ทัวร์สก๊อตแลนด์ (ไฮแลนด์) – ไอร์แลนด์ (เหนือ – ใต้)
รายละเอียดโปรแกรมทัวร์-ทัวร์สก๊อตแลนด์ (ไฮแลนด์) – ไอร์แลนด์ (เหนือ – ใต้)

กำหนดการเดินทาง
รอบที่ | วันเดินทาง | ราคา |
---|---|---|
1 | 16 มิ.ย. 68 - 29 มิ.ย. 68 | 259,900 บาท |
2 | 7 ก.ค. 68 - 20 ก.ค. 68 | 259,900 บาท |
3 | 4 ส.ค. 68 - 17 ส.ค. 68 | 259,900 บาท |
สถานที่สำคัญ
- 1ชม Isle of Skye สถานที่ท่องเที่ยวที่ว่ากันว่าสวยที่สุดของสก๊อตแลนด์
- 2ชม Cliff of Moher หน้าผาริมทะเล สถานที่ท่องเที่ยวอันดับหนึ่องของไอร์แลนด์
- 3ชม Giant’s Causeway หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่อัศจรรย์ที่สุดของโลก
- 4ชม The Dark Hedge แนวถนนต้นไม้สุดลึกลับ
- 5ชม Glenfinnan Viaduct สะพานรถไฟสุดสวย ใช้ถ่ายทำภาพยนตร์ เรื่อง Harry Potter
- 6ชมทะเลสาบ Loch Ness ทะเลสาบมีชื่อเสียงของสกอตแลนด์ จากเรื่องเล่าตำนานของ NESSIE
- 7ชมทะเลสาบ Loch Lomond ทะเลสาบน้ำจืดที่สวยที่สุดในสก๊อตแลนด์
- 8นั่งกระเช้า The Nevis Range ชมความสวยงามของยอดเขา Ben Nevis ภูเขาที่สูงที่สุดใน Britain
- 9ชมพิพิธภัณฑ์เรือ Titanic
- 10ชม Kylemore Abbey ปราสาท Unseen ที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันสวยงาม
- 11ชม Blarney Castle หนึ่งในปราสาทที่สวยที่สุดของไอร์แลนด์
- 12ชม Rock of Cashel ปราสาทหินสุดมหัศจรรย์ หนึ่งในปราสาทสุดสวยของไอร์แลนด์
- 13ชม Edinburgh เมืองและปราสาทแสนสวยของสก๊อตแลนด์
- 14ชม Dublin เมืองและปราสาทสุดสวยของไอร์แลนด์
- 15ชม Belfast เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดในไอร์แลนด์เหนือ
- 16ชม Glasgow เมืองใหญ่ที่สุดของสก๊อตแลนด์
HappyLongWay
ขอนำเสนอโปรแกรมทัวร์ยุโรป
สก๊อตแลนด์ (ไฮแลนด์) – ไอร์แลนด์ (เหนือ – ใต้)
14 วัน 11 คืน
โดยสายการบินการ์ตาร์ แอร์เวย์ (QR)
สนามบินสุวรรณภูมิ - โดฮา
- 17.00 น. คณะพร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 เคาน์เตอร์ Q ประตู 8 สายการบินการ์ตาร์ แอร์เวย์ พบเจ้าหน้าที่บริษัทอำนวยความสะดวกในการเช็คอิน
- 20.00 น. ออกเดินทางสู่โดฮา โดยสายการบินการ์ตาร์ แอร์เวย์ เที่ยวบินที่ QR 835
- 22.45 น. เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติโดฮา (แวะพักเปลี่ยนเครื่อง)
**หมายเหตุ ไฟล์ทบินอาจมีการเปลี่ยนแปลง***
โดฮา - เอดินเบิร์ก - ชมเมือง
- 00.55 น. เดินทางสู่กรุงเอดินเบิร์ก โดยสายการบินการ์ตาร์ แอร์เวย์ เที่ยวบินที่ QR031
- 06.25 น. เดินทางถึงอากาศยานเอดินบะระ ประเทศสก๊อตแลนด์
- นำท่านชม เมืองเอดินเบิร์ก หรือ เอดินเบอระ (Edinburgh) เมืองหลวงและเมืองศูนย์กลางวัฒนธรรม แห่งความภาคภูมิใจของชาวสก๊อต เป็นเมืองศูนย์กลางของประเทศสก๊อตแลนด์ ตั้งแต่ยุคศตวรรษที่ 15 เจ้าของสมญานามกรุงเอเธนส์แห่งยุโรปเหนือ เป็นเมืองที่เจริญมากที่สุดเมืองหนึ่งในสหราชอาณาจักร มีศูนย์กลางเมืองตั้งอยู่รอบ ๆ ปราสาทเอดินเบิร์ก เมืองเอดินเบิร์กนั้นขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งเทศกาลต่าง ๆ ตัวอย่างงานสำคัญที่ถูกจัดขึ้นในเมืองเอดินเบิร์ก ได้แก่ เทศกาลศิลปะนานาชาติ Fringe ภาพยนตร์ วิทยาศาสตร์ งานหนังสือเด็ก เพลงแจ๊ส และเพลงพื้นบ้าน ในช่วงเทศกาลเหล่านี้ โดยเฉพาะช่วงเดือนสิงหาคมหรือช่วงหน้าร้อนของสหราชอาณาจักร เมืองเอดินเบิร์ก จะมีจัดงานเทศกาลประจำปีที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวมาที่เมืองนี้เป็นจำนวนมาก จนทำให้เมืองนี้ติดอันดับเมืองที่มีนักท่องเที่ยวมากที่สุดเป็นอันดับสองของสหราชอาณาจักรรองจากลอนดอน
- นำท่านเข้าชม ปราสาทแห่งเอดินเบอระ (EDINBURGH CASTLE) ที่สร้างตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 11 เป็นต้นมา ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่บนเนินเขา ซึ่งนับว่าเป็นโบราณสถานที่ชาวสก็อตหวงแหนและให้ความนิยมในการมาเที่ยวชมมากที่สุด ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก็บและดูแล รักษาทรัพย์สมบัติของราชวงศ์มากมาย อาทิ คฑาประจำเมือง พระแสงดาบ มงกุฎ
- นำท่านขึ้นชมวิวเมือง ณ บริเวณ Carlton Hill ให้ท่านถ่ายรูปเก็บบรรยากาศของเมือง เอดินเบิร์กตามอัธยาศัย แบบพาโนรามา
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน
- จากนั้นให้ท่านเดินเล่น ถนนรอแยลไมล์ (ROYAL MILE) พระราชวังโฮลี่รู๊ด, อนุสาวรีย์ของท่านเซอร์ วอลเตอร์ สก๊อต, อาคารพิพิธภัณฑ์ที่สร้างใน สถาปัตยกรรมยุคคลาสสิค จนทำให้เอดินเบอระได้รับการยกย่องว่าเป็นเอเธนส์แห่งยุโรปเหนือ ให้ทุกท่านอิสระตามอัธยาศัย จนกระทั่งได้เวลาพอสมควร
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
COURTYARD BY MARRIOTT HOTEL หรือเทียบเท่าระดับ 4 ดาว
เอดินเบิร์ก - ทะเลสาบ Loch Ness - ล่องเรือชมทะเลสาบ - ชมปราสาท Urquhart Castle - อินเวอร์เนสส์
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
- นำท่านเดินทางสู่ตอนเหนือหรือที่เรียกกันว่าภูมิภาคไฮแลนด์ (Highland) ของสก๊อตแลนด์ ซึ่งเป็นภูมิภาคที่ได้ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดของสก๊อตแลนด์
- จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ทะเลสาบล็อคเนสส์ (Loch Ness) (ระยะทาง 270 กม. ใช้เวลา 3 ชม. 30 นาที) เป็นทะเลสาบขนาดใหญ่และมีชื่อเสียงของสกอตแลนด์ จากเรื่องเล่าตำนานของเนสซี่ (Nessie) สัตว์ประหลาด ที่อาศัยอยู่ในทะเลสาบ Loch Ness รูปร่างคล้ายไดโนเสาร์มีคอยาว ลำตัวใหญ่มหึมาที่มีคนอ้างว่าถ่ายรูปตัวเนสซี่ ได้ในปี ค.ศ. 1934 ทำให้เป็นเรื่องที่โด่งดังไปทั่วโลก ทำให้ Loch Ness กลายเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวที่มา Highlands นิยมมาเที่ยวกันมากที่สุด
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
- จากนั้นนำท่านล่องเรือชมความสวยงามของทะเลสาบ Loch Ness โดยทะเลสาบล็อคเนสส์เป็นทะเลสาบที่ใหญ่เป็นอันดับสองในสกอตแลนด์ รองจากทะเลสาบลอมอนด์ โดยครอบคลุมพื้นที่ถึง 56 ตารางกิโลเมตร จุดที่ยาวที่สุดมีความยาว 36 กิโลเมตร (ประมาณ 23 ไมล์) และมีความกว้างสูงสุด 2.7 กิโลเมตร (ประมาณ 1.7 ไมล์) ทะเลสาบล็อคเนสส์มีความลึกถึง 230 เมตร ถือเป็น ทะเลสาบที่ลึกเป็นอันดับสองในสกอตแลนด์ รองจากทะเลสาบมัวร์ อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาจากพื้นที่ผิวน้ำและความลึกโดยรวมแล้ว ทะเลสาบล็อคเนสส์อาจกล่าวได้ว่าเป็นทะเลสาบที่มีปริมาณน้ำมากที่สุดในสหราชอาณาจักร โดยกล่าวกันว่าทะเลสาบแห่งนี้มีปริมาณน้ำมากกว่าทะเลสาบทั้งหมดในอังกฤษและเวลส์รวมกัน
- จากนั้นนำท่านชมปราสาท Urquhart Castle ปราสาทแห่งนี้สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 13 ถึง 16 และสร้างขึ้นบนพื้นที่ที่เคยเป็นป้อมปราการในยุคกลางตอนต้น ปราสาท Urquhart มีบทบาทสำคัญในสงครามประกาศอิสรภาพของสกอตแลนด์ และต่อมาถูกยึดครองเป็นปราสาทของราชวงศ์ โดยถูกโจมตีหลายครั้งโดยเอิร์ลแห่งรอสส์ตระกูลแมคโดนัลด์ ปราสาท Urquhart ถูกทำลายบางส่วนในปี 1692 เพื่อป้องกันไม่ให้กองกำลังจาโคไบต์เข้ามาใช้ และต่อมาปราสาทก็ทรุดโทรมลง ปัจจุบัน ปราสาทแห่งนี้เป็นของ Historic Scotland
- จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองอินเวอร์เนสส์ (Inverness) (ระยะทาง 25 กม. ใช้เวลา 30 นาที) เมืองริมทะเลสาบ Loch Ness ให้ท่านได้เดินเล่นชมความสวยงามของเมืองน่ารักแห่งนี้
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
RIVER NESS HOTEL หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว
อินเวอร์เนสส์ - เกาะสกาย (Isle of Skye) - ปราสาทเอเลนอร์ โดนาห์ - The old man of Storr - Kilt Rock and Mealt Falls - พอร์ทรี
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
- จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เกาะสกาย (Isle of Skye) เกาะใหญ่เป็นอันดับสองของสกอตแลนด์ ที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือน เนื่องจากเป็นเกาะที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เหมือนคุณได้หลุดเข้าไปในดินแดนเทพนิยาย รายล้อมด้วยเนินเขาและทะเล (ระยะทาง 170 กม. ใช้เวลา 2 ชม.)
- ระหว่างทางนำท่านแวะถ่ายภาพกับปราสาทเอเลนอร์ โดนาห์ (Eilean Donan Castle) หนึ่งในปราสาทที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นปราสาทสวยงามมากแห่งหนึ่งของโลก จนถูกนำไปใช้เป็นฉากในภาพยนตร์เรื่อง “Highlander” และ เจมส์บอนด์ 007 ตอน “The world is not enough” ปราสาทแห่งนี้ตั้งอยู่ตรงจุดบรรจบของทะเลสาบสามสายได้แก่ Loch Duich, Loch Long และ Loch Aish อดีตเคยใช้เป็นป้อมปราการเพื่อป้องกันการรุกรานของพวกไวกิ้ง เป็นปราสาทให้บรรยากาศหรือการตกแต่งที่ให้ความน่าเกรงขามยิ่งใหญ่ ไม่ได้หรูหราเหมือนปราสาทอื่นๆ ภายนอกเงียบสงบและมีความสวยงามอย่างมาก
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
- นำท่านท่องเที่ยวชมเกาะสกาย นำท่านแวะถ่ายรูปด้านจากล่างกับ The old man of Storr หรือภาษาท้องถิ่น เรียกกัน An Stor แนวเสาหินเรียงตัวกันอยู่บนเขาลักษณะหินที่ดูรูปร่างหน้าตาเหมือนผู้ชายแก่ (หมายเหตุ: เราให้ท่านชม The old man of Storr จากด่านล่างเท่านั้น เพราะการจะชมกลุ่มหินนี้แบบใกล้ชิดท่านจะต้องเดินขึ้นเขาเป็นระยะทางไปกลับประมาณ 8 กม.)
- จากนั้นนำท่านถ่ายรูปกับจุด Kilt Rock and Mealt Falls (ระยะทาง 40 กม. ใช้เวลา 1 ชม.) เป็นจุดชมวิวบนหน้าผาที่มีน้ำตกไหลลงสู่ทะเล ถือเป็นอีกจุดท่องเที่ยวสำคัญของเกาะสกาย
- นำท่านเดินทางสู่เมือง พอร์ทรี (Portree) (ระยะทาง 25 กม. ใช้เวลา 30 นาที) เมืองท่าเล็กๆที่ใหญ่ที่สุดของเกาะสกาย บรรยากาศบ้านเรือนสีสันสดใสคล้ายลูกกวาด ศูนย์กลางนักท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยร้านค้า คาเฟ่ และโรงแรมให้อิสระในการเดินเล่นชมเมือง
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
CUILLIN HILLS PORTREE HOTEL หรือเทียบเท่าระดับ 4 ดาว
หมายเหตุ : โรงแรมบนเกาะสกาย ค่อนข้างมีจำกัดหากเต็มทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์พักเมืองข้างเคียง
เกาะสกาย - ยอดเขา Ben Nevis - สะพานเกลนฟินแนน - ฟอร์ด วิลเลี่ยม
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
- จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง ฟอร์ด วิลเลี่ยม (Fort William) (ระยะทาง 175 กม. ใช้เวลา 2 ชม. 30 นาที) เมืองนี้ได้ชื่อว่าเป็น Outdoor Capital of UK สวรรค์ของนักท่องเที่ยวสายลุยเมืองนี้เต็มไปด้วยกิจกรรมกลางแจ้ง ไม่ว่าจะเป็นเดินป่า ปีนเขา ตกปลา พายเรือ ปั่นจักรยาน เล่นสกีและอื่นๆ
- จากนั้นนำท่านนั่งกระเช้า The Nevis Range เพื่อชมความสวยงามของยอดเขา Ben Nevis ภูเขาที่สูงที่สุดใน Britain (อังกฤษ สก็อตแลนด์ เวลล์ และ ไอร์แลนด์) โดยการขึ้นกระเช้า Nevis Range ขึ้นสู่ ยอดเขา Aonach Mor ที่ระดับความสูง 2,300 ฟุตเหนือน้ำทะเล ที่นี่ยังเป็นที่นิยมสำหรับสายปั่นจักรยานผาดโผน และยังเป็นลานสกีหลักๆของสกอตแลนด์อีกด้วย
- ให้ท่านได้ชมวิวสวยงามตามอัธยาศัย
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
- จากนั้นนำเดินทางไปยังจุดชมวิวบริเวณสะพานเกลนฟินแนน (Glenfinnan Viaduct) (เดินเท้าเข้าไปประมาณ 30 นาที) ที่เชื่อว่าทุกท่านน่าจะเคยเห็นสะพานแห่งนี้มาก่อน เพราะสถานที่แห่งนี้เป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางรถไฟ หัวรถจักรไอน้ำจาโคไบต์ (Jacobite Stream Train) ที่ใช้ถ่ายทำภาพยนตร์ เรื่อง Harry Potter เป็น Hogwarts Express ปัจจุบันรถไฟนี้ยังให้บริการระหว่างเมือง Fort William ไปยังเมือง Malliag เมืองทางตะวันตกของสกอตแลนด์ โดยสะพานนี้ทำจากคอนกรีตลักษณะเป็นเสาโค้ง 21 ต้น ความยาวประมาณ 416 หลา และสูง 100 ฟุต (ยาว 380 เมตร สูง 30 เมตร) ซึ่งมีความแข็งแรงทนทานสามารถใช้งานได้มาจวบจนถึงปัจจุบัน
- จากนั้นนำท่านชม Glenfinnen Monument ที่มีฉากหลังเป็นทะเลสาบและผาสูงเสียดเกินเป็นความสวยงามเกินบรรยาย จากนั้นเดินทางกลับสู่ เมือง ฟอร์ด วิลเลี่ยม
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
THE GARRISON HOTEL FORT WILLIAM หรือเทียบเท่าระดับ 4 ดาว
ฟอร์ด วิลเลี่ยม - ทะเลสาบลอช โลมอนด์ - กลาสโกว์
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
- จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ลอช โลมอนด์ (Loch Lomond) (ระยะทาง 125 กม. ใช้เวลา 1 ชม. 30 นาที) ทะเลสาบน้ำจืดที่สวยที่สุดในสกอตแลนด์และใหญ่ที่สุดในบริเทน สัมผัสบรรยากาศริมทะเลสาบที่จุดชมวิว ซึ่งเป็นสถานที่ที่ราชินีควีนอลิซา เบธ เคยทรงมาประภาสเมื่อปี ค.ศ.1879 โดยท่านจะผ่านถนนเส้น A82 เป็นถนนสายที่ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดในสกอตแลนด์ผ่านหุบเขา Glencoe สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟหลายร้อยล้านปีก่อนเวลาผ่านไปแนวหินนั้นถูกกัดเซาะโดยกระแสลมและน้ำเกิดเป็นหุบเขารูปตัว U เป็นภูมิประเทศที่สวยงามแปลกตา อีกทั้งยังใช้เป็นสถานที่ถ่ายภาพยนตร์ดังเรื่อง เจมส์ บอนด์ ตอน Skyfall อีกด้วย แวะจุดชมวิว The Three Sisters แนวสันเขาที่สวยงาม เขาสามสาวนี้ชื่อว่า Beinn Fhada, Gearr Aonach & Aonach Dubh บริเวณนี้มีเส้นทางเดินป่าที่มีชื่อเสียงเพื่อไปยังภูเขา Bidean nam
- นำท่านเดินทางสู่เมืองกลาสโกว์ (Glasgow) (ระยะทาง 55 กม. ใช้เวลา 1 ชม.) เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของสก็อตแลนด์ ตั้งอยู่บนแม่น้ำไคลด์ ชาวกลาสโกว์ รู้จักกันในชื่อ กลาสวีเจียนส์ (Glaswegians) นอกจากนี้กลาสวีเจียนส์ยังเป็นชื่อสำเนียงท้องถิ่นอีกด้วย ซึ่งนิยมเรียกกันว่า “Glasgow Patter” เมืองกลาสโกว์นั้นถือเป็นเมืองใหญ่ในสหราชอาณาจักรที่มีความเจริญรุ่งเรืองและล้ำหน้ามากที่สุดเมืองหนึ่งและมีการเจริญเติบโตที่รวดเร็วเนื่องจากเป็นเมืองท่าใหญ่ของมหาสมุทรแอทแลนติก และปัจจุบันยังเป็นศุนย์รวมการค้าของประเทศสก็อตแลนด์อีกด้วย
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน
- จากนั้นนำท่านถ่ายรูปกับ มหาวิหารแห่งเมืองกลาสโกว์ (Glasgow Cathedral) สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 12 สร้างขึ้นตามแบบสถาปัตยกรรมโกธิค โดยมหาวิหารแห่งนี้ได้เป็นสุสานฝังศพของนักบุญ Saint Mungo ท่านสามารถเดินเล่นช้อปปิ้ง ณ ถนน Buchanan Street สถานที่แห่งการจับจ่าย หรือการนัดพบของคนเมือง ถนนสายนี้จะเป็นถนนที่มีผู้คนพลุกพล่านมาก คุณสามารถเดินชมอาคารบ้านเรือนที่ยังคงอนุรักษ์ความเก่าแก่ และสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมไว้เป็นอย่างดี
- จากนั้นเชิญท่านอิสระเดินเล่น ณ จัตุรัสจอร์จ (George Square) หัวใจสำคัญของใจกลางเมืองวิคตอเรียที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของเมืองกลาสโกว์ ตั้งอยู่บนจัตุรัสจอร์จที่ประดับประดาด้วยดอกไม้ประดับด้วยรูปปั้น 12 รูปปั้นที่มีชื่อเสียงของเมือง ได้แก่ Robbie Burns, Walter Scott และ Queen Victoria ด้านตะวันออกของจัตุรัสถูกครอบงำด้วย Town Hall และหอคอย 230 ฟุตในปีพ. ศ. 2433 ขณะที่ Merchants ‘House เป็นสำนักงานใหญ่ของหอการค้าที่เก่าแก่ที่สุดของสหราชอาณาจักรก่อตั้งเมื่อปีพศ. 1605 ทางตอนใต้ของจอร์จสแควร์ คลังสินค้าศตวรรษที่ 19 เป็นส่วนหนึ่งของ เขต Merchant City อันทันสมัยของเมือง ที่พร้อมกับศูนย์อิตาเลียนเสนอคาเฟ่ที่ไม่ซ้ำกับร้านอาหารและร้านบูติกของนักออกแบบ อิสระท่านตามอัธยาศัย
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
CROWNE PLAZA GLASGOW HOTEL หรือเทียบเท่าระดับ 4 ดาว
กลาสโกว์ - เคนไรอัน - เบลฟาสต์ - ไททานิค เบลฟาสต์
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
- นำท่านเดินทางสู่ท่าเรือเมืองเคนไรอัน (CAIRNRYAN) หมู่บ้านชาวประมงเล็ก ๆ ของสก็อตแลนด์ชายฝั่งตะวันออก (ระยะทาง 130 กม. ใช้เวลา 2 ชม.)
- 11.30 น. นำท่านลงเรือเฟอร์รี่ข้ามฟากจากฝั่งสกอตแลนด์สู่เมืองเบลฟาสต์ (BELFAST) เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไอร์แลนด์เหนือ
- 13.45 น. เดินทางถึงเมืองเบลฟาสต์ ประเทศไอร์แลนด์เหนือ
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน
- นำท่านชมเมือง เบลฟาสต์ จัดได้ว่าเป็นเมืองหลวงที่มากด้วยสีสันและชีวิตชีวา ทั้งยังเป็นประตูสู่ชนบทอันเงียบสงบของไอร์แลนด์เหนือ จตุรัส ถนนหลัก และท้องถนนทั่วไปเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมแบบวิคตอเรียนและจอร์เจียน โดดเด่นสวยงาม ตั้งตระหง่านให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเก็บภาพและชื่นชมกับความงามแบบฉบับไอริช
- เข้าชมไททานิค เบลฟาสต์ (Belfast Titanic) พิพิธภัณฑ์ขนาดใหญ่เป็นอาคาร 6 ชั้น รูปร่างเหมือนหัวเรือลำมหึมา แหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของเมือง เรือไททานิคถูกสร้างขึ้นที่อู่ต่อเรือฮาร์แลนด์และวูลฟฟ์ในเบลฟาสต์ ก่อนที่จะแล่นไปยังเมืองเซาท์แธมตัน ภายในพิพิธภัณฑ์มีการนำห้องจำลองของห้องสันทนาการต่างๆ บนเรือและบันไดใหญ่กลางเรือมาโชว์ด้วย นักท่องเที่ยวยังสามารถสำรวจเรื่องราวของไททานิค ผ่านการแสดงด้วยเทคนิคพิเศษและระบบอินเตอร์แอ็คทีฟ ในปีค.ศ. 1912 ไททานิกเป็นเรือข้ามสมุทรที่ใหญ่ที่สุดในโลก ใช้เวลาในการสร้างนานถึง 3 ปี ด้วยแรงงานมากกว่า 5,000 คน
- แล้วนำไปชมอาคารสถาปัตยกรรม อาทิ ศาลากลางสไตล์วิคตอเรีย, มหาวิทยาลัยควอเตอร์ (University Quarter) กำแพงสันติภาพ (Peace Wall) และชมภาพจิตรกรรมฝาผนังของถนน Falls และ Shankill สถานที่ท่องเที่ยวทั้งหมดนี้ทำให้ท่านได้สัมผัสและเห็นทั้งสองด้านของชีวิตที่ทันสมัยในเบลฟาสต์
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
CROWNE PLAZA BELFAST ABBEY HOTEL หรือเทียบเท่าระดับ 4 ดาว
เบลฟาสต์ - THE DARK HEDGE - บุชมิลส์ - ไจแอนท์ คอสต์เวย์ - ซลิโก
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
- จากนั้นนำท่านออกเดินทางสู่ The Dark Hedge (ระยะทาง 80 กม. ใช้เวลา 1 ชม.) ถนนสายต้นบีช อันสวยงามที่ได้รับการปลูกและจัดแต่งให้เป็นซุ้มโค้งสองข้างถนนโดยครอบครัวสจ๊วต ตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 18 สร้างความประทับใจให้ผู้พบเห็นจนได้มาเป็นฉากในละครดัง และเป็นแลนด์มาร์คอันดับต้นๆ ของไอร์แลนด์เหนือ อุโมงค์ต้นไม้แห่งนี้ มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งเกิดจากการปลูกของตระกูลสจ๊วต ในศตวรรษที่ 18 เพื่อเพิ่มบรรยากาศความร่มรื่นและความประทับใจก่อนเข้าถึง Gracehill House ซึ่งปัจจุบันเปิดบริการเป็นสนามกอล์ฟ เมื่อเวลาผ่านไปต้นไม้สองข้างทางที่ปลูกขึ้นนั้นกลับค่อยๆ เลื้อยโค้งเข้าหากันตามธรรมชาติจนมีสภาพอย่างที่เห็นในทุกวันนี้
- นำท่านเดินทางสู่ สะพานเชือกคาร์ริกอะริด (Carrick-a-Rede Rope Bridge) (ระยะทาง 13 กม. ใช้เวลา 15 นาที) จุดปักหมุดยอดนิยมอันดับต้นๆ ของไอร์แลนด์ “สะพานเชือกคาร์ริกอะริด” เป็นแลนด์มาร์กสำคัญของเขตแอนทริม แรกเริ่มเดิมทีสะพานเชือกแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยชาวประมง เพื่อใช้เป็นทางข้ามช่องแคบที่มีความลึกประมาณ 30 เมตร ไปยังเกาะคาร์ริกอะรีด เพื่อตรวจดูแหดักปลาแซลมอน ปัจจุบันได้กลายเป็นสะพานวัดใจที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาประลองความกล้าในการข้าม พร้อมๆ กับชมวิวชายฝั่งที่แสนงดงาม
- จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองบุชมิลส์ (Bushmills) (ระยะทาง 13 กม. ใช้เวลา 15 นาที) ที่ตั้งของไจแอนท์สคอสเวย์
- นำท่านสู่เขตอนุรักษ์ธรรมชาติของเนชั่นแนลทรัสต์ และแหล่งมรดกโลกแห่งที่หนึ่งของไอร์แลนด์ (Giant’s Causeway) คนที่นี่ถือว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์อันดับ 8 ของโลก ธรรมชาติอันน่าพิศวงนี้ปรากฏให้เห็นบริเวณชายฝั่งนอร์ธ แอนทริม โคสต์ มีตำนานเล่า ขานกันต่อมาว่า แนวหินพวกนี้ เกิดจากการสร้างของยักษ์ไอริชที่ชื่อ Finn Mac Cool เพื่อท้าทายประลองยุทธกับยักษ์ฝั่งสก็อตแลนด์ ที่ชื่อว่า Benandonner
- นำท่านชม Giant’s Causeway หินราว 40,000 แท่งที่สูงถึง 12 เมตร หินบะซอลหกเหลี่ยมเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นในช่วงภูเขาไฟระเบิด 60 ล้านปีที่แล้ว นี้เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่อัศจรรย์ที่สุดของโลก
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
- จากนั้นนำท่านแวะชมวิวที่ปราสาทดันลูซ (Dunluce Castle) ชมซากปรักหักพังของปราสาทเก่าแก่ตั้งอยู่บริเวณหน้าผา ปราสาทดันลูซ (Dunluce Castle) สร้างขึ้นเมื่อประมาณศตวรรษที่ 1400 โดย Richard Og de Burgh หรือ The Red Earl เมื่อประมาณ ปี ค.ศ. 1513 ปราสาทแห่งนี้ครอบครองโดยตระกูลแมคคลิลลัน (MacQuillan) และเปลี่ยนผู้ครอบครองเป็นแมคดอนแนล (MacDonnell) ในศตวรรษที่ 16 แม้จะได้รับความเสียหายจากพายุไปบ้าง โดยพื้นที่ในส่วนของห้องครัวได้ร่วงลงสู่ทะเล แต่ปราสาทแห่งนี้ยังคงเป็นหนึ่งในปราสาทตามแนวชายฝั่งที่ยังคงมีสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ที่สุด
- จากนั้นได้เวลานำท่านเดินทางสู่เมืองซลิโก (Sligo) (ระยะทาง 200 กม. ใช้เวลา 3 ชม.)
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
CLAYTON HOTEL SLIGO หรือเทียบเท่าระดับ 4 ดาว
ซลิโก - ไคล์มอร์แอบบีย์ - กัลเวย์
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
- นำท่านเดินทางสู่เขต Connemara National Park (ระยะทาง 150 กม. ใช้เวลา 2 ชม.) ได้รับการขนานนามว่า ‘The Real Emerald of Ireland’ หรือดินแดนมรกตที่แท้จริงของไอร์แลนด์มาช้านานกิจกกรรมที่เป็นที่นิยมในแถบ Connemara รวมถึง ขี่จักรยาน ขี่ม้า เดินเขา แคมป์ปิ้ง ลงเรือชมทัศนียภาพในทะเลสาบ
- จากนั้นนำท่านแวะถ่ายรูปกับ Killary Fjord เป็น 1 ใน 3 fjord ของ Ireland ให้ท่านได้เก็บภาพความประทับใจตามอัธยาศัย
- จากนั้นเดินทางต่อเพื่อนำท่านเข้าชม Kylemore Abbey ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันสวยงามของ Connemara บริเวณริมทะเลสาบ Pollacapall และทะเลสาบ Kylemore ตัวปราสาทถูกสร้างขึ้นในปี 1867-1871 โดย Mitchell และ Margaret Henry คู่สามีภรรยาจากManchester ทั้งสองได้เช่า Kylemore Lodge เป็นที่พัก ซึ่งอาคารดั้งเดิมอยู่จุดเดียวกับที่เป็นปราสาท ณ ปัจจุบัน ต่อมาเมื่อบิดาของ Mitchell เสียชีวิต เขาได้นำเงินมดกที่ได้มาสร้างปราสาท Kylemore และหันหลังให้กับอาชีพแพทย์ที่อังกฤษ หลังจากการตายอย่างกระทันหันของ Margaret และลูกสาวของพวกเขาก็เสียชีวิตลงภายหลัง ในปี 1903 Mitchell ได้ขายปราสาทให้กับ Duke และ Duchess of Manchester ภายหลังทั้งคู่มีปัญหาด้านการเงินจนปราสาทต้องตกเป็นของ Ernest Fawke นักธนาคารชาว London ต่อมาในปี 1920 กลุ่มแม่ชี The Irish Benedictine Nuns ได้เข้าซื้อปราสาท Kylemore และได้เปลี่ยนเป็นวัด หรือที่เรียกว่า Kylemore Abbey โดยมีส่วนที่เป็นทั้งโรงเรียนประจำนานาชาติและโรงเรียนแบบไปกลับสำหรับชาวพื้นเมือง เปิดทำการในปี 1923 และปิดทำการในเดือนมิถุนายน 2010 ตามสภาพสังคมที่เปลี่ยนไป ปัจจุบัน Kylemore Abbey ส่วนสวนคือ Victorian Walled Garden เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในเขตตะวันตกของไอร์แลนด์โดยกลุ่มแม่ชียังอาศัยอยู่ที่นี่และทำงานในฐานะผู้จัดการของ Kylemore Trust
- ให้ท่านเดินชมและเก็บภาพความประทับใจตามอัธยาศัย
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
- นำท่านเดินทางสู่เมืองกัลเวย์ (Gulway) (ระยะทาง 80 กม. ใช้เวลา 1 ชม. 15 นาที) หนึ่งในเมืองที่สวยที่สุดของไอร์แลนด์ เมืองแห่งนี้ได้รับเลือกให้เป็นเมืองศูนย์กลางแห่งวัฒนธรรมของยุโรปในปี ค.ศ. 2020 (European Cultural Capital 2020)
- นำท่านเดินชมเมืองกัลเวย์ นำท่านถ่ายรูปกับ โบสถ์เซนต์นิโคลัสคอลเลจิเอท (St. Nicholas’ Collegiate Church) ที่สร้างมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1320 สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่เซนต์นิโคลัส ผู้เป็นนักบุญอุปถัมน์ของชาวเรือ ตัวโบสถ์งดงามโดดเด่น มีชื่อเสียงในฐานะที่เป็นโบสถ์ประจำแพริชยุคกลางซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศ ตลอดช่วงเวลาอันยาวนานที่ผ่านเหตุการณ์มาอย่างโชกโชน โบสถ์แห่งนี้ มีบทบาทสำคัญต่อวิถีชีวิตของผู้คนในเมืองมาก มีตำนานเล่าว่าคริสโตเฟอร์ โคลัมบัสยังเคยมาทำพิธีทางศาสนาที่โบสถ์นี้เมื่อครั้งที่เขามาเยือน กัลเวย์ ในปี ค.ศ. 1477
- จากนั้นนำท่านชม ย่านละติน เป็นพื้นที่เล็กๆ ที่มีถนนปูหินเลียบฝั่งแม่น้ำ กินพื้นที่ระหว่างสะพาน O’Briens Bridge จนถึง กำแพงหินสเปน ถือเป็นย่านที่มีสีสันแพรวพราวที่สุดย่านหนึ่งของเมือง เพราะเต็มไปด้วยอาคารสีสันสดใสกับสตรีทอาร์ทเท่ๆ ที่ถ่ายรูปออกมาแล้วเก๋อย่าบอกใคร ริมถนนสองข้างทางเต็มไปด้วยร้านอาหาร คาเฟ่ บาร์ และผับชื่อดังของเมืองกัลเวย์ นอกจากนี้ยังมีร้านค้าและแกลเลอรี่ศิลปะสุดน่ารักที่ขายเสื้อผ้าพื้นเมืองจำพวกงานถักจากขนสัตว์ท้องถิ่น มีศิลปินริมทางเปิดการแสดงสุดตื่นตาตื่นใจอยู่ทั่วไประหว่างที่เราช้อปปิ้ง แวะเวียนตามบาร์ต่างๆ หรือว่าเดินเล่นชมเมือง ใน ย่านละติน มีสถานที่น่าสนใจมากมายเนื่องจากเต็มไปด้วยอาคารเก่าแก่ ใครต่อใครต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่านี่คือพื้นที่ที่สวยงามและน่าสนใจมากที่สุดย่านหนึ่งใน กัลเวย์
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
CLAYTON HOTEL GALWAY หรือเทียบเท่าระดับ 4 ดาว
กัลเวย์ - Cliff of Moher - คอร์ก
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
- นำท่านเดินทางสู่ Cliff of Moher (ระยะทาง 75 กม. ใช้เวลา 1 ชม. 15 นาที) ระหว่างทางแวะถ่ายรูปกับปราสาท Dunguaire Castle เป็นบ้านหอคอยสมัยศตวรรษที่ 16 บนชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของอ่าวกัลเวย์ ในเคาน์ตีกัลเวย์ ประเทศไอร์แลนด์ ใกล้คินวารา ชื่อนี้ได้มาจากชื่อของกษัตริย์ Guaire กษัตริย์ในตำนานแห่ง Connacht
- นำท่านเดินทางต่อสู่ Cliff of Moher หรือหน้าผาโมเฮอร์ ในภาษาไอริชเรียกว่า Aillte an Mhothair เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวของไอร์แลนด์ที่มีชื่อเสียง มีลักษณะเป็นหน้าผาสูง ตรงจุดที่สูงที่สุดมีความสูงถึง 214 เมตร ทอดตัวยาวกว่า 8 กม. บนชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติค ตรงจุดสูงสุดของหน้าผายังเป็นที่ตั้งของหอคอย O’Brien’s Tower ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1835 โดย Sir Cornellius O’Brien เพื่อใช้เป็นหอสังเกตการณ์ คอยสอดส่องดูแลนักท่องเที่ยว บ้างก็ว่าท่านสร้างเพื่อเอาใจหญิงสาวผู้เป็นที่รัก อิสระท่านเดินเล่นตามอัธยาศัย จนกระทั่งได้เวลาพอสมควร (ระยะทาง 75 กม. ใช้เวลา 1.30 ชม.)
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
- นำท่านเดินทางสู่เมือง คอร์ก (Cork) (ระยะทาง 180 กม. ใช้เวลา 2 ชม. 30 นาที) เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ในประเทศไอร์แลนด์ และยังจัดว่าติด 1 ใน 3 เมืองที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในไอร์แลนด์ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้และมีอายุที่เก่าแก่คอร์กนั้นถูกจัดให้เป็นหนึ่งในเมือง ศูนย์กลางวัฒนธรรมของยุโรป ปี 2005 ที่สำคัญเมืองนี้จึงเต็มไปด้วยร่องรอยทางประวัติศาสตร์ และยังเต็มเปี่ยมไปด้วยความสวยงามจากธรรมชาติ
- จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ถนนสายช้อปปิ้ง พอล สตรีท (Paul Street Shopping) ให้ท่านได้เลือกซื้อของฝาก ของที่ระลึกหรือเดินเล่นชมเมืองตามอัธยาศัย
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
THE ADDRESS CORK HOTEL หรือเทียบเท่าระดับ 4 ดาว
คอร์ก - ปราสาทแบลร์นีย์ - โคฟ - ปราสาทหินแคสเซล - คิลเคนนีย์
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
- นำท่านชม ปราสาทแบลร์นีย์ (Blarney Castle) เป็นปราสาทเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 600 ปี หนึ่งในสถานที่สำคัญของโลกและสมบัติที่ยิ่งใหญ่ของไอร์แลนด์ เดิมปราสาทนี้สร้างขึ้นครั้งแรกเมื่อราวศตวรรษที่ 10 โครงสร้างหลักของปราสาททำด้วยไม้ ต่อมา เมื่อปี ค.ศ. 1210 ปราสาทนี้จึงมีการสร้างขึ้นใหม่ โดยเปลี่ยนโครงสร้างหลักเป็นหิน มีทางเข้าสูงกว่าพื้นดินประมาณ 20 ฟุต เมื่อปราสาทที่สร้างครั้งที่ 2 พังทลายลง จึงมีการสร้างใหม่ครั้งที่ 3 ในปี ค.ศ. 1446 โดยเดอร์มอท แมคคาร์ทนี (Dermot McCarthy) กษัตริย์แห่งมันสเตอร์ (King of Munster) โดยจุดที่เป็นไฮไลต์ของปราสาทแบลร์นีย์ (Blarney Castle) คือ การจูบหินแบลร์นีย์ (Blarney Stone) ซึ่งตามตำนานกว่า 200 ปี เล่ากันว่า เป็นหินแห่งเอลโลเควนซ์ (The Stone of Eloquence) ที่จะทำให้คำขอของผู้ที่จูบหินนี้เป็นจริง และเนื่องจากหินนี้อยู่ในส่วนของกำแพง ผู้ที่จะจูบจึงต้องเอนตัวลงนอนให้ผู้อื่นจับตัวไว้ ส่วนตัวเองจับราวเหล็กด้านในเพื่อความปลอดภัย
- นำท่านเดินทางสู่เมืองโคฟ (Cobh) (ระยะทาง 20 กม. ใช้เวลา 30 นาที) เมืองท่าริมทะเลน่ารักทางตอนใต้ของไอร์แลนด์ เป็นเมืองท่าสุดท้ายที่เรือ Titanic ทอดสมอจอดรับผู้โดยสาร ก่อนที่จะชนก้อนน้ำแข็งและจมลงใน 3 วันต่อมา ชมบ้านเรือนที่นี่ มีสีสันสดใส สถาปัตยกรรมแบบวิคตอเรียนสร้างลดหลั่นตามเนินเขา นำท่านถ่ายรูปกับ St. Colman’s Cathedral โบสถ์สวยสไตล์นีโอโกธิค เป็นจุดท่องเที่ยวไฮไลท์ของเมืองนี้
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
- นำท่านเดินทางสู่เมือง แคสเซล (Cashel) (ระยะทาง 103 กม. ใช้เวลา 1 ชม. 20 นาที) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวที่มีความสำคัญทางด้านประวัติศาสตร์และมีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่งของสาธารณรัฐไอร์แลนด์ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของแคว้นทิปเปอรารี (Tipperary) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแคว้นที่มีชื่อเสียงทางด้านการท่องเที่ยวของสาธารณรัฐไอร์แลนด์
- นำท่านเข้าชม “ร็อค ออฟ แคสเซล”(Rock of Cashel) หนึ่งในสัญลักษณ์ที่ได้รับการยกย่องเป็นอะโครโปลิสแห่งสาธารณรัฐไอร์แลนด์เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับการขนานนามว่ามีความงดงามที่สุดในสาธารณรัฐไอร์แลนด์“ร็อค ออฟ แคสเซล” เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานมากแห่งหนึ่งของประเทศ ด้วยความโดดเด่นทางด้านสถาปัตยกรรมของร็อค ออฟ คาเซล ถือว่าเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นคุณค่าทางมรดกทางวัฒนธรรมที่เก่าแก่ที่สุดของชาวไอริชโบราณ โดยภายใน ร็อคออฟแคสเซล นั้นประกอบไปด้วยส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มอาคารบ้านเรือนยุคกลาง ป้อมปราการ วิหารจอร์เจียน และห้องสมุด
- อิสระให้ท่านได้เก็บภาพและเดินเล่นถ่ายรูปตามอัธยาศัย
- นำท่านเดินทางสู่เมืองคิลเคนนีย์ (Kilkenny) (ระยะทาง 61 กม.ใช้เวลา 50 นาที) เมืองที่อุดมด้วยสีสัน เต็มไปด้วยร่องรอยประวัติศาสตร์ยุคกลางอันน่าทึ่งรวมถึงงานฝีมือทอ้งถิ่นที่น่าสนใจคิลเคนนีย์ซิตี้คือหนึ่งในเมืองที่น่าไปเยือนมากที่สุดเมืองหนึ่งของประเทศ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
KILKENNY RIVER COURT HOTEL หรือเทียบเท่าระดับ 4 ดาว
ปราสาทคินเคนนีย์ - ดับลิน
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
- นำท่านเข้าชมความงามของ ปราสาทคิลเคนนีย์ (Killkeny Castle) ซึ่งเป็นปราสาทแบบนอร์มันสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1172 โดยอัศวิน Richard de Clare หรือที่รู้จักในนาม Strongbow ซึ่งปราสาทเดิมสร้างจากไม้และมีหอคอยสูง สามารถมองเห็นวิวแม่น้ำนอร์ แต่หลังจากนั้นทายาทรุ่นถัดไปคือวิลเลี่ยม มาร์แชล (Earl of Pembroke)ได้ทำการบูรณะขึ้นใหม่โดยใช้หินมาสร้างปราสาท โดยปราสาทแห่งนี้มีหอคอยสูงถึง 4 หอคอยและยังคงสภาพให้เห็นจนถึงปัจจุบัน
- นำท่านเข้าชมความงามของห้องโถง และ ห้องต่างๆภายในปราสาทโบราณแห่งนี้นอกจากนี้ยังมีสวนสวยขนาดใหญ่ด้านนอก ซึ่งท่านสามารถเก็บภาพเป็นที่ระลึกได้ตามอัธยาศัย
- จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองดับลิน (Dublin) เป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของสาธารณรัฐไอร์แลนด์ (ระยะทาง 130 กม. ใช้เวลา 1 ชม. 40 นาที) ชื่อดับลินนนั้นมาจากคำว่า Dubh Linn ซึ่งในภาษาไอริชมีความหมายว่า “สระน้ำ สีดำ” (Black Pool)
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน
- จากนั้นนำท่านถ่ายรูปกับ ตรินิตี้คอลเลจ (Trinity College) มหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดในไอร์แลนด์สร้างในสมัย ค.ศ.1592 โดยควีนอลิซาเบธที่ 1 ในยุคที่เป็นอาณานิคมของอังกฤษ ผู้นำประเทศหลายคนจบจากมหาวิทยาลยัแห่งนี้อาคารสถาปัตยกรรมยังคงรูปแบบดั้งเดิมไม่ถูกทำลาย
- นำท่านถ่ายรูปกับ อาสนวิหารเซ็นต์แพททริค (St. Patrick’s Cathedral) เป็นวิหารที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองดับลิน และเป็นวิหารประจำชาติไอร์แลนด์ (The national cathedral of the church of Ireland)
- จากนั้นให้ท่านอิสระช้อปปิ้ง ณ ถนนแกรฟตัน (Grafton Street) หนึ่งถนนช้อปปิ้งสายหลัก ซึ่งถือว่าเป็นที่ตั้งของร้านค้าที่เป็นที่นิยมมากที่สุดของดับลิน เชิญท่านอิสระช้อปปิ้งตามอัธยาศัย
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารไทย
RADISSON BLU ROYAL HOTEL, DUBLIN หรือเทียบเท่าระดับ 4 ดาว
ดับลิน – ชมเมือง – สนามบิน
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
- จากนั้นนำท่านสู่ เทมเพิลบาร์ (Temple Bar) เป็นย่านถนนคนเดินที่เป็นแหล่งวัฒนธรรมและความบันเทิง มีทั้ง ร้านขายของที่ระลึก ศูนย์ศิลปะ การแสดงโชว์ อาร์ตแกลอรี่กว่า 50 แห่ง ร้านอาหารนานาชาติที่หลากหลาย
- นำท่านชมสะพานฮาพเพนนี (Ha’ penny Bridge) เป็นสะพานคนเดินที่เก่าแก่ที่สุดของเมืองด้วยบรรยากาศอบอวลไปด้วยความโรแมนติก เหล่าคู่รักจึงมักจะจูงมือกันมาเดินเล่น เพื่อชมความงามของแสงอาทิตย์ลับขอบฟ้าในยามเย็นไปจนถึงชมแสงไฟในยามค่ำคืนของเมืองดับลิน ประเทศไอร์แลนด์
- 10.30 น. จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ สนามบินดับลิน
- 15.00 น. ออกเดินทางสู่โดฮา โดยสายการบินการ์ต้า แอร์เวย์ เที่ยวบินที่ QR018
โดฮา - สุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ
- 00.05 น. เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติโดฮา (แวะพักเปลี่ยนเครื่อง)
- 02.15 น. ออกเดินทางสู่กรุงเทพ โดยสายการบินการ์ต้า แอร์เวย์ เที่ยวบินที่ QR836
- 13.10 น. เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ…..