ทัวร์อิตาลีใต้ เจาะลึกอันซีน 11 วัน


Tour by HappyLongway

รายละเอียดโปรแกรมทัวร์-ทัวร์อิตาลีใต้ เจาะลึกอันซีน 11 วัน

รหัสทัวร์ : UNSEEN SOUTH ITALY 11 DAYS (QR)
ระยะเวลา 11 วัน 8 คืน
สายการบิน : QATAR AIRWAYS (QR)

กำหนดการเดินทาง

รอบที่ วันเดินทาง ราคา
1 1 พ.ค. 67 - 11 พ.ค. 67 209,900 บาท
2 29 พ.ค. 67 - 8 มิ.ย. 67 209,900 บาท
3 19 มิ.ย. 67 - 29 มิ.ย. 67 209,900 บาท

สถานที่สำคัญ

  • 1
    หมู่บ้านหิน Matera ชุมชนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเก่าแก่ที่สุดในอิตาลี (Unesco) (Unseen)
  • 2
    หมู่บ้าน Alberobello รูปทรงประหลาดสวยงดงาม สวยระดับโลก (Unesco) (Unseen)
  • 3
    หมู่บ้านริมทะเล Amalfi Coast เส้นทางสวยระดับโลก (Unesco)
  • 4
    ชมเกาะ Capri เกาะสีสันสดใสสุดโรแมนติค (พัก 1 คืน)
  • 5
    เมือง Castelmezzano เมืองโบราณ บนหุบเขา (Unseen)
  • 6
    เมือง Polignano a Mare เมืองชายหาดรายล้อมด้วยหน้าผา (Unseen)
  • 7
    เมือง Tivoli เมืองมรดกโลกสุดสวย (Unesco)
  • 8
    เมืองเก่าโบราณ Pompeii ใต้เถ้าถ่านภูเขาไฟ (Unesco)
  • 9
    ชมเมือง Pacentro เมืองบนภูเขาสุดสวย (Unseen)
  • 10
    ชมถ้ำเรืองแสงสีฟ้า Blue Grotto
  • 11
    ชมหอสวดมนต์ Cappella Sansevero ชมผลงานแกะสลักหินอ่อน หน้ากากคริสต์ (Unseen)
  • 12
    ชมเมืองหลวง Rome
  • 13
    ชมเมือง Naples
  • 14
    พิเศษ รับประทานอาหารร้าน Grotta Palazzese ร้านอาหารที่อยู่ในถ้ำตั้งยื่นออกไปในทะเล

HappyLongWay
ขอนำเสนอโปรแกรมทัวร์ยุโรป
ทัวร์อิตาลีใต้ เจาะลึกอันซีน
11 วัน 8 คืน
โดยสายการบินการ์ต้า (QR)

DAY1

สนามบินสุวรรณภูมิ - กรุงเทพฯ - โดฮา

  • 18.00 น.คณะพร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 เคาน์เตอร์ Q ประตู 8 สายการบินการ์ตาร์ แอร์เวย์ พบเจ้าหน้าที่บริษัทอำนวยความสะดวกในการเช็คอิน
  • 21.05 น. ออกเดินทางสู่โดฮา โดยสายการบินการ์ตาร์ แอร์เวย์ เที่ยวบินที่ QR 833

***หมายเหตุ ไฟล์ทบินอาจมีการเปลี่ยนแปลง***

DAY2

โดฮา - กรุงโรม (อิตาลี) - ปาเซนโตร - เปสการา

  • 00.05 น. เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติโดฮา (แวะพักเปลี่ยนเครื่อง)
  • 02.10 น. เดินทางสู่กรุงโรม โดยสายการบินการ์ตาร์ แอร์เวย์ เที่ยวบินที่ QR 115
  • 07.20 น. เดินทางถึงทางอากาศนานาชาติฟูมิชิโน่ กรุงโรม ประเทศอิตาลี หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรแล้ว
  • นำท่านเดินทางสู่ หมู่บ้านปาเซนโตร (Pacentro) (ระยะทาง 200 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ  2 ชั่วโมง 30 นาที) เป็นหมู่บ้านของจังหวัด L’Aquila ใน Abruzzo เป็นหมู่บ้านยุคกลางอันเก่าแก่ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีตั้งอยู่ทางตอนกลางของอิตาลี ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นหนึ่งในหมู่บ้านที่สวยที่สุดในอิตาลี (one of Italy’s most beautiful villages) ตั้งอยู่ในเทือกเขา Apennine บนที่ราบสูงประกอบด้วยเนินเขาเล็กๆ 650 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล เป็นที่ตั้งของปราสาท Colle Castello ตั้งอยู่บนเนินเขาด้านหนึ่งของเมือง มีชื่อเสียงในด้านน้ำพุและน้ำจืดจากการละลายหิมะส่วนบนยอดเขาMajella Pacentro Images – Browse 740 Stock Photos, Vectors, and Video | Adobe Stock
  • นำท่านเดินเล่นชมเมืองตามอัธยาศัย

 รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

  • นำท่านเดินทางสู่เมืองเปสการา (Peskara) (ระยะทาง 80 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 10 นาที) เป็นเมืองหลวงของจังหวัดเปสการา ในเขตอาบรุซโซของอิตาลี ตั้งอยู่บนชายฝั่งเอเดรียติกที่ปากแม่น้ำ Aterno-Pescara                                                                                                                Pescara, Italy: the city of Gabriele D'Annunzio | Traveling Italy
  • นำท่านถ่ายรูปกับ Ponte del Mare เป็นทางเดินจักรยานที่เชื่อมชายฝั่งทางใต้ กับชายฝั่งทางเหนือ ของแม่น้ำ Pescara
  • จากนั้นอิสระท่านเดินเล่น ณ ย่าน Piazza della Repubblica ถนนสายหลักของเมืองและยังเป็นแหล่งช้อปปิ้งชื่อดังของเปสการาอีกด้วย

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

HOTEL PLAZA PESCARA หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว

DAY3

เปสการา - วีเอสเต - บารี

รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก 

  • นำท่านเดินทางสู่เมืองวีเอสเต (Vieste) (ระยะทาง 220 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง) เมืองทางตะวันออกเฉียงใต้ของอิตาลีมีชื่อเสียงเรื่องความบริสุทธิ์ของน้ำและชายหาดจากมูลนิธิด้านสิ่งแวดล้อมของอิตาลี                                                                                                                              Adriatic Coast - Visit Europe
  • นำท่านถ่ายรูปกับ Pizzomunno เป็นเสาหินปูนสูงตระหง่านสูง 25 เมตร ตั้งอยู่ที่จุดเริ่มต้นของชายหาดทางตอนใต้ของเมืองที่เรียกว่า “เดล คาสเตลโล” หรือ “เซียลารา” หรือ “เดล ปิซโซมุนโน” เนื่องจากความยิ่งใหญ่ และด้วยเสน่ห์ของมัน มันได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของเมือง                                Pizzomunno: storia, leggenda e foto della Spiaggia di Vieste - Idee di viaggio | The Wom Travel
  • จากนั้นนำท่านชมย่านเมืองเก่า ซึ่งมีลักษณะเป็นเขาวงกตมีบันไดและและตรอกซอกซอยเต็มไปด้วยบ้านเรือนสีขาวเรียบง่าย ชมความงดงามของโบสถ์โรมาเนสก์และปราสาท ซึ่งเป็นอาคารขนาดใหญ่ที่สร้างโดยชาวสวาเบียน อิสระเดินเล่นตามอัธยาศัย

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองบารี (bari) (ระยะทาง 190 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง) เป็นเมืองหลักของแคว้นปุลยา บนชายฝั่งทะเลเอเดรียติก ประเทศอิตาลี เป็นเมืองสำคัญอันดับ 2 ในด้านเมืองเศรษฐกิจบนแผ่นดินใหญ่ทางใต้ของอิตาลี                                                                                      15 Best Things to do in Bari (Italy) - Swedishnomad.com
  • ชมโบสถ์เซนต์นิโคลัส (BASILICA ST.NICHOLAS) ซึ่งเดิมเคยใช้เป็นที่พำนักของผู้ปกครองเมืองชาวไบแซนไทน์เมื่อราวปี ค.ศ.1000 ต่อมาในปี ค.ศ.1087 ชาวบารีได้นำกระดูกของเซนต์นิโคลัสมาจากโบสถ์แห่งเมืองไมร่า (MYRA) ในประเทศตุรกี จึงได้ดัดแปลงอาคารแห่งนี้เป็นโบสถ์ และประดิษฐานกระดูกของเซนต์นิโคลัสไว้ภายใน ซึ่งเชื่อกันว่า เซนต์นิโคลัส ก็คือที่มาของซานตาคลอสนั่นเอง อิสระท่านชมความงดงามภายในโบสถ์
  • ชม จัตุรัสเฟอร์เรรา (Piazza del Ferrarese) จัตุรัสเก่าแก่ที่เป็นทางเข้าไปสู่ย่านเมืองเก่า ทางด้านซ้ายเป็นที่ตั้งของซาลามูรัต (Sala Murat) แกลเลอรีศิลปะและทางด้านขวาเป็นตลาดปลา ทางตอนเหนือมีส่วนเชื่อมกับจัตุรัสการค้า (Piazza Mercantile) ให้ท่านได้ถ่ายรูปกับอาคารที่มีสถาปัตยกรรมแปลกตามีเสน่ห์น่ารัก มีบานประตูและหน้าต่างเป็นสีต่างๆ รวมถึงพุ่มไม้ เรียงรายบนหลังคาอาคารบ้านเรือน

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารของโรงแรมที่พัก
MERCURE VILLA ROMANAZZI CARDUCCI BARI HOTEL หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว

DAY4

บารี - โมโนโพลี - Polignano a Mare - ร้าน Grotta Palazzese - อัลเบอโรเบลโร - มาเตรา

รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก

  • นำท่านเดินทางสู่เมืองโมโนโพลี (Monopoli) (ระยะทาง 43 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 40 นาที) ซึ่งเป็นเมืองท่าของปูเกลียที่ผสมผสานประวัติศาสตร์กับการใช้ชีวิตในสมัยใหม่ได้อย่างลงตัวเลื่องชื่อในเรื่องของโบสถ์ยุคกลางและปราสาทที่ยื่นสู่ทะเลเอเดรียติก นอกจากนี้ เมืองนี้ยังเป็นเมืองแห่งความฝันของจิตรกรด้วยเรือประมงสีฟ้าสดใสที่ตัดกับกำแพงที่มีสีขาวโพลน นำท่านเดินเล่นชมเมืองตามอัธยาศัย File:Monopoli, Puglia - panoramio (2).jpg - Wikimedia Commons
  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง Polignano a Mare (ระยะทาง 30 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 30 นาที)ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของอิตาลีในจังหวัดบารีและบนชายฝั่ง เป็นหมู่บ้านชาวประมงเก่า ที่ยังคงเสน่ห์แบบกะลาสีเรือไว้ในทุกมุม เป็นเมืองที่สามารถมองเห็นได้ง่ายในวันเดียวและมีเมืองเก่าที่สวยงาม มีความโดดเด่นในบางสิ่งเช่นบ้านที่ดู เหมือนแขวนอยู่บนหน้าผา เมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเนื่องจากการแข่งขัน ‘Red Bull Cliff Diving World Series’ ที่จัดขึ้นบนหน้าผา เป็นการแข่งขันกระโดดสูงที่ตระการตา                                                                                            Polignano a Mare - Steep Cliffs and White Sand Beaches

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง ณ ร้าน Grotta Palazzese ร้านอาหารที่อยู่ในถ้ำ ตั้งยื่นออกไปในทะเล เป็นหนึ่งในร้านที่ท่านมาเยือนอิตาลีตอนใต้ไม่ควรที่จะพลาด    Grotta Palazzese: The Stunning Restaurant Nestled In A Cave

  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง อัลเบอโรเบลโร (Alberobello) (ระยะทาง 55 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง) ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดบารี (Bari) แคว้นปูลยา (Puglia)                                                  Alberobello, Puglia's Trulli Capital - Getting On Travel
  • นำท่านชมหมู่บ้านสวยแปลกตา The Trulli of Alberobello หมู่บ้านเก่าแก่ที่มีประวัติเกือบพันปี ด้วยความโดดเด่นของบ้านเรือนที่มีเอกลักษณ์เป็นรูปหลังคากรวยมียอดแหลมกลมส่งผลให้หมู่บ้านนี้มีความสวยแปลกตาอย่างมาก ไม่เหมือนใครที่สร้างกันลดหลั่นตามระดับสูงต่ำของพื้นที่  ด้วยความสวยงาม ความมีเอกลักษณ์และปรวัติที่เก่าแก่ของหมู่บ้านแห่งนี้ ทำให้ในปี 1996 ได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลก (UNESCO)
  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง มาเตรา (Matera) หรือ Sassi di Matera เมืองลึกลับที่งดงามในหุบเขา ที่น้อยคนนักจะรู้จักและได้ไปเยือน เป็นเมืองที่ได้ขึ้นชื่อว่าเก่าแก่ที่สุดในประเทศอิตาลี (ระยะทาง 70 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1.15ชั่วโมง) เมืองที่ได้รับการยกย่องให้เป็นอัญมณีแห่งการท่องเที่ยว เมืองมาเตราเป็นเมืองที่มีอายุมากกกว่า 2,000 ปี บ้านเรือนถูกสร้างขึ้นจากการขุดเจาะภูเขาเป็นอุโมงค์เข้าไปเพื่อเป็นที่อยู่อาศัย ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก (Unesco) ในปี 1993 และยังได้รับการรับเลือกให้เป็นเมืองหลวงแห่งวัฒนธรรมยุโรปประจำปี 2019 อีกด้วย และยังได้รับการยอมว่าคือชุมชนที่เก่าแก่ที่สุดในอิตาลีอีกด้วย                                                                                                      The Ultimate Guide to Matera, Italy - Totochie

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารพื้นเมือง
HOTEL SAN DOMENICO AL PIANO หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว

***หมายเหตุ ห้องพัก ณ เมืองมาเตรา มีจำกัดและมีขนาดเล็ก***

DAY5

มาเตรา - ชมเมือง - คาสเทลเมสซาโน (Unseen) - ซาเลอโน

รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก

  • จากนั้นนำท่านเดินเล่นชมหมู่บ้านมาเตรา ท่านจะได้สัมผัสหมู่บ้านที่ถูกทำร้านค้า ร้านขายของร้านอาหาร ให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปสัมผัสตัวบ้านอย่างใกล้ชิด อิสระให้ท่านเล่นถ่ายรูปตามอัธยาศัย 11 AWESOME Things To Do In Matera, Italy
  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่หมู่บ้าน คาสเทลเมสซาโน (Castelmezzano) (ระยะทาง 83 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที) เป็นหมู่บ้านเล็กๆที่ตั้งบนยอดเขาในจังหวัดโพเทนซ่า (Potenza) ในแคว้น Basilicata ด้วยความสวยงามหมู่บ้านแห่งนี้นอกจากสร้างอยู่บนยอดเขา มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แรกเริ่มเป็นถิ่นฐานของชาวกรีกราวศตวรรษที่ 5-6 ปัจจุบันมีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ1000 คนเท่านั้น เนื่องจากความสวยงามของที่ตั้งแต่ วิวทิวทัศน์ทำให้หมู่บ้านแห่งนี้เป็นอีกหนึ่งหมู่บ้านที่สวยที่สุดของอิตาลีอีกด้วย File:Castelmezzano-d.jpg - Wikimedia Commons

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

  • นำท่านเดินชมเมือง และให้ท่านถ่ายรูปเลือกซื้อของฝากตามอัธยาศัย
  • นำท่านเดินทางสู่เมือง ซาเลอโน (SALERNO) เมืองท่าสำคัญอีกแห่งของประเทศอิตาลี ให้อิสระทุกท่านพักผ่อนตามอัธยาศัย (ระยะทาง 140 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2 ชม.)
  • ท่านถ่ายรูปกับ วิหารซาเลอโน (Salerno Cathedral) เป็นโบสถ์หลักในเมือง ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของอิตาลีและเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ อุทิศให้กับนักบุญแมทธิวซึ่งมีพระธาตุอยู่ในห้องใต้ดิน มหาวิหารแห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อเมืองนี้เป็นเมืองหลวงของอาณาเขตของซาแลร์โน อิสระให้ท่านเดินชมเมืองตามอัธยาศัย

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารของโรงแรมที่พัก
NOVOTEL SALERNO EST ARECHI HOTEL หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว

** เพื่อความสะดวก กรุณาจัดกระเป๋าใบเล็กเพื่อพรุ่งนี้ใช้ค้างคืนบนเกาะคาปรี 1 คืน **

DAY6

ซาเลอโน - เส้นทางอมาลฟีโคสท์ - เกาะคาปรี

รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก

  • นำท่านเปลี่ยนรถเป็น Mini Bus 8 ที่นั่ง เนื่องจากมีการเปลี่ยนกฎการวิ่งรถ เดินทางสู่ถนนเลียบชายฝั่ง อมาลฟีโคสท์ หมู่บ้านริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เส้นทางเลียบชายฝั่งที่ได้ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดในโลก ที่ติดอันดับความสวยงามระดับโลก ทั้ง 3 เมือง และได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก (Unesco) คือ ราเวลโล่ (Ravello), อมาลฟีโคสท์ (Amalfi Coast), โพสิตาโน่ (Positano) หมู่บ้านสีสันสวยงามที่สร้างตามความลาดชันของหน้าผาเรียงรายสวยงามยิ่งนัก

(*** เนื่องจากข้อจำกัดเรื่องการเดินทางในอมาลฟีโคสท์ มีการเปลี่ยนแปลง ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์หากมีการเปลี่ยนแปลงโดยจะคำนึงถึงผลประโยชน์ของลูกค้าเป็นสำคัญ เมืองโพสิตาโน่ เข้าได้เฉพาะทางเรือเท่านั้น รถมินิบัสวิ่งผ่านบนเขาหลังตัวเมืองเท่านั้น ***)

  • นำท่านเดินทางสู่เมือง ราเวลโล่ เมืองตากอากาศบนเขาสูง ด้านหน้าเป็นวิว ทะเลสวยมากถึงมากที่สุด ด้านหลังเป็นวิวภูเขาสูงเมืองนี้สวยสุดยอด จริงๆ ตัวเมืองเป็นบ้านเก่าๆ เล็กๆ อยู่ข้างๆ จตุรัสมีร้านกาแฟน่ารักอยู่ รอบๆ
  • นำท่านเดินชมตัวเมืองเริ่มจากจตุรัสกลางเมืองเวสโควาโด (PIAZZA VESCOVADO) โบสถ์ประจำเมืองที่มีอายุกว่า 800 ปี                                                                                                                              The Piazza Vescovado in Ravello - Picture of Ravello, Amalfi Coast - Tripadvisor
  • ชม ประตูสัมฤทธิ์ (THE BRONZE DOOR) ที่มีภาพสลักเรื่องราวของพระคริสต์ถึง 54 ช่อง
  • ชมวิวสวยรอบจตุรัส และวิลล่า รูโฟโล (VILLA RUFOLO) คฤหาสน์บนหน้าผาริมทะเลที่สวยงาม ภายในมีสวนดอกไม้ริมหน้าผาที่ งดงามยิ่ง จุดชมวิวตรงนี้เป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของเมืองราเวลโล่Ravello Banque d'images et photos libres de droit - iStock
  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง อมาลฟี เมืองนี้เคยเป็นเมืองที่มีอํานาจทาง ทะเล ต่อมาคาดว่าเกิดแผ่นดินถล่มจมหายไปในทะเล เมืองนี้จึงกลายเป็นเพียงเมืองเล็ก ๆ มีประชากรราว 3 พันคน มีมหาวิหารใหญ่ ที่สวยงาม                                                                                                                                  Amalfi,amalfi coast,coast,cliff,campania - free image from needpix.com

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

  • นำท่านชมตัวเมืองอมาลฟี นำท่านชมมหาวิหารใหญ่ที่สวยงามคือ มหาวิหารเซ็นท์แอนเดรีย “Duomo di Sant’Andre” ใจกลางเมือง มีอายุเก่าแก่กว่า 900 ปี
  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ท่าเรือซอนเรนโต้ เพื่อนำท่านขึ้นเรือเฟอร์รี่ข้ามไปสู่ เกาะ คาปรี (Capri)  เกาะที่มีเสน่ห์เป็นของตัวเองมีฉากหลังเป็นภูเขาไฟวิซูสเวียส                                                                  The Island of Capri: Wonderland for the eccentric, rich and famous | Daily Sabah
  • นำท่านนั่งรถรางขึ้นสู่ยอดเขาคาปรี (คาปรีเซนเตอร์) จากนั้นอิสระให้ท่านเดินเล่นตามอัธยาศัย

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารพื้นเมือง
HOTEL SYRENE หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว

***หมายเหตุ ห้องพัก ณ เกาะคาปรี มีจำกัดและมีขนาดเล็ก***

DAY7

เกาะคาปรี - ถ้ำบลูกร๊อตโต้ - นาโปลี

รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก

  • นำท่านชมล่องเรือเพื่อไปชม ถ้ำบลูกร๊อตโต้  (Blue Grotto) ถ้ำที่อยู่ในทะเลมีแสงสะท้อนสีฟ้าจากน้ำทะเลขั้นมากระทบถ้ำสวยงามยิ่งนัก                                                                                                สีฟ้า Grotto หรือ Grotta Azzurra ใน Capri... - Secret World

หมายเหตุ : การชมถ้ำบลูกร๊อตโต้  ได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศเอื้ออำนวยด้วย เช็ควันต่อวัน หากไม่สามารถเข้าชมได้ ทางบริษัท ของสงวนสิทธิ์เปลี่ยนเป็นล่องเรือชมความงดงามของเกาะคาปรีแทน

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

  • จากนั้นนำท่านเดินทาง สู่ย่านกลางเมืองของเกาะคาปรี สู่จัตุรัสอูมแบร์โต จัตุรัสแห่งนี้ เป็นศูนย์กลางของเมืองที่คึกคัก ผู้คนจะนิยมมาเดินรอบๆ จัตุรัสที่เต็มไปด้วย ร้านอาหาร ร้านค้า ร้านแฟชั่นที่มีชื่อเสียง มีหอนาฬิกาที่ตั้งเด่นใจกลางจัตุรัส และยังมีจุดชมวิวเมืองที่ใกล้กัน
  • นำท่านเดินชมเกาะคาปรี สถานที่ตากอากาศของชนชั้นสูงมาตั้งแต่สมัยโรมันเรืองอำนาจ (จักรพรรดิออกุสตุส (Augustus) ผู้ยิ่งใหญ่) และยังคงไว้ซึ่งมนต์เสน่ห์แห่งความงามมาจนถึงทุกวันนี้ บรรดากวีและนักเขียนชื่อดังต่างก็บอกในงานเขียนเป็นเสียงเดียวกันว่า “ที่คาปรีสวรรค์อยู่ใกล้ๆ เพียงแค่ปรายตามอง”
  • นำท่านเดินสู่จุดชมวิว ณ สวนออกัสตัส (Augustus Garden) สวนแห่งนี้ เป็นสวนที่เต็มไปด้วยพืชพรรณหายาก และมีความสวยงาม ร่มรื่น ซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นศตวรรษที่ 20 เพื่อถวายแก่จักรพรรดิแห่งโรมัน สวนแห่งนี้ประกอบไปด้วนระเบียงที่มองเห็นทะเล มีไม้ประดับและดอกไม้นานาชนิดให้เยี่ยมชมมากมาย และยังได้เห็นวิวแบบพาโนรามา 180 องศาของเกาะคาปรีอีกด้วย
  • อิสระท่าน ชมทิวทัศน์อันงดงามของเกาะคาปรี ชมบ้านเรือนและบ้านพักตากอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียนให้ท่านได้เดินเล่นผ่อนคลายกับธรรมชาติอย่างเต็มอิ่ม
  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ท่าเรือ นำท่านนั่งเรือเฟอร์รี่สู่ท่าเรือเมืองเนเปิ้ล
  • นำท่านผ่านชม เมืองเนเปิลส์ หรือ นาโปลี (Naples, Napoli) เมืองที่มีชีวิตชีวา มีสีสัน คึกคัก เป็นเมือง ที่มีการผสมผสานศิลปะวัฒนธรรมดั้งเดิมกับความทันสมัยจนเป็นเนื้อเดียวกัน โบสถ์เก่าๆ กับบ้านเรือนสมัยใหม่ อยู่ปะปนกันไป ไม่สามารถแยกเป็นเขตเมืองเก่ากับเมืองใหม่ได้ แวะบันทึกภาพปราสาทคาสเซิลนูโวที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 14

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารจีน
RENAISSANCE NAPLES HOTEL MEDITERRANEO หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว

DAY8

นาโปลี - โบสถ์ Cappella Sansevero ปอมเปอี - โรม

รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก

  • จากนั้นนำท่านเข้าชมหอสวดมนต์ Cappella Sansevero เป็นโรงสวดในเนเปิลส์ที่สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 16 เป็นที่รวบรวมผลงานศิลปะเชิงศาสนาของอิตาลีจากแหล่งต่างๆ ไว้ด้วยกัน หอสวดมนต์นี้สร้างขึ้นโดยท่านดยุคในท้องถิ่นนามว่า Giovan Francesco di Sangro เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณต่อพระแม่มารีย์ที่ช่วยรักษาอาการเจ็บป่วย สังเกตประติมากรรมหินอ่อนที่มีความประณีตและละเอียด เช่น Veiled Christ นอกจากนี้ยังมีภาพวาดบนฝาผนัง ชั้นหินอ่อนอันหรูหราน่าทึ่งและผลงานกราฟฟิคที่แสดงให้เห็นถึงลักษณะทางกายภาพของมนุษย์อย่างชัดเจน                                              Museo Cappella Sansevero, Naples
  • นำท่านชมผลงานที่ชื่อว่า หน้ากากพระคริสต์ โดย จูเซปเปซานมาร์ติโน ที่เป็นการแกะสลักหินอ่อนพระเยซูโดยมีผ้าคลุมไว้ ถือเป็นผลงานระดับ Masterpiece ที่ท่านมาเมืองนาโปลีแล้วไม่ควนพลาดชมประติมากรรมหินอ่อนที่ละเอียดอ่อนอย่างไม่น่าเชื่อที่ Cappella Sansevero

** หมายเหตุ หากทางโบสถ์มีพิธีกรรมสำคัญ ไม่เปิดให้ชมทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการงดเข้าชม **

  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมือง ปอมเปอี (Pompei) (ระยะทาง 25 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 30 นาที) เมื่อเดินทางมาถึงท่านจะเห็นภูเขาไฟวิสุเวียส “Vesuvius Volcano” ซึ่งเป็นภูเขาไฟที่พ่นลาวามาทับถมสองเมืองคือ เมืองปอมเปอี (Pompei) กับ เมืองเฮอร์คิวลานุม (Herculaneum) และได้กลืนกินเมืองทั้งเมืองอยู่ใต้เถ้า ถ่านที่ประทุออกมา เวลาผ่านไปพันปีเมืองนี้ก็กลายเป็นตํานานที่ลางเลือนจนกระทั่งมีคนที่ขุดพบโดยบังเอิญเมื่อประมาณ สองร้อยปีก่อน จึงทําการขุด เมืองทั้งเมืองขึ้นมา ไม่น่าเชื่อว่าเมืองใหญ่โตขนาดนั้นจะถูกกลบมิดเป็นเวลา เกือบสองพันปีมีสนามกีฬา โรงละครศาสนสถาน ร้านค้า บ้านเรือนตั้งเรียงราย เป็นจํานวนมาก                                                                                    10 Best Things To Do in Pompeii - Julia's Album

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

  • นำท่านเข้าชมโบราณสถาน ปอมเปอี“Archeological – Site Pompei” ชมสภาพของเมืองที่ขุดคนขึ้นมาได้ภายในกําแพงที่โอบล้อม ตัวเมืองชมเขตใจกลางเมือง ซึ่งเป็นที่ตั้งของวิหาร, สํานักงานราชการตลาด,ร้านค้า, โรงละคร, สนามกีฬา, บ้านเรือน และโรงอาบน้ำสาธารณะของโรมัน Pompeii: Half-Day Visit to the Archaeological Site of Pompeii - leaving from Sorreneto
  • จากนั้นเดินทางสู่กรุงโรม (Rome) เมืองหลวงของประเทศอิตาลี เมืองที่เป็นต้นกำเนิดของโรมัน (ระยะทาง 270 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 3 ชม. 30 นาที)

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารไทย
RADISSON BLU GHR ROME HOTEL หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว (พัก 2 คืน)

DAY9

โรม - ทิโวลี - พระราชวัง Villa d’Este - น้ำพุเทรวี่ - บันไดสเปน - ช้อปปิ้ง

รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก

  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง ทิโวลี (Tivoli) เมืองเล็กๆ ห่างจากกรุงโรมเพียง 30 กิโลเมตร แต่เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงด้านโบราณและบ้านพักตากอากาศของชนชั้นสูงสมัยก่อน ที่มีความสวยงามยิ่งใหญ่อลังการมากและมีคุณค่าทางประวัติจนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก (Unesco)
  • จากนั้นนำท่านเข้าชมพระราชวัง Villa d’Este อันงดงามใน Tivoli นี้เป็นหนึ่งในมรดกโลกขององค์กรยูเนสโกของอิตาลี วิลลาแห่งนี้ได้รับการว่าจ้างจากพระคาร์ดินัล Ippolito II d’Este ผู้ว่าการ Tivoli ในปี ค.ศ. 1550 ซึ่งรู้สึกผิดหวังกับการที่พระสังฆราชไม่ได้รับการเลือกตั้งจึงอยากจะนำความหรูหราของศาล Ferrarese Roman and French Courier มาตั้งไว้ที่ Tivoli โดยจุดเด่นของพระราชวังนีอยู่ที่ความสวยงามของน้ำพุและอุโมงค์ของ Villa d’Este เป็นแบบจำลองที่สร้างเลียนแบบสถาปัตยกรรมที่ยึดตามแบบบาร็อค  สิ่งที่โดดเด่นที่สุดในวิลลาคือสวนอันมหัศจรรย์ซึ่งคิดและออกแบบโดยจิตรกรและสถาปนิก Pirro Ligorio                                                                                                                      Tivoli (Rome), Villa d'Este | M.Maselli | Flickr

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

  • จากนั้นนำท่านเดินทางกลับสู่กรุงโรม
  • นำท่านชม น้ำพุเทรวี่ (Trevi fountain) เป็นน้ำพุที่สวยงามและมีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก ชื่อ “เทรวี่” ออกแบบและก่อสร้างโดย นิโคลา ซาลวี่ ซึ่งองค์สมเด็จสันตะปาปา ครีเมนต์ที่ 12 ได้มอบหมายให้สร้างขึ้นในปี 1732 รูปปั้นแกะสลักที่เลิศหรูอลังการที่อวดโฉมให้ผู้ไปเยือนได้ยลนั้น ได้แนวคิดจากความยิ่งใหญ่ของเทพเจ้าเนปจูน“เทพแห่งท้องทะเล” ว่ากันว่า หากใครที่ได้โยนเหรียญลงไปในน้ำ เขาหรือเธอผู้นั้นจะได้กลับมาเยือนอีกในสักวัน                                                                      Fontana di Trevi - The Trevi Fountain in Rome
  • จากนั้นให้คณะได้ถ่ายรูปภาพคู่ “บันไดสเปน” เป็นบันไดในกรุงโรม ประเทศอิตาลี ได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกชาวอิตาลี ชื่อ Francesco de Sanctis เชื่อมระหว่าง Piazza di Spagna และ Piazza Trinità dei Monti เป็นบันไดที่กว้างที่สุดและยาวที่สุดในทวีปยุโรป มีขั้นบันไดทั้งหมด 138 ขั้น ใช้สำหรับเดินเล่นหรือเลือกซื้อสินค้าต่างๆ ที่ย่าน บันไดสเปน นับว่าเป็นแหล่งพักผ่อนของชาวอิตาลีและ นักท่องเที่ยวหลากหลายเชื้อชาติ                                                                                              โรม บันไดสเปน สถาปัตยกรรม - ภาพฟรีบน Pixabay
  • อิสระให้ทุกท่านเดินเล่นหรือเลือกช้อปปิ้งสินค้าที่ระลึก และสินค้าแบรนด์เนมตามอัธยาศัย

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารจีน

RADISSON BLU GHR ROME HOTEL หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว

DAY10

กรุงโรม - วิหารแพนธีออน - สนามบิน - โดฮา

รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก

  • นำท่านชม วิหารแพนธีออน (Pantheon) เทวสถานศักดิ์สิทธิ์แห่งกรุงโรมที่เริ่มสร้างขึ้นในช่วง 27-25 ปีก่อนคริสต์ศักราชก่อนจะมีการสร้างขึ้นใหม่ในยุค จักรพรรดิฮาเดรียน เมื่อปี ค.ศ. 126 เพื่อเป็นเทวสถานบูชาเทพเจ้าแห่งกรีก-โรมันทั้ง 7 แห่งดาวในระบบสุริยะ ได้แก่ พระอาทิตย์ (Apollo) พระจันทร์ (Diana) อังคาร (Mars) พุธ (Mercury) พฤหัส (Jupiter) ศุกร์ (Venus) และเสาร์ (Saturn) นับเป็นเรื่องแปลกใหม่ในสมัยนั้นเป็นอย่างมาก เนื่องจากวิหารกรีก-โรมันส่วนใหญ่มักจะสร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพเจ้าเพียงองค์เดียวเท่านั้น แต่วิหารแพนธีออนกลับสร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพเจ้าทุกพระองค์ จึงกลายเป็นที่มาของชื่อ แพนธีออน ในภาษากรีก แปลว่า “เกียรติศักดิ์แห่งทวยเทพ”                                                     Photo of people walking in front of pantheon roman temple in rome, Italy · Free Stock Photo
  • อิสระให้ทุกท่านเดินเล่นหรือเลือกช้อปปิ้งสินค้าที่ระลึก และสินค้าแบรนด์เนมตามอัธยาศัย

 อิสระรับประทานอาหารกลางวันตามอัธยาศัย

  • ได้เวลาอันสมควรนำท่านออกเดินทางสู่สนามบิน เพื่อทำการเช็คอินและทำ TAX REFUND
  • 16.35 น. ออกเดินทางสู่โดฮา โดยสายการบินการ์ตาร์ แอร์เวย์ เที่ยวบินที่ QR 132
  • 23.45 น เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติโดฮา (แวะพักเปลี่ยนเครื่อง)

***หมายเหตุ ไฟล์ทบินอาจมีการเปลี่ยนแปลง***

DAY11

โดฮา - สนามบินสุวรรณภูมิ - กรุงเทพฯ

  • 01.30 น. ออกเดินทางสู่กรุงเทพฯ โดยสายการบินการ์ตาร์ แอร์เวย์ เที่ยวบินที่ QR 834
  • 12.25 น.เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ…..


แชร์ให้เพื่อน