10 สถานที่ท่องเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ ที่ห้ามพลาด




ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ (Switzerland) เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่สวยงามและเงียบสงบไม่แพ้ที่ไหน ๆ ในโลก ธรรมชาติสวยงามดังภาพวาด จึงเป็นประเทศที่ใครหลาย ๆ คนฝันอยากจะไปท่องเที่ยว เพื่อสัมผัสกับความงามของที่นี่ด้วยตาของตัวเองสักครั้ง

HappyLongWay จึงขอนำเสนอ 10 สถานที่ในสวิตเซอร์แลนด์ ที่ห้ามพลาด มาดูกันเลย

1. เทือกพิลาทุส (Mt. Pilatus)

ยอดเขาพิลาตุส (Mt Pilatus) หรือภูเขามังกร เป็นยอดเขาคู่บ้านคู่เมืองลูเซิร์น มีความสูงราว 2,120 เมตร เราจะได้เห็นทัศนียภาพอันงดงามของทะเลสาบลูเซิร์น ทะเลสาบสี่พันธรัฐ รวมทั้งความงดงามของแนวเทือกเขาแอลป์

2. น้ำพุเจทโด้ (Jet d'Eau)

น้ำพุเจทโด้่ “สัญลักษณ์ของเมืองเจนีวา” ที่มีความสูงถึง 390 ฟุต น้ำพุเจทโด้  จะส่งน้ำครั้งละ 500 ลิตรต่อวินาที ขึ้นไปพุ่งกระจายบนอากาศที่ความสูง 140 เมตร ด้วยความเร็ว 200 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในทะเลสาบเจนีวา โดยตั้งเป็นระบบ security valve ของโรงงาน Coulouvreniere hydraulic factory ตั้งแต่ปี 1891 ต่อมาก็ได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ท่องเที่ยวของ Geneva มาจนถึงปัจจุบัน

3. GRINDELWALD

Grindelwald ใน Switzerland เป็นหมู่บ้านและชุมชนเล็กๆ ที่เงียบสงบในกรุงเบิร์น เมืองหลวงของสวิตเซอร์แลนด์ โดยตั้งอยู่บนเทือกเขา Bernese Alps สูงจากระดับน้ำทะเลถึง 1,034 เมตร เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมทั้งในฤดูหนาวและฤดูร้อนมาช้านาน โดยในฤดูหนาวคนมักจะนิยมมาเล่นสกี หรือถ้าเป็นฤดูร้อนก็จะเป็นกิจกรรมการปีนเขา ภายในชุมชนมีโรงแรม ร้านค้า และบ้านเรือนไม่ต่างจากเมืองอื่นๆ บรรยากาศธรรมชาติไม่วุ่นวาย ท่ามกลางขุนเขาอันยิ่งใหญ่

4. น้ำตกไรน์ (Rhein Fall)

สถานที่สุดฮ็อตในสวิตเซอร์แลนด์ และเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่สุดของทวีปยุโรป ตั้งอยู่บนแม่น้ำไรน์บริเวณทางเหนือของนครซือริช บริเวณพรมแดนระหว่างรัฐชัฟเฮาเซินกับรัฐซือริชในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ น้ำตกแห่งนี้มีความกว้าง 150 เมตรและสูง 23 เมตร ในช่วงฤดูหนาว จะมีปริมาณน้ำเฉลี่ยราว 250 ลูกบาศ์กเมตรต่อวินาที และในฤดูร้อนจะมีน้ำเฉลี่ยมากถึง 600 ลูกบาศ์กเมตรต่อวินาที[3]ปลาทั่วไปไม่สามารถว่ายขึ้นน้ำตกแห่งนี้ได้ มีเพียงปลาไหลเท่านั้นที่มีเทคนิคเฉพาะตัวในการไต่ขึ้นน้ำตก น้ำตกแห่งนี้ถือกำเนิดขึ้นในยุคน้ำแข็งครั้งสุดท้ายเมื่อราว 14,000 ถึง 17,000 ปีที่แล้ว ปัจจุบันถือเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีผู้เยี่ยมชมมากที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์

5. หอนาฬิกา (Zytglogge)

หอนาฬิกาแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1191 จุดประสงค์เพื่อเป็นประตูเมืองและได้มีการสร้างเพิ่มเติมในปี ค.ศ. 1530 ให้มีความสวยงามมากยิ่งขึ้น ไฮไลท์ที่ต้องรอชมทุก ๆ 5 นาที ก่อนจะครบรอบชั่วโมงจะมีตุ๊กกาออกมาเต้นระบำให้นักท่องเที่ยวได้หยุดมองหยุดชมกันอีกด้วย หอนาฬิกาแห่งนี้มีความโดดเด่นในสถาปัตยกรรมการสร้างด้วยความสวยงาม หอนาฬิกาหน้าปัดทำด้วยทองแดงขนาดใหญ่และยังมีนาฬิกาหน้าปัดขนาดเล็กอีกหนึ่งเรือนอยู่ด้านล่างภายในหน้าปัดนาฬิกาขนาดเล็กจะแสดงเวลา วัน เดือน ปี และ จักรราศี

6. รถไฟสายโรแมนติก (Bernina Express)

รถไฟสาย Bernina Express เป็นรถไฟที่วิ่งจากเมือง Chur ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ไปสิ้นสุดยังเมือง Tirano ประเทศอิตาลี โดยวิ่งข้ามผ่านเทือกเขาแอลป์ โดยรถไฟสายนี้ได้รับการยกย่องจาก UNESCO ให้เป็นรถไฟเส้นทางสายมรดกโลกเมื่อปี 2008 รถไฟจะวิ่งจากเมือง Chur ไป Tirano โดยใช้เวลาประมาณ 4 ชม. ข้ามสะพาน 196 แห่ง 55 อุโมงค์ โดยผ่าน Bernina Pass ของเทือกเขาแอลป์ที่ความสูง 2,253 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เรียกได้ว่าเป็นรถไฟสุดแสนโรแมนติกอีกแห่งหนึ่งของโลก

7. สะพานไม้ชาเปล (Chapel bridge)

สะพานไม้ชาเปล (Kapelbruck หรือ Chape Bridge)  ตั้งอยู่ ณ เมืองลูเซิรน์ (Luzern) ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ (Switzerland) เป็นสะพานที่ถูกสร้างขึ้นด้วยไม้ ในศตวรรษที่ 14  โดยสะพานแห่งนี้ถือว่าเป็นสะพานไม้ที่มีความเก่าแก่ที่สุดของยุโรป เป็นสะพานที่ทอดตัวข้ามแม่น้ำรอยส์   โดยตลอดแนวสะพานนั้นถูกประดับด้วยภาพเขียนเก่าแก่อายุกว่า 400  ปี ที่บอกเล่าถึงประวัติของประเทศสวิสเซอร์แลนด์เป็นจำนวนมาก สะพานนี้เคยถูกไฟไหม้เสียหายอย่างมากใน ค.ศ. 1993 แต่ได้รับการซ่อมแซมใหม่จนอยู่ในสภาพที่ดีเหมือนเดิม ปัจจุบันได้กลายเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญต่อประวัติศาสตร์ของเมืองลูเซิร์นอีกด้วย

8.  ยอดเขาจุงเฟรา (Jungfraujoch)

ยอดเขาที่สูงที่สุดของยุโรป มีความสูง 4,158 เมตร (13,642 ฟุต) เป็นสถานที่ที่ขึ้นชื่อในเรื่องความงาม ได้รับการยกย่องว่า เป็น Top of Europe  ยอดเขาจุงเฟรา มีจุดชมวิวที่สูงที่สุดในยุโรปแห่งนี้ มองเห็นได้กว้างไกลที่สุด ณ จุด 3,571 เมตร มีถ้ำน้ำแข็งที่แกะสลักให้สวยงามอยู่ใต้ธารน้ำแข็ง 30 เมตร สัมผัสกับภาพของธารน้ำแข็งที่ยาวที่สุดในเทือกเขาแอลป์ ยาวถึง 22 กิโลเมตร และหนา 700 เมตรโดยไม่เคยละลาย  บนยอดเขา และสถานที่แห่งนี้ยังเป็นที่นิยมของนักสกีมาเล่นกีฬาที่ท้าทายที่นี่

9.  ปราสาทชาโต เดอ ชิลยอง (Chateau de Chillon)

ปราสาทชิลยอง (Château de Chillon) เป็นปราสาทเก่าแก่อายุกว่า 800 ปี สร้างบนเกาะหินริมทะเลสาบเจนีวา ของเมืองมองเทรอซ์ สร้างขึ้นมาเพื่อคอยเก็บค่าผ่านทางของเรือที่ล่องผ่านทะเลสาบเจนีวา อีกทั้งยังเป็นสถานที่ที่ทำให้ Lord Byron เกิดแรงบันดาลใจในการประพันธ์บทกวีโรแมนติกเรื่อง "The Prisoner of Chillon" อีกด้วย

10. แมทเทอร์ฮอร์น(Matterhorn)

แมทเทอร์ฮอร์น (Matterhorn) หินทรงพีระมิดที่สูงเด่นเป็นสง่าท่ามกลางเทือกเขาแอลป์อันลือลั่น ด้วยความสูง 4,447 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล และรูปทรงสามเหลี่ยมพีรามิด ณ จุดบนสุดของยอดเขา ดยรอบภูเขานี้มีชื่อเสียงตรงส่วนที่เรียกว่า “ฮอร์น” ที่แปลว่า เขาสัตว์ หรือยอดพีระมิดที่โค้งลงเล็กน้อย ตั้งค่อมชายแดนสวิตเซอร์แลนด์และอิตาลี ในภาษาอังกฤษและเยอรมันเรียกว่า แมทเทอร์ฮอร์น ภาษาอิตาลีเรียกว่า มอนเตแชร์วีโน และภาษาฝรั่งเศสเรียกว่า มงแซร์แวง แมทเทอร์ฮอร์นเกิดจากการเคลื่อนตัวของแผ่นเปลือกโลกเมื่อ 50 ล้านปีก่อน เมื่อครั้งที่ทวีปแอฟริกาและยุโรปเคลื่อนเข้ามาชนกัน รูปร่างยอดที่เห็นอยู่นี้เกิดจากธารน้ำแข็งในยุคน้ำแข็งได้บดขยี้เป็นวงรอบภูเขาระหว่างแมทเทอร์ฮอร์นและยอดเขามอนสเตโรซาในอิตาลี ซึ่งสูง 4,634 เมตร คือช่องเขาเอโอตุลสูง 3,317 เมตร





แชร์ให้เพื่อน