้ในปี ค.ศ.1181 เลยทีเดียว ต่อมาได้มีการรื้อ และสร้างใหม่ด้วยหินอย่างที่เห็นในปัจจุบัน นอกจากสะพานรีอัลโตจะเชื่อมระหว่างเกาะ San macro กับเกาะ San polo ของเวนิสด้วย โดยบริเวณตีนสะพานทั้งสองฝั่งยังเต็มไปด้วยร้านอาหาร คาเฟ่ และร้านค้าขายของต่างๆ อีกมากมาย จึงเป็นจุดไฮไลท์ของเมืองที่นักท่องเที่ยวชอบไปกันมากแกรนด์ คาแนล (Grand Canal) หรือเรียกเป็นภาษาอิตาเลียนว่า “คานาเล่ แกรนเด้” เป็นคลองที่มีชื่อเสียงในด้านการท่องเที่ยว และเป็นจุดหมายปลายทางหลักของนักท่องเที่ยวloď, kanál, vozidlo, Itálie, Benátky, vodní, lodičky, venezia, gondola, plavidlo, Canale Grande, rialto, Ponte di Rialto, plavidla veslování

แถมพิเศษ!!!! ล่องเรือกอนโดล่า ชมวิวเมืองของเวนิส ซึ่งว่ากันว่าหากมาเวนิส แล้วไม่ได้ล่องเรือกอนโดล่าก็เหมือนว่ามาไม่ถึงเวนิสอย่างแท้จริง

หมายแหตุ : รายการนี้อาจมีความจำเป็นที่จะต้องงดการล่องเรืออันเนื่องมาจากสภาพลม ฟ้า อากาศ ไม่เอื้ออำนวยหรือเป็นช่วงเทศกาลสำคัญต่างๆบนเกาะเวนิส

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

  • จากนั้นอิสระให้ทุกท่านเดินชมเมืองเวนิส หรือเลือกซื้อสินค้าตามอัธยาศัย
  • จากนั้นได้เวลานำท่านนั่งเรือกลับสู่แผ่นดินใหญ่ นำท่านเดินทางสู่เมืองเวโรน่า (Verona) จุดหมาย แคว้นเวเนโต้ (Veneto) ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศอิตาลี (ระยะทาง 115 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1.15 ชม.) เมืองนี้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำอะดิเจ (Adige River) เวโรนา เป็นเมืองที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน เมืองนี้เต็มไปด้วยโบราณสถานน่าตื่นตา ไม่ว่าจะเป็นสิ่งปลูกสร้างในสมัยโรมัน โบสถ์วิหารเก่าแก่ หรือแม้แต่บ้านเรือนก่อด้วยอิฐและหิน ด้วยเหตุนี้ใน ค.ศ. 2000 องค์การยูเนสโก (UNESCO) จึงประกาศให้เวโรน่าเป็นมรดกโลกอันทรงคุณค่า เนื่องจากสถาปัตยกรรมที่คงอยู่เหนือกาลเวลาในเมืองนี้นั่นเอง

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
CROWNE PLAZA HOTEL หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว

DAY10

เวโรน่า - มิลาน - สนามบิน

รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก

  • นำท่านถ่ายรูปด้านนอกกับ Arena di Verona สเตเดี้ยมของเมืองเวโรน่า ตั้งอยู่ภายในบริเวณ Piazza Bra เป็นสถาปัตยกรรมศิลปะโรมันโบราณอายุกว่า 2,000 ปี สามารถจุคนได้กว่า 15,000 คน มีขนาดใหญ่ติด 1 ใน 3 สเตเดี้ยมของอิตาลี ปัจจุบันยังถูกใช้เป็นสถานที่จัดแสดงคอนเสิร์ตโอเปร่า ถือเป็นสัญลักษณ์ของเมืองเวโรน่าเลยก็ว่าได้                                                                                                Arena di Verona | Verona | Revol Web | Flickr
  • นำท่านถ่ายรูปกับ บ้านจูเลียต (Juliet’s House) หากมาถึงเวโรน่าแล้วไม่ได้มาบ้านจูเลียตแล้วละก็ คงไม่อาจเรียกได้ว่ามาเยือนเมืองนี้อย่างแท้จริง บ้านจูเลียตเป็นอาคารซ้อนชั้นก่อด้วยหินที่สร้างขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 13 แรกเริ่มเดิมที เจ้าของสถานที่แห่งนี้คือตระกูลคาเปลโล (Capello) ผู้ดีเก่าในเมืองเวโรน่า พวกคาเปลโลดัดแปลงบ้านให้เป็นสถานที่พักแรมสำหรับขุนนางต่างถิ่นที่มาเยือนอิตาลี การณ์ดำเนินเช่นนี้จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1597 เมื่อบทละครโรมิโอและจูเลียตของเช็กสเปียร์ถูกตีพิมพ์เป็นครั้งแรก ผลงานชั้นครูชิ้นนั้นทำให้ชื่อของเช็กสเปียร์โด่งดังไปทั่วยุโรป บรรดานักอ่านต่างพากันมาเยือนเวโรน่าเพื่อตามหาบ้านเกิดของจูเลียต แม้ว่าจะไม่มีผู้ใดทราบแน่ชัดว่าเช็กสเปียร์เคยมาเยือนสถานที่จริงในเวโรน่าหรือไม่ แต่ผู้คนก็พากันเชื่อมโยงบ้านของตระกูลคาเปลโลว่าเป็นบ้านจูเลียตในบทละคร ในปี ค.ศ. 1968 เนรีโอ คอนสแตนตินี (Nereo Constantini) ศิลปินชาวเวโรน่าก็ได้สร้างรูปหล่อจูเลียตขึ้นมา โดยตั้งไว้ที่สวนหน้าบ้านคาเปลโล ไม่นานหลังจากนั้น บ้านคาเปลโลก็ถูกต่อเติมระเบียงที่สามารถมองลงมาเห็นสวนด้านล่าง ตามผังบ้านในบทละครตอนที่จูเลียตลอบพบกับโรมิโอบนระเบียงห้องนอน บ้านคาเปลโลจึงถูกเปลี่ยนเป็นบ้านของจูเลียตในโศกนาฏกรรมรักอย่างสมบูรณ์ และกลายมาเป็นสัญลักษณ์ของเมืองเวโรน่าที่ผู้มาเยือนต่างเชื่อว่า หากได้สัมผัสรูปหล่อจูเลียตสักครั้ง คำอธิษฐานรักของตนจะเป็นจริง20160617-_1PN5931_197 | The balcony at Juliet's house in Ver… | Flickr
  • จากนั้นนำท่านเดินเล่น Piazza delle Erbe จัตุรัสในเมืองเวโรน่า ที่มีลานตลาดนัดเล็กๆ ขายของฝาก มีทั้งหน้ากากหลากหลายแบบ เส้นพาสต้า และของที่ระลึกต่างๆ ในราคานักท่องเที่ยว แต่สามารถต่อราคาได้ นอกจากนี้ที่จัตุรัส Piazza delle Erbe ยังเป็นที่ตั้งของพระราชวังประวัติศาสตร์แห่งเวโรน่า หรือ Palazzo และยังติดกับ ถนน Via Mazzini ซึ่งเป็นถนนที่เชื่อมระหว่างจัตุรัส Piazza Bra กับจัตุรัส Piazza delle Erbe สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านแบรนด์เนมมากมาย อาทิ Mont Blanc, Burberry, Benetton, Prada, Louis Vuitton, Ralph Lauren, Swarovski, Bvlgari, Gucci, Givenchy, Valentino, MaxMara และ Sisley ที่จำหน่ายเสื้อผ้าแฟชั่น รองเท้า กระเป๋า เครื่องประดับ เครื่องสำอาง ฯลฯFile:20110720 Piazza delle Erbe 2998.jpg - Wikimedia Commons

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน

  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง มิลาน (MILAN) (ระยะทาง 160 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2 ชม.) เมืองสำคัญในภาคเหนือของประเทศอิตาลี ตั้งอยู่ในแคว้นที่ราบลอมบาร์ดีเป็น เมืองที่มีชื่อเสียงในด้านแฟชั่นและศิลปะ ซึ่งมิลานถูกจัดให้เป็นเมืองแฟชั่นในลกษณะเดียวกับ นิวยอร์ก ปารีส ลอนดอน และ โรม
  • นำท่านเข้าสู่ลานจตุรัสบริเวณ มหาวิหารแห่งมิลาน (DUOMO) สัญลักษณ์ที่โดดเด่นที่สุดของเมืองซึ่งมีขนาดใหญ่โตมโหฬาร สร้างขึ้นด้วย หินอ่อนสีขาวในศิลปะแบบโกธิคใช้เวลาสร้างนานกว่า 500 ปีปัจจุบันเป็นโบสถ์แคธอล์ลิกที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกและเป็นมหาวิหารใหญ่อันดับ 4 ของโลก สูง 157 เมตรกว้าง 92 เมตรเริ่มสร้างในปีค.ศ. 1386 ใช้เวลาก่อสร้าง นานถึง 500 ปีชมความงดงามยอดปราสาทที่มีปลายยอดแหลมกว่า 135 ยอด                                                                              Duomo and Sforza Castle Guided Tour in Milan
  • อิสระให้ท่านเดินเล่นชมเมือง หรือว่าเลือกซื้อสินค้าแบรนด์เนม สินค้าพื้นเมือง หรือของที่ระลึกต่างๆ บริเวณ Galleria Vittorio Emanuele II ตามอัธยาศัย

อิสระรับประทานอาหารค่ำ เพื่อความสะดวกในการช้อปปิ้ง

  • จากนั้นได้เวลานำท่านเดินทางกลับสู่ ท่าอากาศยานมิลาน-มัลเปนซา เพื่อทำการเช็คอินและทำ   TAX REFUND
  • 22.20 น. ออกเดินทางสู่ นครดูไบ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบิน EK 092
DAY11

ดูไบ - สนามบินสุวรรณภูมิ - กรุงเทพฯ

  • 06.25 น. เดินทางถึงสนามบินดูไบ (แวะเปลี่ยนเครื่อง)
  • 09.00 น. ออกเดินทางสู่ กรุงเทพฯ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบิน EK 370
  • 18.25 น. เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ…..


แชร์ให้เพื่อน