ทัวร์บอลติค เอสโตเนีย ลิธัวเนีย ลัตเวีย ฟินแลนด์ 11 วัน


Tour by HappyLongway

รายละเอียดโปรแกรมทัวร์-ทัวร์บอลติค เอสโตเนีย ลิธัวเนีย ลัตเวีย ฟินแลนด์ 11 วัน

รหัสทัวร์ : UNSEEN BALTIC x CHRISTMAS MARKET ESTONIA - LITHUANIA - LATVIA - FINLAND 11 DAYS (AY)
ระยะเวลา 11 วัน 9 คืน
สายการบิน : FINNAIR (AY)

กำหนดการเดินทาง

รอบที่ วันเดินทาง ราคา
1 5 ธ.ค. 67 - 15 ธ.ค. 67 189,900 บาท

สถานที่สำคัญ

  • 1
    ชมเมือง Vilnius เมืองหลวงสุดสวยของประเทศลิธัวเนีย
  • 2
    ชมเมือง Riga เมืองหลวงสุดสวยของประเทศ ลัตเวีย
  • 3
    ชมเมือง Tallinn เมืองหลวงของประเทศเอสโตเนีย
  • 4
    ชมปราสาท Trakai Castle หนึงในปราสาทสวยของยุโรปเหนือ
  • 5
    ชมเมือง Kaunas เมืองเก่าแสนสวยของลิธัวเนีย
  • 6
    ชม Hill of Crosses สุสานไม้กางแขน สุดแปลกตา
  • 7
    ชมเมือง Sigulda สวิตเซอร์แลนด์แห่งลัตเวีย
  • 8
    ชมปราสาท Sigulda Castle
  • 9
    ชมเมืองเก่า Parnu เมืองตากอากาศขึ้นชื่อของเอสโตเนีย
  • 10
    ชมกรุง Helsinki ประเทศฟินแลนด์
  • 11
    ชมเมือง Jurmala เมืองรีสอร์ทที่ใหญ่ที่สุดของทะเลบอลติค

HappyLongWay
ขอนำเสนอโปรแกรมทัวร์ยุโรป
ทัวร์ยุโรปเส้นทางอันซีน บอลติค x ตลาดคริสต์มาส
เอสโตเนีย-ลิธัวเนีย-ลัตเวีย-ฟินแลนด์ 11 วัน 8 คืน
โดยสายการบิน FINAIR (AY)

DAY1

สนามบินสุวรรณภูมิ - เฮลซิงกิ (ฟินแลนด์)

  • 05.00 น. คณะพร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 ประตูทางหมายเลข 4 เคาน์เตอร์ G สายการบินฟินแอร์ (AY) พบเจ้าหน้าที่บริษัทอำนวยความสะดวกในการเช็คอิน
  • 08.00 น. ออกเดินทางสู่ กรุงเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ โดยสายการบินฟินแอร์ เที่ยวบินที่ AY 142
  • 15.30 น. เดินทางถึงทางอากาศนานาชาติเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ เมืองหลวงของฟินแลนด์ หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรแล้ว

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมืองโรงแรมที่พัก

HILTON HOTEL HELSINKI AIRPORT หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว

** หมายเหตุ : โรงแรมมีจำกัด หากเต็ม ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลง**

DAY2

เฮลซิงกิ - นั่งเฟอร์รี่ - ทาลลินน์ - ชมเมือง

รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก 

  • 07.30 น. นำท่าน นั่งเรือเฟอร์รี่ ข้ามทะเลบอลติก
  • เดินทางสู่ เมืองทาลลินน์ ประเทศเอสโทเนีย ซึ่งผ่านการครอบครองโดยหลายเชื้อชาติในอดีต ไม่ว่าจะเป็นเดนมาร์ค สวีเดน รัสเซีย และได้เป็นไทแก่ตัวจากสหภาพโซเวียตเมื่อปี ค.ศ. 1994 กรุงทาลลินน์ (Tallinn) เป็นเมืองหลวงของประเทศและเป็นศูนย์กลางของสถาปัตยกรรมในยุคกลาง โดยใจกลางของเมืองหลวงนี้ คือ ทูมเปีย (Toompea) ภูเขาที่เต็มไปด้วยถนนที่ทำจากหินก้อนกลมๆ และอาคารบ้านเรือนในสมัยศตวรรษที่ 15                                                                                                  City break Tallinn, what you should see on a day visit
  • จากนั้นชม อนุสาวรีย์ Russalka Memorial ที่นี่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นเครื่องหมายในการครบรอบปีที่ 9 ของการจมลงของเรือรบรัสเซียที่ชื่อ Rusalka สัญลักษณ์ของอนุสาวรีย์นี้คือ ทูตสวรรค์ที่ถือไม้กางเขนแห่งพระศาสนจักรออร์โธดอกซ์ไปยังทิศทางที่สันนิษฐานว่าเป็นซากเรืออับปาง
  • นำท่านเข้าชม พระราชวังแคทเดอริก (Kadriorg Palace) เป็นพระราชวังสไตล์บาร๊อค สร้างขึ้นตามพระประสงค์ของพระเจ้าปีเตอร์มหาราชที่1 แห่ง รัสเซีย เพื่อเป็นที่ประทับของพระราชินีแคทเธอรีน โดย พระราชวังแห่งนี้ได้รับการออกแบบโดย Niccolo Michetti สถาปนิกชาวอิตาลีในปี ค.ศ. 1930 แต่ในปัจจุบันได้กลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงผลงานทาง ศิลปะของประเทศ นอกจากนี้ท่านจะได้ชมความงดงามของสวนบริเวณโดยรอบพระราชวังเก่าแห่งนี้ด้วย                                                        Kadriorg Art Museum, Tallinn - Book Tickets & Tours | GetYourGuide

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารไทย

  • นำท่านชมจัตุรัสเมืองเก่าของทาลลินน์ (Tallinn Old Town Square) ย่านศูนย์กลางของเมือง ในอดีต เป็นสถานที่ซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้า ใช้เป็นที่เฉลิมฉลองเทศกาลต่างๆของเมือง รวมทั้งเป็นที่ประหารชีวิตนักโทษอีกด้วย
  • ผ่านชมศาลาว่าการเมืองทาลลินน์ (Tallin’s Town Hall) เป็นสถาปัตยกรรมแบบกอธิคและเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของเมือง ศาลาว่าการเมืองทาลลินน์นี้ตั้งอยู่บริเวณจัตุรัสเมืองเก่า สร้างขึ้นเมื่อสมัยศตวรรษที่ 13 และเพิ่งฉลองครบรอบ 600 ปีไปเมื่อปี ค.ศ. 2004
  • ชมโบสถ์อเล็กซานเดอร์ เนฟสกี้ (Alexander Nevsky Cathedral) โบสถ์ใหญ่ที่มียอดโดมใหญ่ที่สุดในเมืองทาลลินน์ เป็นโบสถ์คริสต์ออร์โธด็อกซ์ที่สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1900 ในช่วงที่เอสโทเนียเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิซาร์แห่งรัสเซีย สถาปนิกผู้ออกแบบโบสถ์แห่งนี้ก็คือ Mikhail Preobrazhenski จากเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก โบสถ์นี้สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับเจ้าชายอเล็กซานเดอร์ ยาโรสลาวิทซ์ เนฟสกี้ (Prince Alexander Yarosalvitz Nevsky) ด้านบนของโบสถ์ท่านจะพบกับหอระฆังใหญ่ ซึ่งประกอบไปด้วยระฆังถึง 11 อัน รวมถึงอันที่ใหญ่ที่สุดในเมืองซึ่งมีน้ำหนักถึง 15 ตัน
  • อิสระให้ท่านเดินเล่นชมเมืองบนถนนคนเดิน Viru Gate ที่มีสินค้าพื้นเมืองอาทิ อำพัน, ผ้าลินิน ตามอัธยาศัย

พิเศษ : ช่วงระหว่าง วันที่ 22 พ.ย. – 27 ธ.ค. 2567 ท่านจะได้พบกับเทศกาลตลาดคริสต์มาส

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารอาหารพื้นเมือง

TALLINK SPA & CONFERENCE HOTEL หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว

** หมายเหตุ : โรงแรมมีจำกัด หากเต็ม ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลง**

DAY3

ทาลลินน์ - ตาร์ตู - พาร์นู

รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก 

  • นำท่านเดินทางสู่ เมืองตาร์ตู (Tartu) (ระยะทาง 180 กิโลเมตร ใช้เวลา 2 ชม. 30 นาที) เมืองแห่งมหาวิทยาลัย มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของเอสโตเนีย ที่เป็นเมืองทางการเมืองและเศรษฐกิจของประเทศ ตาร์ตูถือว่าเป็นเมืองศูนย์กลางความรู้และวัฒนธรรม โดยเฉพาะมีมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศ หนึ่งในสถานที่น่าสนใจที่สุดของเมืองนี้ คือ ซุปทาวน์ (Soup Town) เมืองที่ถนนทุกสายจะมีชื่อเรียกตามส่วนผสมในการทำซุป อาทิ มันฝรั่ง ถั่ว และถั่วลันเตา เป็นต้น                                        Things to Do in Tartu: 20+ Best Sights and Activities - The Northern Vox
  • นำท่านชมย่านเมืองเก่า คุณจะได้สัมผัสกับอาคารบ้านเรือนสไตล์คลาสสิกที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 18 และบ้านไม้ที่เรียงรายอยู่ตามท้องถนนที่อยู่ติดกับแม่น้ำเอมะโจกิ (Emajõgi River)
  • นำท่านชมบริเวณใจกลางจัตุรัสในเขตเมืองเก่า ท่านจะได้พบกับอาคารสีพาสเทล ตกแต่งได้อย่างน่ารัก เต็มไปด้วยคาเฟ่ ร้านอาหารต่างๆ โรงละคร หรือห้างสรรพสินค้า
  • อิสระท่านเดินเล่นชมเมืองตามอัธยาศัย

พิเศษ : ช่วงระหว่าง วันที่ 7 ธ.ค. 2567 – 5 ม.ค. 2568 ท่านจะได้พบกับเทศกาลตลาดคริสต์มาส

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

  • นำท่านเดินทางสู่เมืองพาร์นู (Parnu) (ระยะทาง 175 กิโลเมตร ใช้เวลา 2 ชม. 20 นาที) เป็นเมืองท่าทางทะเลของประเทศเอสโตเนีย บนอ่าวพาร์นู เป็นสถานที่ที่ได้รับความนิยมท่องเที่ยวในฤดูร้อน มีรีสอร์ต โรงแรม ร้านอาหาร และชายหาดหลายแห่ง ตั้งเป็นเมืองราวปี 1251 โปแลนด์ได้ยึดครองตั้งแต่ ค.ศ. 1561 ต่อจากนั้นสวีเดนได้ยึดครองตั้งแต่ ค.ศ. 1629 และรัสเซียเข้ายึดครองระหว่าง ค.ศ. 1710-1918 เป็นเมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองรีสอร์ทตากอากาศริมทะเลที่มีชื่อเสียงเมืองหนึ่งของเอสโตเนีย
  • จากนั้นนำท่าน ผ่านชมโบสถ์เซนต์เบอร์กีต้า (PIRITA CONVENT RUINS) ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1436 แม้ในปัจจุบันจะไม่สามารถบูรณะซากปรักหักพังให้ได้คงเดิม แต่ก็มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาเยี่ยมชมไม่ขาดสาย
  • นำท่านชมบ้านไม้ (Wooden House) สไตล์อาร์ตนูโว และแบบแอสโทเนียนดั้งเดิมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว จนกลายเป็นต้นแบบบ้านเรือนที่นำไปสร้างในสไตน์บอลติคParnu Estonia Travel Guide - Travel East and Central Europe
  • นำท่านแวะถ่ายรูปกับศาลาว่าการเมือง (Parnu City Hall) จากนั้นนำท่านเดินเล่นภายในตัวเมืองพาร์นู บริเวณพาร์นูเมนสตรีท

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

HEDON SPA & HOTEL หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว

** หมายเหตุ : โรงแรมมีจำกัด หากเต็ม ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลง**

DAY4

พาร์นู - ซิกุลดา - ปราสาทซิกุลด้า - ริก้า

รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก

  • นำท่านเดินทางสู่ เมืองซิกุลด้า (Sigulda) (ระยะทาง 175 กิโลเมตร ใช้เวลา 2 ชม.) ซึ่งตั้งอยู่ในหุบเขาแม่น้ำเกาจา (Gauja River Valley) ได้ชื่อว่าเป็น “สวิตเซอร์แลนด์แห่งลัตเวีย” เนื่องจากทิวทัศน์อันสวยงามและสถาปัตยกรรมต่างๆ ที่ควรค่าแก่การสัมผัส อาทิ คฤหาสน์คริมูลดา (Krimulda Manor) ซึ่งสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 19 และล้อมรอบไปด้วยลานกว้างและสวนที่ใหญ่โต

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารพื้นเมือง

  • นำท่านชมปราสาทซิกุลด้า (Sigulda Castle) คฤหาสน์สไตล์โกธิค สร้างขึ้นในปีค.ศ.1878 เพื่อใช้เป็น บ้านพักอาศัยของตระกูล Kropotkin และถูกผลัดเปลี่ยนเจ้าของมาหลายต่อหลายครั้งจนกระทั่งถูกใช้เป็นสถานที่ ทำการของสภาปกครองแคว้นซิกุลด้าในปี ค.ศ.1993                                        File:The new Sigulda castle (2).JPG - Wikimedia Commons
  • นำท่านเดินทางสู่เมืองริก้า (RIGA) (ระยะทาง 50 กิโลเมตร ใช้เวลา 50 นาที) เมืองหลวงแห่งลัตเวีย ตั้งอยู่ริมทะเลบอลติก เป็นเมืองที่มีส่วนผสมของอิทธิพลแบบลัตเวียน รัสเซียน และเยอรมันรวมกันโดยมีหลักฐานการอยู่อาศัยของชาวเยอรมันในช่วง 6 ศตวรรษแรกของการค้นพบเมืองริก้าในปี ค.ศ. 1158 และหลังจากนั้นก็ได้ไปตกอยู่ภายใต้การปกครองของโปแลนด์ สวีเดน และรัสเซียตามลำดับและบริเวณย่านเมืองเก่าของเมืองริก้ายังได้ประกาศให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกอีกด้วย

พิเศษ : ช่วงระหว่าง วันที่ 30 พ.ย. 2567 – 2 ม.ค. 2568 ท่านจะได้พบกับเทศกาลตลาดคริสต์มาส

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
WELLTON RIGA HOTEL & SPA หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว

** หมายเหตุ : โรงแรมมีจำกัด หากเต็ม ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลง**

DAY5

ริก้า - ยัวมาลา - ชมเมือง

รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก 

  • นำท่านเดินทางสู่เมืองยัวมาลา (Jurmala) (ระยะทาง 25 กิโลเมตร ใช้เวลา 30 นาที) สวรรค์ของการพักผ่อนตามรีสอร์ทริมทะเล เนื่องด้วยเป็นเมืองรีสอร์ทที่ใหญ่ที่สุดในทะเลบอลติกและมีหาดทรายยาวที่สุดในยุโรปตอนเหนือ ยัวมาลายังเป็นที่รู้จักในด้านสถาปัตยกรรมจากไม้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาคารบ้านเรือนเก่าแก่หลายหลังนั้นดูเหมือนกับบ้านขนมปังขิง (gingerbread house) และเนื่องจากเมืองแห่งนี้เคยเป็นสถานที่พักฟื้นของชาวรัสเซียมาก่อน จึงไม่น่าแปลกใจที่จะสามารถพบเห็นสถานบำบัดฟื้นฟูและสถานพักฟื้นตามชายหาดได้ อิสระท่านเดินเล่นชมเมืองตามอัธยาศัย

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

  • นำท่านถ่ายรูปกับปราสาทริก้า (Riga Castle) ปราสาทสวยหลังใหญ่ริมแม่น้ำดัวกาว่า ตัวปราสาทสร้างขึ้นครั้งแรก ในปี 1330 แต่สร้างขึ้นใหม่ในช่วงศตวรรษที่ 15-16 แม้จะผ่านการบูรณะมาหลายต่อหลายครั้ง แต่ปราสาทริก้าก็ยังสวยและยิ่งใหญ่ไม่เสื่อมคลาย ปัจจุบันปราสาทริก้าเป็นที่พำนักของประธานาธิบดีของลัตเวีย และเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์                                                                              Riga Castle - Wikipedia
  • นำท่านสู่ ย่านเมืองเก่าริก้า (Riga Old Town) ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์สันนิษฐานว่าเดิมทีเมืองริก้าถูก สร้างให้เป็นปราการด่านแรกที่ยิ่งใหญ่เพื่อพร้อมป้องกันข้าศึกด้วยการก่อกำแพงอิฐสูง 10 เมตร หนา 3 เมตรและ ยาวถึง 2 กิโลเมตร รอบกำแพงสร้างหอสังเกตการณ์ไว้ 29 จุด จนราวปี 1422 ก็มีการสร้างป้อมสูง 4 ชั้นขึ้นเพิ่มเติม พร้อมกับการขุดคูล้อมเมืองกว้าง 90 เมตรเพื่อให้การเข้าถึงของข้าศึกทำได้ยากเย็นขึ้น และยังประทับปืนใหญ่ไว้เป็นระยะ
  • ชมย่านโดมสแควร์ (Dome Square) ลานกว้างที่เป็นสัญลักษณ์สำคัญของเมือง เป็นที่ตั้งของวิหารแห่งริก้า (Riga Dome Cathedral) ที่ยิ่งใหญ่แห่งเมืองนี้ และยังถือเป็นวิหารในยุคกลางที่ใหญ่ที่สุดในประเทศแถบบอลติกอีกด้วย วิหารแห่งริก้าสร้างขึ้นเมื่อปี 1211 ต่อมาในปี 1226 วิหารแห่งริก้าได้ถูกต่อเติมให้ยิ่งใหญ่ขึ้นกว่าเดิม และอลังการขึ้นอีกในปี1595 มีหอคอยสูง 90 เมตร แต่ก็ยังคง ทั้งยังเป็นวิหารที่เก่าแก่ที่สุดในเมืองริก้าแห่งนี้ความสวยงามอยู่เช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
  • ถ่ายรูปอนุสาวรีย์อิสระภาพ (Freedom Monument) ซึ่งเป็นเหมือน สัญลักษณ์แห่งอิสรภาพของชาวลัตเวียที่หลุดพ้นจากชาติมหาอำนาจทั้งหลาย อนุสาวรีย์ Turaida Castle แห่งนี้ สร้างในปี 1935 เป็นรูปหญิงสาวนามว่า MILDA กำลังชูดาว 3 ดวงไว้เหนือศีรษะจนสุดแขน มีความสูงประมาณ 42 เมตร ซึ่งดาวทั้งสามนั้นเป็นสัญลักษณ์แทนการรวมตัวกันของภูมิภาคทั้งสามของลัตเวียซึ่งก็คือ KURZEME, VIDZEME และ LATGALE
  • อิสระให้ท่านได้ชมเมืองและช้อปปิ้งสินค้าพื้นเมืองตามอัธยาศัย                                                              12 Things to do in Riga as a tourist - Destinavo.com

พิเศษ : ช่วงระหว่าง วันที่ 30 พ.ย. 2567 – 2 ม.ค. 2568 ท่านจะได้พบกับเทศกาลตลาดคริสต์มาส

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารจีน
 
WELLTON RIGA HOTEL & SPA หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว  

** หมายเหตุ : โรงแรมมีจำกัด หากเต็ม ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลง**

DAY6

ริก้า - ฟิลส์รันดาเล - พระราชวังรุนดาเล - สุสานไม้กางเขน - เคานัส

รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก 

  • นำท่านเดินทางสู่ เมืองฟิลส์รันดาเล (Pilsrundale) (ระยะทาง 80 กิโลเมตร ใช้เวลา 1 ชม.)
  • นำท่านเข้าชมพระราชวังรุนดาเล (Rundale Palace) ที่พำนักของ ดยุคแห่งคอร์ทแลนด์ (Dukes of Courtland) ตัวพระราชวังออกแบบโดยสถาปนิกชาวอิตาเลียนที่ออกแบบพระราชวังเฮอร์มิเทจที่นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กทำให้พระราชวังแห่งนี้มีความงดงามไม่แพ้ที่ใดในยุโรป นอกจากนี้พระราชวังรุนดาเลยังได้รับยกย่องให้เป็นสุดยอดของการออกแบบสถาปัตยกรรมที่เป็นการประยุกต์ ของสองวัฒนธรรมระหว่างเยอรมันและรัสเซียได้อย่างลงตัวที่สุดในทวีปยุโรป                                                      File:Rundale Palace (6483271573).jpg - Wikimedia Commons

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

  • นำท่านเดินทางสู่ สุสานไม้กางเขน (Hill of Crosses) (ระยะทาง 75 กิโลเมตร ใช้เวลา 1 ชม. 10 นาที) คอยดึงดูดนักท่องเที่ยว จากทั่วทุกสารทิศให้มาเยือน สถานที่ทางประวัติศาสตร์ แห่งนี้มีความเป็นมายาวนานตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 โดยเริ่ม จากที่ชาวเมืองพากันมาวางไม้กางเขนที่สุสานแห่งนี้เพื่อ เรียกร้องอิสรภาพจากการบุกรุกของผู้คนภายนอก ต่อมามีการพยายามรื้นถอนจากคอมมิวนิสต์สมัยที่เมืองถูกคุกคาม โดยสหภาพโซเวียต เป็นกระตุ้นให้ผู้คนนำไม้กางเขนมาวาง ณ สุสานแห่งนี้มากยิ่งขึ้นจนในปี ค.ศ. 1991 จึงชนะ การรุกราน ปัจจุบันที่แห่งนี้มีไม้กางเขนหลายขนาดตั้งรวม กันกว่าหนึ่งแสนชิ้นคู่กับรูปปั้นพระเยซูและพระแม่มารี ก่อให้เกิดเป็นเนินเขา อีกตำนานหนึ่งเล่าว่ามีผู้ป่วยคน หนึ่งที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้าน Jurgaiciy ได้ตั้งปฏิญาณ ต่อพระเจ้าในปี ค.ศ. 1847 ว่าจะปักไม้กางเขนบนเนินเขา แห่งนี้หากเขาหายจากอาการเจ็บป่วย ต่อมาปาฏิหาริย์ เกิดขึ้นจริง จึงทำให้ผู้คนที่รับรู้เรื่องดังกล่าวนำไม้กางเขน มาปักที่แห่งนี้และอธิษฐานขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคล ต่อตนเอง                          Hill Of Crosses - Lithuania. - Holiday From Where
  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองเคานัส (Kaunas) (ระยะทาง 190 กิโลเมตร ใช้เวลา 2 ชม. 20 นาที) เมืองใหญ่อันดับ 2 ของประเทศลิทัวเนีย เมืองเคานัสนี้ถือเป็นเมืองศูนย์กลางในภูมิภาคนี้มาตั้งแต่ช่วงยุคศตวรรษที่ 15 เป็นเมืองที่มีความสำคัญในด้านการเป็นเมืองสำคัญทางด้านประวัติศาสตร์ เป็นเมืองศูนย์กลางทั้งด้านเศรษฐกิจการค้า การศึกษา และวัฒนธรรมมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้เมืองเคานัสยังเคยเป็นเมืองหลวงชั่วคราวของลิทัวเนีย และเคยได้ชื่อว่า “ลิตเติ้ล ปารีส” ด้วยความร่ำรวยทั้งด้านวัฒนธรรม แฟชั่น การค้า และการศึกษาที่คล้ายคลึงกับปารีสอย่างมากThree capitals of culture for a European city break

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
RADISSON BLU HOTEL KAUNAS หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว

** หมายเหตุ : โรงแรมมีจำกัด หากเต็ม ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลง**

DAY7

เคานัส - ชมเมือง - เคไนเด - วิลนีอุส

รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก 

  • นำท่านถ่ายรูปกับ ปราสาทเคานัส (Kaunas Castle) ปราสาทโบราณที่สันนิษฐานว่าได้ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ช่วงกลางศตวรรษที่ 14 สวยสง่าด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์โกธิค ตัวปราสาทตั้งอยู่ใกล้กับจุดบรรจบของสองแม่น้ำ ออกแบบให้เป็นทั้งป้อมปราการป้องกันเมืองและปราสาทขนาดใหญ่Tickets & Tours - Kaunas Castle, Kaunas - Viator
  • นำท่านชมย่านเมืองเก่าเคานัส (Kaunas Old Town) ที่ได้ชื่อว่าเป็นศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์ของเมือง มากมายด้วยแลนด์มาร์กและสิ่งก่อสร้างที่ได้ถูกอนุรักษ์เอาไว้อย่างดีตั้งแต่ช่วงยุคกลาง ท่านจะได้เห็นศิลปะจากหลายยุคไม่ว่าจะเป็น โกธิคเรเนสซองส์ และบาโรค ศาลาว่าการเมืองเคานัส (Kaunas Town Hall) อาคารโบราณสีขาวที่โดดเด่นด้วยหอคอยสูงถึง 53 เมตร เป็นอาคารที่สูงที่สุดในย่านเมืองเก่าแห่งนี้ ศาลาว่าการได้ถูกเริ่มสร้างขึ้นครั้งแรกเมืองปี 1542 มีการสร้างเสริมเพิ่มเติมและบูรณะใหม่หลายต่อหลายครั้ง แต่ศาลาว่าการแห่งนี้ก็เป็นศูนย์กลางเมืองมาตั้งแต่ช่วงยุคกลาง ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ชุมนุม ซื้อขายแลกเปลี่ยน จัดงานรื่นเริง จัดงานแต่งงาน หรือกระทั่งพิธีสำคัญทางการเมืองก็มักจัดขึ้นที่นี่ Centras (Kaunas) - Wikipedia
  • ชม (ภายนอก) มหาวิหารเคานัส (Kaunas Cathedral) มหาวิหารสำคัญประจำเมืองแห่งนี้ได้ถูกสร้างขึ้นด้วยอิฐในสไตล์โกธิคตั้งแต่ช่วงต้นศตวรรษที่ 15 เป็นโบสถ์แห่งนิกาน โรมันคาทอลิกที่อุทิศแด่ เซนต์ปีเตอร์และเซนต์พอลและได้ถูกจัดให้เป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างที่เป็นมรดกทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญของลิทัวเนียอีกด้วย
  • นำท่านเดินทางสู่เมือง เคไดเน (Kėdainiai) (ระยะทาง 50 กิโลเมตร ใช้เวลา 1 ชม.) เคไดเนเป็นหนึ่งในเมืองเก่าแก่ที่สุดของประเทศ โดยเขตเมืองเก่าที่ได้รับอิทธิพลจากชาวยิวและได้รับการอนุรักษ์เป็นอย่างดีนั้นมีประวัติความเป็นมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 17

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

  • นำท่านชม โบสถ์เซนต์จอร์จ (St.George Church) เป็นอาคารที่เก่าแก่ที่สุดในKėdainiai โบสถ์แห่งนี้สร้างขึ้นในราวปี 1460 โบสถ์ล้อมรอบด้วยแม่น้ำวาร์ลูปิส ภายในตกแต่งด้วยแท่นบูชาสไตล์บาโรกตอนปลาย โบสถ์แห่งนี้เป็นหนึ่งในโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดในลิทัวเนีย
  • จากนั้นอิสระท่านเดินเล่น ณ ย่านเมืองเก่า
  • นำท่านเดินทางสู่ เมืองวิลนีอุส (Vilnius) (ระยะทาง 130 กิโลเมตร ใช้เวลา 1 ชม. 40 นาที) เมืองหลวงแห่งลิธัวเนีย เป็นย่านเมืองเก่าแก่มากที่สุดในเขตยุโรปกลาง จนได้รับฉายาว่า “เมืองหลวงแห่งวัฒนธรรมยุโรป” ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกเมื่อปี ค.ศ. 1994 เต็มไปด้วยเสน่ห์ของสถาปัตยกรรมในยุคกลาง

พิเศษ : ช่วงระหว่าง วันที่ 29 พ.ย. 2567 – 1 ม.ค. 2568 ท่านจะได้พบกับเทศกาลตลาดคริสต์มาส

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารจีน

RADISSON BLU HOTEL LIETUVA หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว

** หมายเหตุ : โรงแรมมีจำกัด หากเต็ม ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลง**

DAY8

วิลนีอุส - ทราไก - วิลนีอุส - ชมเมือง

รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก 

  • นำท่านเดินทางสู่ เมืองทราไก (Trakai) (ระยะทาง 30 กิโลเมตร ใช้เวลา 30 นาที) เป็นเมืองหลวงเก่าของลิธัวเนีย ปัจจุบันเมื่อไม่ได้ดำรงสถานะเมืองหลวงแล้ว ทราไกเป็นเพียงเมืองเล็กๆ ที่เงียบสงบ น่าอยู่น่าแวะไปเที่ยวมาก และยังได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่มากด้วยเสน่ห์แห่งทะเลสาบน้อยใหญ่กว่า 100 แห่ง ทั้งยังมีเกาะอีกกว่า 20 แห่ง ทราไกเป็นเมืองที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และได้รับความนิยมอย่างมากในการท่องเที่ยว
  • นำท่านเข้าชมปราสาททราไก (Trakai Island Castle) ปราสาทหินที่สร้างโดยดยุคผู้ครองทราไกในอดีตเมื่อราวศตวรรษที่ 14 เพื่อใช้เป็นสถานที่พักผ่อนในฤดูร้อน และก็สร้างอยู่บนทำเลดีเยี่ยมสำหรับการระวังภัย นั่นคือบนเกาะเล็กๆ ในทะเลสาบเกรฟ (Lake Galve) ปราสาทหลังนี้เคยเป็นที่อยู่ของดยุคแห่งทราไกมาก่อน แต่ต่อมาได้เปลี่ยนสภาพเป็นคุกสำหรับกักขังนักโทษจากการที่มีสภาพเป็นเกาะกลางทะเลสาบนั่นเอง ปัจจุบันมีการสร้างสะพานเชื่อมสำหรับการข้ามไปมาระหว่างแผ่นดินใหญ่และเกาะ ความสวยงามที่ปะทะสายตานักท่องเที่ยวเริ่มตั้งแต่ในทะเลสาบเกรฟไปจนถึงตัวปราสาทที่สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิก                                                                                            Trakai | Top Most Beautiful Places in Europe
  • จากนั้นนำท่านเดินทางกลับสู่เมืองวิลนีอุส
  • นำท่านชม ประตูแห่งรุ่งอรุณ (Gate of Dawn) หรือ กำแพงเมืองโบราณ เป็นหนึ่งในสถานที่ทางศาสนานี้ดึงดูดผู้คนจากทั่วทุกมุมโลก สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 16 อาคารด้านบนของกำแพงเป็นที่ประดิษฐานของรูปปั้นพระแม่มาเรีย ภายในประดับด้วยรูปสลักเป็นรูปอวัยวะที่สำคัญต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น แขน ขา มือ ตา หู โดยเฉพาะหัวใจ รูปสลักนี้จะติดอยู่ตามผนังภายในโบสถ์ ส่วนด้านในโบสถ์ได้รับการตกแต่งแบบนีโอคลาสสิค                                                                                                  The Gate of Dawn Chapel of Our Lady of Mercy

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

  • ท่านชมความงดงามของเมืองวินีอุส ชม โบสถ์เซนต์แอน (St.Ann’s Church) นิกายโรมันคาทอลิก สร้างจากไม้ขึ้นในศตวรรษที่ 14 -15 ศิลปะแบบโกธิก ต่อมาได้บูรณะขึ้นใหม่จากอิฐ 33 ชนิด ทาทับด้วยสีแดงเข้มสวยแปลกตา และที่โดดเด่นสง่ามากไม่แพ้กันก็คือ มหาวิหารวิลนีอุส (Vilnius Cathedral) เป็นมหาวิหารขนาดใหญ่ที่สำคัญมาก สร้างขึ้นใน ปี ค.ศ. 1251 สถาปัตยกรรมแบบโกธิก ต่อมาในปี ค.ศ. 1387 ได้เปลี่ยนเป็นสไตล์คลาสสิก บริเวณด้านหน้ามีหอระฆังรูปทรงคล้ายโดมสูง (Bell Tower) ด้านในเป็นพิพิธภัณฑ์เก็บรวบรวมภาพวาดอันทรงคุณค่าในช่วงปลายศตวรรษที่ 14 ไว้เป็นอย่างดี
  • ชม หอคอยเจดิมินัส (Gediminas Tower) เป็นส่วนหนึ่งของปราสาทที่หลงเหลืออยู่ในกรุงวิลนิอุส เรียกได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของกรุงวิลนีอุสและประเทศลิธัวเนีย ธงชาติของประเทศลิธัวเนียถูกยกขึ้นบนยอดหอคอยเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 1988 ระหว่างการเรียกร้องอิสรภาพ การเข้าชมปราสาทนี้มักจะรวมอยู่ในรวมอยู่ในรายการทัวร์รอบกรุงวิลนีอุสเสมอ
  • ชม พระราชวังของท่านแกรนด์ดุ๊ก (Palace of the Grand Dukes) พระราชวังเดิมของท่านแกรนด์ดุ๊กแห่งลิธัวเนีย ในอดีตเป็นศูนย์กลางทางการเมือง, การทูตและวัฒนธรรม เป็นพระราชวังที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรปในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 15-17 และถูกรื้อถอนในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 พระราชวังแห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลางกรุงวิลนีอุส ส่วนหนึ่งของพระราชวังที่สร้างขึ้นใหม่นี้ถูกจัดแสดงเป็นพิพิธภัณฑ์ ภายในห้องโถงมีการตกแต่งแบบโกธิคตอนปลายไปจนถึงยุคเรเนซองส์และยุคบาโรกPalace of the Grand Dukes of Lithuania | Sightseeing | Vilnius

พิเศษ : ช่วงระหว่าง วันที่ 29 พ.ย. 2567 – 1 ม.ค. 2568 ท่านจะได้พบกับเทศกาลตลาดคริสต์มาส

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
RADISSON BLU HOTEL LIETUVA หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว

** หมายเหตุ : โรงแรมมีจำกัด หากเต็ม ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลง**

DAY9

วินีอุส - เฮลซิงกิ - ชมเมือง

รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก 

  • นำท่านเดินทางสู่สนามบินวินีอุส
  • 09.50 น. ออกเดินทางสู่ กรุงเฮงซิงกิ โดยสายการบินฟินแอร์ เที่ยวบินที่ AY 1102

**หมายเหตุ ไฟล์ทบินอาจะมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับความเหมาะสม**

  • 11.35 น. เดินทางถึง สนามบินเฮงซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ นำท่านตรวจรับสัมภาระ

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารไทย

  • นำท่านชม กรุงเฮลซิงกิ (Helsinki) เมืองหลวงของประเทศฟินแลนด์ เจ้าของนาม “ธิดาแห่งทะเลบอลติก” นครลูกครึ่งที่มีประชากรกว่าสี่แสนคนที่นี่มีทั้งชาวฟินน์ และสวีดิช เนื่องจากฟินแลนด์ เคยอยู่ในอารักขาของสวีเดนในอดีต ต่อมาในสมัยพระเจ้าชาร์ของรัสเซีย
  • จากนั้นนำท่านชม อาสนวิหารอุสเพนสเก้ (Uspenski Cathedral) เป็นโบสถ์ออร์ธอดอกซ์รัสเซียที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปตะวันตก ตั้งอยู่บนเนินเขาในเขตประวัติศาสตร์กาตายานอกกา (Katajanokka) ของเฮลซิงกิ สถาปัตยกรรมเก่าแก่อันยิ่งใหญ่ งดงามแปลกตานี้สะท้อนให้เห็นถึงอิทธิพลของรัสเซียที่มีต่อเฮลซิงกิ และสิ่งที่หลงเหลืออยู่ของจักรวรรดิรัสเซียที่เคยปกครองฟินแลนด์อยู่นานกว่า 100 ปี มหาวิหารอุสเพนสเก้มีเอกลักษณ์อันโดดเด่นอยู่ที่หลังคาโดมสีเขียวอ่อนซึ่งมียอดโดมสีทอง สามารถมองเห็นจากระยะไกล ซึ่งนอกจากความสวยงามที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนในยามกลางวันแล้ว ในยามค่ำคืนมหาวิหารแห่งนี้ก็ยังมีการประดับแสงไฟงดงามไม่แพ้กัน ภายในอาสนวิหารตกแต่งอย่างวิจิตรงดงามด้วยสีทองและอัญมณี  ทันทีที่ก้าวเข้าไปนักท่องเที่ยวจะต้องตื่นตาตื่นใจกับทางเดินกลางโบสถ์ ซึ่งมีเพดานสูงงามสง่า ซึ่งหากลองเปรียบเทียบระหว่างโบสถ์ออร์ธอดอกซ์รัสเซียแห่งนี้และโบสถ์ลูเธอรันที่มีอยู่เป็นส่วนใหญ่ในเฮลซิงกิแล้ว จะพบความแตกต่างคือโบสถ์ออร์ธอดอกซ์รัสเซียจะเน้นการตกแต่งที่หรูหราอลังการกว่ามาก     Helsinki Finland Uspenski Orthodox Cathedral Upon Hillside On Katajanokka Peninsula Overlooking City Church Of Red Brick In Summer Sunny Day Stock Photo - Download Image Now - iStock
  • จากนั้นอิสระให้ท่าน ช้อปปิ้งบริเวณถนนเอสปลานาดิ (Esplanadi) ย่านถนนคนเดินสำหรับนักช้อปที่ต้องไม่พลาดมาเยือน เป็นแหล่งช้อปปิ้งใจกลางเมืองซึ่งมีทั้งสินค้าพื้นเมือง
  • จากนั้นอิสระให้ท่าน ช้อปปิ้งบริเวณห้างสรรพสินค้าสต๊อกแมนน์ (STOCKMANN) ห้างใหญ่ที่สุดในสแกนดิเนเวีย

พิเศษ : ช่วงระหว่าง วันที่ 29 พ.ย. – 22 ธ.ค. 2567 ท่านจะได้พบกับเทศกาลตลาดคริสต์มาส

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

RADISSON BLU HOTEL หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว

** หมายเหตุ : โรงแรมมีจำกัด หากเต็ม ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลง **

DAY10

เฮลซิงกิ - สนามบิน

รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก

  • จากนั้นได้เวลานำท่านเดินทางสู่สนามบินเฮลซิงกิ
  • 13.50 น. ออกเดินทางสู่ สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสายการบินฟินแอร์ เที่ยวบินที่ AY 141
DAY11

สนามบินสุวรรณภูมิ - กรุงเทพฯ

  • 06.10 น.   เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ…..


แชร์ให้เพื่อน