ทัวร์อิตาลี อุทยานโดโลไมต์ – ทิโรล 10 วัน
รายละเอียดโปรแกรมทัวร์-ทัวร์อิตาลี อุทยานโดโลไมต์ – ทิโรล 10 วัน
กำหนดการเดินทาง
รอบที่ | วันเดินทาง | ราคา |
---|---|---|
1 | 12 ก.ย. 67 - 21 ก.ย. 67 | 169,900 บาท |
2 | 19 ก.ย. 67 - 28 ก.ย. 67 | 169,900 บาท |
3 | 26 ก.ย. 67 - 5 ต.ค. 67 | 169,900 บาท |
4 | 3 ต.ค. 67 - 12 ต.ค. 67 | 169,900 บาท |
5 | 10 ต.ค. 67 - 19 ต.ค. 67 | 169,900 บาท |
6 | 17 ต.ค. 67 - 26 ต.ค. 67 | 169,900 บาท |
7 | 24 ต.ค. 67 - 2 พ.ย. 67 | 169,900 บาท |
สถานที่สำคัญ
- 1อุทยานแห่งชาติ Dolomites สวยสุดๆ และได้รับ (Unesco)
- 2เปิดประสบการณ์ Hiking ยอดเขา Tre Cime di Lavaredo ยอดเขา 3 ยอด สัญลักษณ์ของอุทยานโดโลไมต์
- 3นั่งกระเช้าสู่ Alpe di Siusi ที่ราบบนยอดเขาที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป (Unesco)
- 4นั่งกระเช้าสู่ Seceda ยอดเขาที่สูงที่สุดในโดโลไมต์
- 5ชมหมู่บ้าน Val di Funes หมู่บ้านมรดกโลกสุดสวยของอุทยานโดโลไมต์
- 6ชมทะเลสาบ Lake Braies ทะเลสาบสีเขียวมรกต ที่ได้ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดในโดโลไมต์ (Unesco)
- 7ชมทะเลสาบ Misurina Lake หนึ่งในทะเลสาบที่มีชื่อเสียงที่สุดในโดโลไมต์
- 8ชมทะเลสาบ Antono หนึ่งในทะเลสาบสุดสวยของโดโลไมต์
- 9ชมหมู่บ้าน Mittenwald / Garmisch หมู่บ้านเฟรสโก้บาวาเรีย สุดสวย (Unseen)
- 10ชมเมือง Brixen / Bolzno / CORTINA D’AMPEZZO เมืองสวยในอุทย่นโดโลไมต์
- 11ชมเมือง Innsbruck หนึ่งในเมืองสวยทที่มีชื่อเสียงระดับโลก
- 12ชมโบสถ์ Ettal หนึ่งในโบสถ์สวยของเยอรมัน (Unseen)
- 13ชมเมือง Munich เมืองหลวงแคว้นบาวาเรียสุดสวย
HappyLongWay
ขอนำเสนอโปรแกรมทัวร์ยุโรป
ทัวร์อิตาลี เส้นทางพิเศษเจาะลึก อุทยานโดโลไมต์ – ทิโรล
10 วัน 7 คืน
โดยสายการบินไทย (TG)
สนามบินสุวรรณภูมิ - กรุงเทพฯ
- 21.00 น. คณะพร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 ประตูทางหมายเลข 4 เคาน์เตอร์ H สายการบินไทย พบเจ้าหน้าที่บริษัทอำนวยความสะดวกในการเช็คอิน
มิวนิค (เยอรมัน) - โบสถ์เอททัล - การ์มิสช์ ปาร์เทนไครเช่น - อุทยานแห่งชาติโดโลไมต์ (อิตาลี) - คอร์ติน่า ดอมปาสโซ่
- 00.50 น. ออกเดินทางบินตรงสู่มิวนิค ประเทศเยอรมัน โดยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 924
- 07.05 น.เดินทางถึง เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมันนี จากนั้นนำท่านผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและตรวจรับสัมภาระเรียบร้อยแล้ว
- นำท่านเดินทางสู่ สำนักสงฆ์แห่งเมืองเอททัล (Ettal Abbey) (ระยะทาง 130 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. 30 นาที) สร้างขึ้นเมื่อ ปี ค.ศ. 1330 ตรงกับวันนักบุญวีตาลิสแห่งมิลาน (Vitalis of Milan) โดย จักรพรรดิลุดวิกที่ 4 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์หรือลุดวิกชาวบาวาเรียน (Ludwig the Bavarian) ที่หุบเขากราสแวง (Graswang valley)
หมายเหตุ : การเข้าชมด้านในโบสถ์บางวันหากมีพิธีสำคัญจะไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้าชม ให้ชมได้แค่เพียงภายนอกเท่านั้น
- จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง การ์มิสช์ ปาร์เทนไครเช่น (Garmisch-Partenkirchen) เป็นหนึ่งใน เมืองที่สวยงามเป็นอันดับต้นๆ ของเยอรมนี เป็นเมืองเล็กๆ ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาพักผ่อนกันบ้านเรือนตกแต่งด้วยสไตล์บาวาเรียน มีภาพเขียนสีตกแต่งตามบ้านเรือนและถือเป็นประตูสู่ยอดเขา Zugspitze ยอดเขาที่สูงที่สุดในประเทศเยอรมันนีและเป็นเมืองสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการเดินป่า เล่นสกี หรือทำกิจกรรมกลางแจ้งต่าง นำท่านเดินเล่นเก็บบรรยากาศอันแสนโรแมนติคของเมือง (ระยะทาง 15 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 20 นาที)
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
- นำท่านเดินทางข้ามพรมแดนสู่อุทยานแห่งชาติในเขตเทือกเขา โดโลไมท์ (Dolomites) เขตทิโรลของประเทศอิตาลี สถานที่ท่องเที่ยวที่คนไทยรู้จักน้อยมาก แต่ความสวยงามของโดโลโมท์เป็นที่เลื่องลื่อซึ่งเป็นอุทยานแห่งชาติเพียงแห่งเดียวของอิตาลี ที่องค์กรยูเนสโกรับรองให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ (Unesco)
- นำท่านเดินทางสู่เมือง คอร์ติน่า ดอมปาสโซ่ (CORTINA D’AMPEZZO) (ระยะทาง 165 กม.ใช้เวลา 2 ชม. 30 นาที) เมืองสกีรีสอร์ทที่อยู่ในอุทยานแห่งชาติเทือกเขาโดโลไมต์ (DOLOMITE) คอร์ติน่า ดอมปาสโซ่ สกีรีสอร์ท BEST OF THE ALPS เพียงแห่งเดียวของอิตาลีที่ได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 10 สกีรีสอร์ทที่ดีที่สุดในโลก เคยใช้เป็นสถานที่จัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวในปี 1956 และเคยเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ เจมส์ บอนด์ 007 ตอน FOR YOUR EYE ONLY
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
AMBRA HOTEL CORTINA D’AMPEZZO หรือเทียบเท่า 4 ดาว (พัก 2คืน)
หมายเหตุ : โรงแรม มีจำนวนจำกัด และบางโรงแรมไม่มีห้อง 2 เตียง หากเต็มทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ไปนอนเมืองใกล้เคียง
คอร์ติน่า ดอมปาสโซ่ - HIKING ยอดเขา Tre Cime di Lavaredo - ยอดเขา Ra Gusela - คอร์ติน่า ดอมปาสโซ่
รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก
- นำท่านเดิน Hiking ระยะทางไป – กลับประมาณ 5 กิโลเมตร เป็นเส้นทางเพื่อนำท่านเดินไปชมยอดเขา Tre Cime di Lavaredo (The Three Peaks of Lavaredo) คือสามยอดเขาที่เป็น Iconic ของอุทยานโดโลไมต์ ตั้งอยู่ในเขตอุทยานเเห่งชาติ Tre Cime Naturel Park
- ให้ท่านเก็บภาพความประทับใจของ ยอดเขา Tre Cime di Lavaredo ตามอัธยาศัย จากนั้นได้เวลานำท่านเดินกลับทางเส้นทางเดิม
*** หมายเหตุ : ท่านที่จะเดิน Hiking ต้องเป็นผู้ที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง สามารถเดินได้สะดวกเท่านั้น ท่านที่ไม่ประสงค์จะไปเดิน hiking หรือไม่สะดวกที่จะไปเดิน ให้ท่านพักผ่อนอยู่โรงแรมที่พักเมืองคอร์ติน่า โดยเมืองคอร์ติน่ามีสินค้าหลากหลายทั้งแบรนด์ชื่อดังและสินค้าพื้นเมือง ให้ท่านเลือกซื้อตามอัธยาศัย ***
- จากนั้นได้เวลานำท่านเดินทางกลับสู่เมืองคอร์ติน่า
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
- จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เส้นทาง Passo di Giau เพื่อนำท่านถ่ายรูปกับ Ra Gusela ภูเขารูปทรงพีระมิด เหนือทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ อิสระให้ท่านถ่ายรูปตามอัธยาศัย (ระยะทาง 20 กม.ใช้เวลา 40 นาที)
- จากนั้นนำท่านกลับสู่โรงแรมที่พัก อิสระให้ทุกท่านพักผ่อนตามอัธยาศัย เดินชมเมืองคอร์ติน่า
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
AMBRA HOTEL CORTINA D’AMPEZZO หรือเทียบเท่า 4 ดาว (พัก 2 คืน)
หมายเหตุ : โรงแรม มีจำนวนจำกัด และบางโรงแรมไม่มีห้อง 2 เตียง หากเต็มทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ไปนอนเมืองใกล้เคียง
คอร์ติน่า - ทะเลสาบมิซุลิน่า - ทะเลสาบ Antorno - ทะเลสาบเบรียส - บริกเซ่น ออร์ติเซ่
รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก
- จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ที่ตั้งทะเลสาบมิซูลิน่า (MISURINA LAKE) ทะเลสาบที่หลบซ่อนตัวในหุบเขา ที่ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งในโดโลไมท์
- นำท่านเดินเล่นชมวิวทะเลสาบเก็บภาพสุดความประทับใจ (ระยะทาง 15 กม.ใช้เวลา 20 นาที)
- จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ทะเลสาบ Antorno ทะเลสาบเล็กๆ ที่อยู่ห่างจากทะเลสาบมิซูริน่า เพียง 2 กิโลเมตรที่มีฉากหลังเป็นยอดเขา Tre Cime เป็นจุดถ่ายรูปที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปกัน ให้ท่านเก็บภาพประทับใจตามอัธยาศัย (ระยะทาง 3 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 10 นาที)
- จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ทะเลสาบเบรียส (Lake Braies) หรือ (Pragser Wildsee) (ระยะทาง 36 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 50 นาที) ทะเลสาบที่ได้ขึ้นชื่อว่าไข่มุกแห่งโดโลไมต์ ตั้งอยู่ในหุบเขาโดโลไมต์ และยังได้เป็นส่วนหนึ่งใน มรดกโลก (Unseco) อีกด้วย ด้วยความโดดเด่นของสีน้ำเขียวมรกตและมีความใสมาก บวกกับธรรมชาติรอบๆ ทั้งทิวต้นสนและทิวภูเขาของเทือกเขาโดโลไมต์ ทำให้ทะเลสาบแห่งนี้งดงามยิ่งนัก
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
- ให้ท่านอิสระถ่ายรูปตามอัธยาศัย
- จากนั้นนำเดินทางเมืองสู่เมืองบริกเซ่น (Brixen) (ระยะทาง 60 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. 15 นาที) เมืองเก่าแก่ในแคว้น South Tyrol ให้ท่านเดินเล่นชมเมืองโดยเมืองบริกเซ่นมีโบสถ์ประจำเมืองคือ Cathedral of Brixen ที่ถูกสร้างขึ้นครั้งแรกในศตวรรษที่10 และมีการรีโนเวตใหม่ในศตวรรษที่18 เป็นโบสถ์สไตล์บาโรก ที่สวยงาม
- จากนั้นอิสระให้ท่านเดินเล่นชมเมืองตามอัธยาศัย
- นำท่านเดินทางเข้าสู่เมือง ออร์ติเซ่ (Ortisei) (ระยะทาง 35 กิโลเมตร ใช้เวลา 50 นาที) เมืองแห่งศูนย์กลางของการท่องเที่ยวในแถบอุทยานโดโลไมต์ เป็นเมืองรีสอร์ทเล็กๆที่ตั้งอยู่ในหุบเขา Dolomites Val Gardena โดยมีเทือกเขาต่างๆอยู่รายล้อม เช่น Seceda, Resciesa, Alpe di Siusi, Monte Piz และ Col de Mesdí ฯลฯ ที่นี่จัดได้ว่าเป็นเมืองศูนย์กลางการท่องเที่ยวโดโลไมต์ในด้านตะวันตก จึงมีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมเยือนตลอดทั้งปี ในฤดูหนาวกิจกรรมหลักก็หนีไม่พ้นการเล่นสกี ในฤดูร้อนก็เป็นการเดินป่า ปีนเขา ขี่จักรยาน ฯลฯ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
GENZIANA ORTISEI HOTEL หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว
หมายเหตุ : โรงแรมออร์ติเซ่ มีจำนวนจำกัด และบางโรงแรมจะปิดตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม หากเต็มทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ไปนอนเมืองใกล้เคียง
ออร์ติเซ่ - ทะเลสาบ Carezza - เมืองโบซาโน่ - วาลด์ เด ฟุเน่ - โบสถ์ Santa Maddalena - โบสถ์ San Giovanni - ออร์ติเซ่
รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก
- จากนั้นนำท่านชมทะเลสาบ Carezza Lake หรืออีกชื่อคือ “Lec de ergobando” แปลได้ว่า ทะเลสาบสายรุ้ง (ระยะทาง 53 กิโลเมตร ใช้เวลา 1 ชม.) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทะเลสาบที่มีชื่อเสียงในอุทยานโดโลไมต์ น้ำในทะเลสาบมีหลายเฉดสีตั้งแต่ เขียว,เทอร์ควอยซ์,ฟ้าและน้ำเงิน ทำให้ทะเลสาบแห่งนี้ถูกเรียกว่าทะเลสาบสายรุ้ง มีฉากหลังเป็นเทือกเขา Latmar ด้วยวิวทะเลสาบสีเขียวทองที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยเขาสูงปลายแหลม สะท้อนสีสันหลากหลายของธรรมชาติ เป็นอีกจุดแวะถ่ายรูปที่พลาดไม่ได้
- จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองโบลซาโน่ (Bolzano) (ระยะทาง 35 กิโลเมตร ใช้เวลา 50 นาที) เมืองใหญ่สุดเป็นประตูสู่เขตโดโลโมต์ นำท่านเดินเล่นชมจัตุรัสกลางของ Bolzano คือ Piazza Walther (Waltherplatz) ซึ่งเป็นพื้นที่เปิดโล่งที่มีการจัดตลาดและเทศกาลต่างๆ และยังเป็นที่ตั้งโบสถ์สำคัญของเมืองด้วย อิสระให้ท่านเดินเล่นเลือกซื้อสินค้าตามอัธยาศัย
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน
- จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ชุมชน Val di funes หรือ Villnöß ชุมชนเล็กๆทางภาคตะวันตกของอุทยานโดโลไมต์ (ระยะทาง 40 กิโลเมตร ใช้เวลา 50 นาที) ประกอบไปด้วยหมู่บ้านเล็กๆ 6 หมู่บ้าน โดยมีชื่อเสียงจากการมีวิวทิวทัศน์ที่สวยที่ในเขต South Tyrol
- อิสระให้ท่านเก็บภาพความประทับใจ จากนั้นนำท่านเก็บภาพความประทับใจอีกนึงสถานที่ ณ โบสถ์ Santa Maddalena โบสถ์ที่ถือเป็นสถานที่ไฮไลต์ทที่ถูกถ่ายรูปมากที่สุดในอุทยานโดโลไมต์ มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามมีฉากหลังเป็นเทือกเขา Odles (การเดินขึ้นไปเก็บภาพความประทับใจนี้ ท่านจะต้องเดินขึ้นเนินประมาณ 2 กิโลเมตร เพื่อไปเก็บภาพ)
- อิสระให้ท่านเก็บภาพตามอัธยาศัย จนได้เวลานำท่านเดินทางกลับ
- นำท่านถ่ายรูปกับโบสถ์ St.Johannโบสถ์เล็กๆ ล้อมรอบไปด้วยต้นสนและ ยอดเขาแหลมของเทือกเขาโดโลไมต์ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ในโดโลไมต์ที่ถูกถ่ายภาพเป็นอันดับต้นๆ เลยที่เดียว
- จากนั้นนำท่านเดินทางสู่โรงแรมที่พัก
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
GENZIANA ORTISEI HOTEL หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว
หมายเหตุ : โรงแรมออร์ติเซ่ มีจำนวนจำกัด และบางโรงแรมจะปิดตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม หากเต็มทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ไปนอนเมืองใกล้เคียง
ออร์ติเซ่ - ขึ้นกระเช้า SECEDA - ขึ้นกระเช้า Alpe Di Siusi - ออร์ติเซ่
รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก
- จากนั้นนำท่านเดินทางสู่สถานีเคเบิ้ลคาร์ Ortisei – Funes – Seceda นำท่านนั่งกระเช้า 2 ต่อ เพื่อขึ้นชม ยอดเขา Seceda ความสูงประมาณ 2,500 เมตร โดยความพิเศษของยอดเขาคือ มีลักษณะลักษณะคล้ายเปลวเพลิงที่เป็นหิน จนนักท่องเที่ยวต่างให้เรียนขานกันว่า Flame frozen in stone
หมายเหตุ : การนั่งกระเช้า หากสภาพอากาศหรือมีเหตุขัดข้องไม่สามารถขึ้นได้ ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการงดให้นั่งกระเช้าเพื่อความปลอดภัยของทุกท่าน หรือหากยังไม่เปิด
** เคเบิ้ลคาร์ขึ้นชม Seceda ตั้งแต่ ปลายเดือนพ.ค. – ต้นเดือน พ.ย. 2567 **
*** หมายเหตุ : หากกระเช้ายังไม่เปิดหรือไม่สามารถขึ้นชมได้ทางบริษัทจะนำท่านเปลี่ยนไปชมหมู่บ้านKastelruth/Castelrotto ซึ่งถือเป็น1ใน5หมู่บ้านในเขตโดโลไมต์ที่สวยงาม ***
- ให้ท่านอิสระได้ถ่ายรูปเก็บภาพความประทับใจ
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
- จากนั้นนำท่านนั่งกระเช้าขึ้นสู่บนเนินเขาที่เราเรียกว่า “ALPE DI SIUSI” นำท่านชมวิวทิวทัศน์บนทุ่งหญ้า ราบเลียบบนภูเขา Seiser Alm ที่ได้ขึ้นชื่อว่ากว้างใหญ่ที่สุดในยุโรป และยังได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก Unesco อีกด้วย
- นำท่านขึ้นกระเช้า Ortisei / St.Ulrich – Seiser Alm / Alpe di Suisi นำท่านขึ้นไปที่ระดับความสูง 1,684 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล
- ท่านจะได้สัมผัสความงดงามอันประหลาดมหัศจรรย์ของดินแดนเทือกเขาโดโลไมต์ จากมุมสูงรอบด้าน ชมทัศนียภาพอันยิ่งใหญ่ของหุบเขา โตรกผา โดยมีเทือกเขา SASOLUNGO MOUNTAIN RANGE ที่มีรูปทรงประหลาดยอดเขาแหลมชันเป็นจุดเด่น
- อิสระให้ท่านเดินเล่นหรือนั่งจิ๊บกาแฟตามอัธยาศัย
หมายเหตุ : การนั่งกระเช้า หากสภาพอากาศหรือมีเหตุขัดข้องไม่สามารถขึ้นได้ ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการงดให้นั่งกระเช้าเพื่อความปลอดภัยของทุกท่าน
**กระเช้าขึ้นชม Alpe Di Siusi เปิดตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคม – ต้นเดือนพฤศจิกายน 2567 **
- จากนั้นนำท่านกลับลงสู่ด้านล่าง นำท่านเดินย่านใจกลางเมืองที่มีร้านค้า ร้านอาหาร และโรงเเรมต่างๆตั้งอยู่ อาคารเเต่ละหลังต่างมีเอกลักษณ์และตกเเต่งได้อย่างน่ารัก สวยงาม เป็นบริเวณที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเดินเล่นและจับจ่ายใช้สอยกันอย่างคึกคัก บางคนยกย่องให้เป็นถนนคนเดินสายช็อบปิ้งที่สวยงามที่สุดของโดโลไมท์เลยทีเดียว
- ให้ท่านชมโบสถ์ Saint Ulrich ตั้งอยู่ทิศเหนือของเมือง สถาปัตยกรรมสไตล์เรอเนสซองซ์และประติมากรรมบาโรก ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมือง
- อิสระให้ทุกท่านพักผ่อนตามอัธยาศัย
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
GENZIANA ORTISEI HOTEL หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว
หมายเหตุ : โรงแรมออร์ติเซ่ มีจำนวนจำกัด และบางโรงแรมจะปิดตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม หากเต็มทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ไปนอนเมืองใกล้เคียง
ออร์ติเซ่ - วิพิทีโน่ - อินน์สบรูค
รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก
- จากนั้นได้เวลานำท่านออกเดินทางสู่เมืองวิพิทีโน่ (Vipiteno) (ระยะทาง 80 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. 15 นาที) เป็นเมืองเล็กๆ ทางตอนเหนือของอิตาลีที่มีบรรยากาศคล้ายคลึงกับออสเตรียมาก ด้วยความที่อยู่ใกล้กับออสเตรีย ถือเป็นเมืองหนึ่งในอิตาลีที่ถูกโอบล้อมด้วยภูเขาและธรรมชาติ ในเมืองจะมีถนนเส้นหลักตัดผ่านกลางเมือง สองข้างทางเต็มไปด้วยตึกสีพาสเทลหวานๆสดใส มีหอนาฬิกาของเมืองสูงเด่นเป็นสง่าบ่งบอกว่าที่นี่เป็นเมืองเก่าแก่เมืองหนึ่งของยุโรปเมืองเล็กแห่งนี้เรียกว่าน่ารักมาก หน้าร้อนจะเต็มไปด้วยดอกไม้หลากสีสันเต็มกระถางหน้าบ้าน ให้ท่านอิสระถ่ายรูปและเดินเล่นชมเมืองตามอัธยาศัย
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
- จากนั้นนําท่านออกเดินทางสู่ เมืองอินน์สบรูค (Innsbruck) (ระยะทาง 58 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1 ชม.) หนึ่งในสามเมืองเอกด้านการท่องเที่ยวของประเทศออสเตรีย ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำอิน “Inn River” และโอบล้อมไปด้วยเทือกเขาเอลป์ เดิมเป็นเมืองตากอากาศของจักรพรรดิ แม็กซิมิเลียนแห่งราชวงศ์ฮอฟบวร์ก เพราะอากาศดีมากผู้ที่เข้ามาปกครองจักรวรรดิออสเตรียต่างก็ต้องติดใจมาพักผ่อนในเมือง แห่งนี้ ระหว่างทางท่านจะได้พบกับวิวสองข้างทางที่สวยงาม ตามถนนเส้นทางอัลไพน์ ผ่านทั้งเทือกเขาเอลป์ ทะเลสาบ หมู่บ้าน ทุ่งหญ้า
- นําท่านถ่ายรูปด้านนอกกับ อาคารหลังคาทองคํา (Goldenness Dachl) ที่สร้างขึ้นด้วยความประณีตละเอียดอ่อน และมีอายุเก่าแก่กว่า 500 ปี จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของเมือง ประทับใจกับ เฮลบลิงเฮ้าส์ (Helblinghaus) ตึกสมัยโกธิคตอนปลายที่มีการเพิ่มศิลปะแบบโรโค เข้าไปในศตวรรษที่18 ทําให้ดูโดดเด่นและหรูหรายิ่งขึ้น โรงแรมโกลเดน เนอร์แอดเลอร์ (Goldener Adler Hotel) สร้างตั้งแต่ ค.ศ.ที่16 เป็น โรงแรมที่เก่าแก่ที่สุดของเมืองและยังเคยใช้ต้อนรับ อะคันตุกะจากต่างแดน มาแล้วอย่างมากมาย
- นำท่านถ่ายรูปด้านนอกกับ พระราชวังฮอฟบูร์ก “Hofburg Palace” พระราชวังที่ราช สํานักใช้แปรพระราชฐานในช่วงฤดูหนาวและบันทึกภาพสวยจากอาคาร เรอเนสซองส์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศออสเตรีย
- นำท่านเดินชมเมืองอินน์สบรูค ให้ท่านอิสระได้เลือกซื้อสินค้าตามอัธยาศัย
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารจีน
GRAUER BAR HOTEL INNSBR หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว
อินน์สบรูค - มิดเท่นวาลด์ - มิวนิค
รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก
- จากนั้นนำท่านออกเดินทางสู่เมือง มิดเท่นวาลด์ (Mittenwald) (ระยะทาง 20 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 30 นาที) พรมแดนระหว่างเยอรมันกับออสเตรีย หมู่บ้านเล็กๆ ล้อมรอบไปด้วยเทือกเขาเอลป์ และได้ขึ้นชื่อว่าเป็น 1 ใน 10 หมู่บ้านติดอันดับความสวยของเยอรมัน ถือเป็นสถานที่ UNSEEN ของเยอรมันด้วย
- นำท่านชมเมืองสูดอากาศอันบริสุทธิ์ เดินเล่นนั่งจิบกาแฟ ชมวิวทิวทัศน์หรือเลือกสินค้าที่ระลึก
- จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ นครมิวนิค (MUNICH) ประเทศเยอรมัน(ระยะทาง 110 กิโลเมตร ใช้เวลา 1 ชม. 30 นาที) เมืองที่เต็มไปด้วยความสวยงามด้านสถาปัตยกรรมในหลายรูปแบบ ไม่ว่าแบบเรอเนซองส์ คลาสสิคหรือทันสมัย
- นำท่านผ่านชมสถานที่สำคัญๆ มากมาย อย่างโรงละครโอเปร่า หน่วยงานราชการต่างๆบนถนนสายสำคัญ อย่างถนนแม็กซิมิเลียน ถนน ฟรานซ์โจเซฟฯลฯ
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารไทย
- นำท่านเดินทางสู่ จตุรัสมาเรียน พลัทซ์ (Marienplatz) หรือ จัตุรัสมารี (Mary) แลนด์มาร์คใจกลางเมือง ในอดีตพื้นที่นี้เคยเป็นตลาดเรียกว่า “ตลาดสี่เหลี่ยม” ภายหลังได้กลายเป็นที่ตั้งของ New Town Hall ได้รับการออกแบบและตกแต่งในสไตล์โกธิค ในบริเวณจตุรัสประกอบไปด้วย ศาลากลางเก่าที่มีซุ้มประตูและหอคอย ศาลาว่าการ New Town สถาปัตยกรรมเสารูปปั้นของพระแม่มารีสีทอง น้ำพุปลา และหอคอย Glockenspiel ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ในช่วงฤดูร้อนจะมีการโชว์ระบำตุ๊กตาในช่วงเวลา 11.00 น. – 12.00 น. และ 17.00 น.
- จากนั้นให้ท่านอิสระช้อปปิ้งตามอัธยาศัย หรือเลือกเดินเล่นชมเมืองถ่ายรุปบริเวณจัตุรัสมาเรียน ตามอัธยาศัย
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง ขาหมูเยอรมัน + เบียร์
MÖVENPICK HOTEL MUNCHEN AIRPORT หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว
มิวนิค - สนามบิน
รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก
- อิสระทุกท่านพักผ่อนตามอัธยาศัย
- จากนั้นได้เวลานำท่านเดินทางสู่สนามบิน ให้ท่านได้มีเวลาทำ TAX REFUND
- 14.25 น. ออกเดินทางกลับสู่กรุงเทพ โดยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 925
สนามบินสุวรรณภูมิ - กรุงเทพฯ
- 06.05 น. เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพมหานคร โดยสวัสดิภาพ