ทัวร์อิตาลี อันซีน (กลาง เหนือ)


Tour by HappyLongway

รายละเอียดโปรแกรมทัวร์-ทัวร์อิตาลี อันซีน (กลาง เหนือ)

รหัสทัวร์ : UNSEEN NORTH ITALY 12 DAYS (QR)
ระยะเวลา 12 วัน 9 คืน
สายการบิน : QATAR AIRWAYS (QR)

กำหนดการเดินทาง

รอบที่ วันเดินทาง ราคา
1 14 เม.ย. 67 - 25 เม.ย. 67 199,900 บาท
2 1 พ.ค. 67 - 12 พ.ค. 67 199,900 บาท
3 5 มิ.ย. 67 - 16 มิ.ย. 67 199,900 บาท

สถานที่สำคัญ

  • 1
    ชมเส้นทาง Val D’Orcia เส้นทางท้องทุ่งสุดสวยของแคว้นทัสคานี ที่มีชื่อเสียงทั่วโลก (Unesco)
  • 2
    ชมหมู่บ้าน Civita di Bagnregio อายุเก่าแก่กว่า 2,000ปี ! (Unseen)
  • 3
    ชมหมู่บ้าน Cinque Terre หมู่บ้านหน้าผาริมทะเล ที่สวยที่สุดในโลก (Unesco)
  • 4
    หมู่บ้าน San Gimignano หมู่บ้านที่ได้รับการยอมรับว่าสวยที่สุดในทัสคานี (Unesco) (Unseen)
  • 5
    ชมหมู่บ้าน Pienza หมู่บ้านบนเนินเขาในท้องทุ่งสุดสวยของทัสคานี (Unesco) (Unseen)
  • 6
    ชมหมู่บ้าน Bellagio / Varenna หมู่บ้านสวยในทะเลสาบโคโม่ หนึ่งในทะเลสาบที่สวยที่สุดในอิตาลี
  • 7
    ชมหมู่บ้าน Montepulciano หมู่บ้านบนเนินเขาสุดสวยในท้องทุ่งทัสคานี (Unseen)
  • 8
    ชมเกาะ Burano เกาะสีสันลูกกวาดสุดสวย (Unseen)
  • 9
    ชมรูปแกะสลัก David รูปต้นแบบ (Original) ฝีมือ มิเคลันเจโล
  • 10
    ชมเมือง Siena เมืองโบราณแห่งแคว้นทัสคานี สไตล์อิตาลี ได้รับ (Unesco)
  • 11
    ชมเกาะ Isola Bella เกาะที่สวยงามในทะเลสาบ Maggiore
  • 12
    ชมเกาะ Venice เกาะที่โรแมนติคที่สุดของโลก พักบนเกาะเวนิส
  • 13
    ชมหอเอน Pisa Tower หอระฆังสุดมหัศจรรย์ (Unesco)
  • 14
    ชมเมือง Florence เมืองที่ว่ากันว่าสวยที่สุดในอิตาลี
  • 15
    ชมเมือง Bologna หนึ่งในเมืองสวยของอิตาลี
  • 16
    ชมเมือง Milan เมืองแห่งแฟชั่นของโลก
  • 17
    นำท่านชิมและชมการบ่มไวน์ ( Wine Tasting) ไวน์ที่มีชื่อเสียงแห่งแคว้นทัสคานี
  • 18
    ช้อปปิ้ง The Mall Outlet Luxury เอาท์เลต Luxury ที่ดีที่สุดของอิตาลี

HappyLongWay
ขอนำเสนอโปรแกรมทัวร์ยุโรป
ทัวร์อิตาลี เจาะลึก (กลาง-เหนือ) 12 วัน 9 คืน
TUSCANY-CINQUE TERRE-FRORENCE-VENICE-COMO LAKE-MILAN

โดยสายการบินการ์ตาร์ แอร์เวย์ (QR)

 

DAY1

สนามบินสุวรรณภูมิ - กรุงเทพฯ - โดฮา

  • 18.00 น. คณะพร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 เคาน์เตอร์ M ประตู 6 สายการบินการ์ตาร์ แอร์เวย์ พบเจ้าหน้าที่บริษัทอำนวยความสะดวกในการเช็คอิน
  • 21.05 น. ออกเดินทางสู่โดฮา โดยสายการบินการ์ตาร์ แอร์เวย์ เที่ยวบินที่ QR 833

***หมายเหตุ ไฟล์ทบินอาจมีการเปลี่ยนแปลง***

DAY2

โดฮา - กรุงโรม (อิตาลี) - ซิวิตา ดิ แบนอริจิโอ - เซียน่า

  • 00.05 น. เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติโดฮา (แวะพักเปลี่ยนเครื่อง)
  • 02.10 น. นำท่านเดินทางสู่กรุงโรมโดยสายการบินการ์ตาร์ แอร์เวย์ เที่ยวบินที่ QR 115
  • 07.20 น. เดินทางถึงทางอากาศนานาชาติฟูมิชิโน่ กรุงโรม ประเทศอิตาลี หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรแล้ว
  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่หมู่บ้าน ซิวิตา ดิ แบนอริจิโอ (Civita di Bagnoregio) (Unseen)(ระยะทาง 150 กม. ใช้เวลาประมาณ 2 ชม.) หมู่บ้านเล็กๆ บนเนินเขาในแคว้นลาซิโอใกล้ๆกรุงโรม มีการตั้งถิ่นฐานมาตั้งแต่ 2,500 ปี ภายในมีบ้านเรือนที่ทำจากหินอายุหลายร้อยปี มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว  ได้รับการยอมรับว่าคือ เพชรเม็ดงามแห่งแคว้นลาซิโอ มีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 100 คนเท่านั้น ยิ่งในฤดูหนาวจะมีประชากรอาศัยอยู่ไม่ถึง 20 คน                                                                        Civita di Bagnoregio 8 by CitizenFresh on DeviantArt
  • จากนั้นให้ท่านเดินขึ้นชมเมืองด้านบน

*** หมายเหตุ ทางเดินขึ้นหมู่บ้านเป็นสะพานยาว และลาดชัน ระยะทางประมาณ 700 เมตร ไม่แนะนำให้ท่านที่มีปัญหาเกี่ยวกับขา หัวเข่า เดินขึ้น หรือผู้สูงอายุ หรือวิลแชร์ **

  • นำท่านเดินชมเมือง เลือกซื้อของฝากตามอัธยาศัย  จากนั้นได้เวลานัดหมายนำท่านกลับลงสู่ด้านล่าง

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง เซียน่า (SIENA) หรือเมืองซีเอน่า (ระยะทาง 130 กม. ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. 30 นาที) เมืองใหญ่อันดับ 2 ในแคว้นทัสคานี ถือเป็นเมืองในยุคกลางที่ถือว่าเป็นเมืองคู่แข่งของเมืองฟลอเรนซ์ เมืองเซียน่ายังได้รับการยอมการประกาศเป็นเมืองมรดกโลก (Unesco) อีกด้วย เนื่องจากความเก่าแก่และความสวยงามและการอนุรักษ์ไว้อย่างดีของชาวเมืองเซียน่า

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
FOUR POINTS BY SHERATON SIENA หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว (พัก 2 คืน)

หมายเหตุ : เซียน่า มีโรงแรมจำกัด หากโรงแรมเต็มทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ย้ายไปพักเมืองข้างเคียง

DAY3

เซียน่า - Val D’Orcia - Wime Tasting - ปิเอนซ่า - มอนเตปุลเชียโน - เซียน่า

รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก 

  • นำท่านออกเดินทางสู่เส้นทาง วาดอร์เซีย (Val D’Orcia) เส้นทางที่ว่ากันว่าสวยที่สุดในแคว้นทัสคานีระหว่างทางท่านจะได้เห็นวิวท้องทุ่ง ที่มีบ้านชาวนา และต้นไซเปรซ ที่ยืนเด่นตามแนวท้องทุ่งได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลก (Unesco) ให้เป็น World Cultural Landscape ซึ่งหลายๆทิวทัศน์แห่งนี้ถูกเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนต์ของ Hollywood                                                                                    Spring in Val d'Orcia [EXPLORE] | Colors in Val d'Orcia in t… | Flickr
  • ให้ท่านได้เพลิดเพลินวิวตลอดสองข้างทาง
  • จากนั้นนำท่านเข้าชมโรงงานบ่มไวน์ ให้ท่านได้ชมกรรมวิธีการบ่มไวน์ และชิมไวน์ (Wine Tasting) ที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก อย่างไวน์ Brunello di Montalcino หรือ Chianti Classico  จากนั้นให้ท่านได้เลือกซื้อไวน์ตามอัธยาศัย

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

  • จากนั้นนำท่านสู่เมือง ปีเอนซ่า (Pienza) หรือเพียนซ่า (ระยะทาง 23 กม. ใช้เวลาประมาณ 30 นาที) เมืองปีเอนซ่า เป็นเมืองเล็กๆที่สวยงามยุคเรอเนสซองซ์ เป็นหมู่ที่นักท่องเที่ยวต่างหลงไหล เดิมมีชื่อเรียกว่า Corsignano และเป็นบ้านเกิดของ Pope Pius II ซึ่งได้รับคัดเลือกให้เป็นพระสันตะปาปาในปี ค.ศ.1458 หลังจากได้รับตำแหน่งเมืองนี้ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ทั้งหมดและเปลี่ยนมาเป็นชื่อปีเอนซ่า หรือเพียนซ่า เพื่อเป็นเกียรติศักดิ์แก่ตนเอง                                                                            Pienza - Wikipedia
  • นำท่านเดินเล่นถ่ายรูปกับพระราชวังองค์สันตะปาปา บ้านเรือนที่ยังคงถูกอนุรักษ์ไว้อย่างดี ซึ่งยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก (Unesco)                                                                                  
  • จากนั้นให้ท่านได้ชมวิวจากตัวเมืองมองลงไปเห็นท้องทุ่งแห่งแคว้นทัสคานี และ เลือกซื้อสินค้าตามอัธยาศัย จนกระทั่งได้เวลาพอสมควร
  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง มอนเตปุลเชียโน (Montepulciano) (ระยะทาง 15 กม. ใช้เวลาประมาณ 25 นาที) เป็นเมืองที่มีความสวยงามอีกแห่งของทัสคานี ตั้งอยู่บนเนินเขาในจังหวัดเซียน่าของอิตาลีทางตอนใต้ ที่นี่เป็นเมืองยุคกลางที่เต็มไปด้วยพระราชวังยุคเรอเนสซองส์ที่สง่างาม โบสถ์โบราณจัตุรัสที่มีเสน่ห์ และมุมสวยๆที่ซ่อนอยู่ โดยมีทัศนียภาพกว้างไกลของหุบเขา Val d’Orcia และหุบเขา Val di Chiana ล้อมรอบ เมือง Montepulciano ได้รับความสนใจอย่างมากเพราะเป็นหนึ่งในสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์อันโด่งดัง เรื่อง Twilight: New Moon ทำให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาตามรอยกันอย่างคึกคัก นอกจากทัศนียภาพอันน่าทึ่งของเมืองชนบทโดยรอบที่ปกคลุมไปด้วยไร่องุ่นแล้ว เมืองแห่งนี้ก็มีชื่อเสียงด้านอาหารการกิน ขึ้นชื่อในเรื่องเนื้อหมู ชีส พาสต้า น้ำผึ้ง และสิ่งที่เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ก็คือ ไวน์ Montepulciano ซึ่งถือเป็นหนึ่งในไวน์ชั้นเลิศของอิตาลี                                        Montepulciano, Italy - The Quintessential Tuscan Hill Town
  • นำท่านเดินเล่นเมืองมอนเตปุลเชียโน
  • จากนั้นได้เวลานำท่านเดินทางกลับสู่โรงแรมที่พัก

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
FOUR POINTS BY SHERATON SIENA หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว

หมายเหตุ : เมืองเซียน่า มีโรงแรมจำกัด หากโรงแรมเต็มทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ย้ายไปพักเมืองข้างเคียง

DAY4

เซียน่า - ซาน จิมิยาโน - ปิซ่า

รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก 

  • จากนั้นนำท่านเดินชมเมืองเซียน่า นำท่านเข้าสู่จตุรัส เดล คัมโป (Piazza del Campo) เป็นจตุรัสใจกลางเมืองที่บ่งบอกประวัติศาสตร์ของเมืองเซียน่าได้เป็นอย่างดี และได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในจตุรัสที่สมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป  ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญๆ จำนวนมาก
  • นำท่านเข้า ชมมหาวิหารเมืองเซียน่า (Duomo di Siena) มหาวิหารประจำเมืองเซียน่า ที่ถูกสร้างขึ้นในปี 1200 ด้วยสไตล์กอธิคและเรเนซองส์ ที่ประดับประดาตกแต่งอย่างวิจิตรอลังการและสวยงามมาก โดยเฉพาะด้านในของตัววิหารที่บอกเล่าเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับเมืองเซียน่าไว้ได้อย่างสวยงามและเป็นโบสถ์ 1 ใน 5 โบสถ์ที่สวยที่สุดในประเทศอิตาลี อีกด้วย                                                Mosaic Floor of Siena Cathedral: history and facts - Italia.it
  • จากนั้นชมเมืองเก่าเซียน่า (SIENA OLD TOWN) ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก้ในปี 1995 (UNESCO) ชมความเป็นเมืองเก่าสมัยฟื้นฟูศิลปะวิทยาการหรือยุคเรอเนสซองส์ เต็มไปด้วยอาคารต่างๆ โบสถ์ และพิพิธภัณฑ์ และสัมผัสบรรยากาศของประวัติศาสตร์และร้านค้ามากมาย เซียน่าเป็นเมืองคู่แข่งของฟลอเรนซ์ในเรื่องของศิลปะและสถาปัตยกรรม

(หมายเหตุ : การเปิด-ปิดให้เข้าชมโบสถ์ หากกรณีมีการประกอบพิธีสำคัญไม่อนุญาติให้เข้าชมด้านในโบสถ์ ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ให้ถ่ายรูปด้านนอกเท่านั้น)

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน

  • นำท่านเดินทางต่อสู่เมือง ซาน จิมิยาโน (SAN GIMIGNANO) (ระยะทาง 45 กม. ใช้เวลา 1 ชม.) เมืองเล็กๆ ที่มีทิวทัศน์งดงามที่สุดในแคว้นทัสคานี ตั้งอยู่บนเนินเขาที่ล้อมรอบด้วยกำแพงเมืองโบราณ เป็นเมืองแห่งสุดยอดสถาปัตยกรรมของยุคกลาง โดยเฉพาะหอคอยสูงตระหง่าน 14 หอ ที่สามารถมองเห็นได้แม้อยู่ห่างจากตัวเมืองหลายกิโลเมตร เป็นเมืองเดียวในอิตาลี่ที่สามารถอนุรักษ์สิ่งก่อสร้างและสถาปัตยกรรมยุคกลางไว้ได้อย่างครบถ้วนจนได้รับการประกาศเป็นเมืองมรดกโลกโดยองค์กร (UNESCO)San Gimignano, Tuscany: The highlights of this region can all be found in one gorgeous village
  • นำท่านถ่ายรูปกับโบสถ์ประจำเมือง (SAN GIMIGNANO DUOMO) โบสถ์หลักประจำเมืองตั้งอยู่ในจัตุรัสดูโอโม (PIAZZA DEL DUOMO) ภายในมีการตกแต่งแบบโรมาเนสก์ และมีภาพเฟรสโกตกแต่งกำแพงภายในโบสถ์ที่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับศาสนา ชมภายนอกพระราชวังโปโปโล (POPOLO PALACE) อดีตเป็นที่ตั้งของศาสนา คริสต์นิกายโรมันคาทอลิก ทรงกระบอก 8 ชั้น สร้างด้วยหินอ่อนสีขาว สูง 55.86 เมตร น้ำหนักรวม 14,500 ตัน มีบันได 293 ขั้น เอียง 3.97 องศา ยอดของหอห่างจากแนวตั้งฉากประมาณ 3.9 เมตร ชม La Rocca ป้อมโบราณสมัยศตวรรษที่ 14                                        People at Piazza del Duomo in San Gimignano, Italy · Free Stock Photo
  • จากนั้นเดินทางสู่เมืองปิซ่า (PISA) (ระยะทาง 75 กม. ใช้เวลา 1.20 ชม.)

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
ALLEGROITALIA PISA TOWER PLAZA หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว (พัก 2 คืน)

หมายเหตุ : โรงแรมในเมือง Pisa มีจำกัดหากเต็มทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการไปนอนเมืองข้างเคียง

DAY5

ปิซ่า - ลา สเปเซีย - หมู่บ้านชิงเกว่ แตร์เร - ปิซ่า

รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก 

  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง ลา สเปเซีย (La Spezia) เมืองท่าที่เป็นประตูสู่ 5 หมู่บ้านริมทะเลที่สวยที่สุดในโลก) (ระยะทางประมาณ 75 กิโลเมตร ใช้เวลา 1 ชม.)
  • จากนั้นนำท่านนั่งรถไฟสู่หมู่บ้าน ชิงเกว่ แตร์เร (CINQUE TERRE) หมู่บ้านเล็กๆที่ตั้งอยู่บน ชายฝั่งริเวียร่าของอิตาลี CINQUE TERRE มีความหมายว่า ห้าดินแดน (FIVE LANDS) ประกอบด้วยหมู่บ้าน 5 แห่งได้แก่ VERNAZZA,MANAROL, RIOMAGGIORE,CORNIGLIA. MONTEROSSO AL MARE โดยทั้งห้าหมู่บ้านนี้มีหุบเขาล้อมรอบประกอบกันเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติฯ และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก้ด้วย (UNESCO) เรานำท่านชมหมู่บ้านเพียงบางส่วนเท่านนั้น เช่น
  • หมู่บ้าน MANAROLA                                                               Manarola, Italy: The Complete Guide

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

  • หมู่บ้าน VERNAZZA                                                                 Vernazza: what to see, what to do, where to sleep
  • หมู่บ้าน RIOMAGGIORE                                                                                                              The BEST Riomaggiore Safaris & wildlife activities 2022 - FREE Cancellation | GetYourGuide
  • จากนั้นได้เวลานำท่านเดินทางกลับสู่โรงแรมที่พัก

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
ALLEGROITALIA PISA TOWER PLAZA หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว

DAY6

ปิซ่า - หอเอนปิซ่า - ฟลอเรนซ์ - รูปปั้นเดวิด - ชมเมือง - จัตุรัส Michelangelo

รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก

  • นำท่านชม หอเอนเมืองปิซ่า (Leaning Tower of Pisa) (1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก) เป็นหอทรงกระบอก 8 ชั้น สร้างด้วยหินอ่อนสูง 181 ฟุต เริ่มสร้างเมื่อค.ศ.1174 แต่การก่อสร้างต้อง หยุดชะงักลงเมื่อก่อสร้างไปได้ประมาณ 4-5 ชั้น เนื่องจากพื้นดินใต้อาคารเริ่มยุบลงจากการที่รากฐานของอาคารไม่มั่นคงพออย่างไรก็ตามต่อมาได้มีการก่อสร้างเพิ่มเติมจนเสร็จสิ้นเรียบร้อย เมื่อปี ค.ศ.1350 ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงบางส่วนของโครงสร้างด้านบนไปจากแผนผังเดิมเพื่อถ่วงดุลกับกรเอียงของหอ โดยรวมระยะเวลาก่อสร้างทั้งสิ้น 176  ปี แต่ตัวหอก็ยังเอนไปจากแนวตั้งฉากถึง14 ฟุต สำหรับหอเอนปิซ่านี้ภายในมีเสาหินอ่อนที่สลักลวดลายด้วยฝีมือจิตรกรชื่อดังแห่งยุคได้สลักลวดลายไว้สวยงามมาก ณ ที่หอเอนปิซ่าแห่งนี้เป็นที่ที่กาลิเลโอขึ้นไปทำการทดลองทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับแรงดึงดูดของโลกLeaning Tower of Pisa Close Up | This picture was taken at t… | Flickr
  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง ฟลอเรนซ์ (FLORENCE) (ระยะทาง 90 กิโลเมตร ใช้เวลา 1.15 ชม.) เมืองที่ได้ขึ้นชื่อว่าหากมาอิตาลีแล้วไม่ได้มาเยือนฟลอเรนซ์ก็เหมือนว่ายังมาไม่ถึงอิตาลีอย่างแท้จริง เมืองสวยอันดับ 1 ของอิตาลี เมืองเก่าที่มีความเจริญสูงสุดในศตวรรษที่ 13-16 เมืองที่ถือเป็นต้นกำเนิดของชาวอิตาลี เป็นเมืองที่ยังคงความสวยงามและมีการอนุรักษ์ไว้ได้อย่างดี เมืองทั้งเมืองเต็มไปด้วยศิลปะ โดยเฉพาะศิลปะยุคเรเนสซองส์เป็นยุคที่ศิลปะเฟื่องฟูที่สุด โดยที่นี้ยังเป็นเมืองเกิดของเหล่าศิลปินอัจฉริยะของโลกมากมายไม่ว่าจะเป็น ลีโอนาโด ดาวินชี่,ไมเคิลแองเจิลโล,กาลิเลโอ ,ดังเต้,และศิลปินชื่อดังอีกมากมาย จึงถือว่าเป็นเมืองที่มีความสำคัญ และเป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกอยากมาเยือนสักครั้งหนึ่งในชีวิต เป็นเมืองที่ว่ากันว่ามีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามที่สุดในประเทศอิตาลีFlorence, Italy: The Cradle of the Renaissance | by Travel Guide | Medium

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน

  • จากนั้นนำท่านสู่ Accademia Gallery ที่ตั้งปัจจุบันของ ประติมากรรมเดวิด (David) เป็นหินอ่อนแกะสลักรูป พระเจ้าเดวิด (King David) ตามตำนานในคำภีร์ไบเบิล ลักษณะเป็นชายหนุ่มยืนเปลือยกาย แสดงให้เห็นถึงความแข็งแรงและความงดงามของร่างกายมนุษย์ โดยศิลปินชื่อ มิเคลันเจโล โดยเริ่มแกะสลักเดวิดในปี 1501 สูง 14 ฟุต 3 นิ้ว โดยใช้หินอ่อนสีขาวมาจากเมืองคาร์รารา (Carrara) แคว้นทัสคานีของอิตาลี ประติมากรรมเดวิดเป็นรูปปั้นนับเป็นผลงานชิ้นเอกที่แสดงถึงความรุ่งเรืองทางศิลปะในยุค “ฟื้นฟูศิลปะวิทยาการ” (Renaissance) ถือเป็นอีกหนึ่งผลงานของมิเคลันเจโล ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาก จนทำให้ผู้คนจากทั่วโลกอยากมาชมผลงานประติมากรรมเดวิดให้ได้สักครั้งในชีวิตMichelangelo's David, Galleria dell'Accademia, Florence | Flickr
  • นำท่าน ชมจตุรัสซินยอเรตตา จตุรัสกลางเมืองซึ่งปัจจุบันเป็นศาลาว่าการเมือง ณ จตุรัสแห่งนี้ท่านจะได้พบกับศิลปะมากมาย อาทิเช่น รูปปั้นเดวิดจำลอง ที่เหมือนของจริงทุกประการชมสถาปัตยกรรมอันโดดเด่นของเมืองและไม่มีที่ไหนเหมือน
  • จากนั้นนำท่านถ่ายรูปกับ มหาวิหารซานตามาเรีย เดลฟิออเร มหาวิหารที่มียอดโดมขนาดใหญ่เป็นอีกหนึ่งสัญญาลักษณ์ของเมือง หอศีลจุ่มที่มีความสวยความงาม
  • จากนั้นนำท่าน ชมสะพานเวคคิโอ หรือสะพานทองคำ สะพานข้ามแม่น้ำอาร์โน แห่งแรกของเมือง
  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เนินเขา Piazzale Michelangelo เพื่อชมวิว 360 องศาของเมือง Florence ที่นักท่องเที่ยวรวมไปถึงชาว Florence เอง มักขึ้นมาชมบรรยากาศในมุมสูงของเมือง ซึ่งจะเห็นหลังคาสีแดงของอาคารบ้านเรือนต่างๆ รวมไปถึง Duomo เรียงรายกันเป็นแนวสวยงามยิ่งนัก อิสระให้ท่านเก็บภาพประทับใจตามอัธยาศัย

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
NILHOTEL FLORENCE หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว 

หมายเหตุ : โรงแรมในเมือง Florence มีจำกัดหากเต็มทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการไปนอนเมืองข้างเคียง

DAY7

ฟลอเรนซ์ - THE MALL OUTLET LUXURY - โบโลญญา

รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก 

  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ THE MALL OUTLET LUXURY เอาท์เลตจำหน่ายสินค้าแบรนด์เนมราคาถูก ถือเป็น outlet ดีอันดับต้นๆ ของยุโรป มีแบรนด์เนมหลากหลายยี่ห้อให้ท่านได้เลือก อาทิเช่น GUCCI , PRADA ,BOTTEGA VENETA , BURBERRY, VALENTINO, VERSACE ,TOD’S  เป็นต้น (ระยะทาง 35 กม. / ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที)

ทางบริษัทคืนท่าน 30 Eur ให้ท่านเลือกรับประทานอาหารตามอัธยาศัย  

  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง โบโลญญ่า (Bologna) เมืองประวัติศาสตร์ที่มีชื่อเสียงทางด้านท่องเที่ยวและเป็นเมืองหลวงของแคว้นเอมีเลีย-โรมัญญา (Emilia-Romagna) 1 ใน 20 แคว้นของประเทศอิตาลี โดยตัวเมืองนั้นตั้งอยู่ในหุบเขาโป ทางตอนเหนือของประเทศอิตาลี โดยตั้งอยู่ระหว่างแม่น้ำโปกับเทือกเขาแอเพนไนน์ นอกจากนี้แล้ว เมืองโบโลญญายังเป็นหนึ่งในเมืองยุคกลางที่ได้รับการเก็บรักษาไว้ดีที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป อีกทั้งยังเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักท่องเที่ยวทั้งในและชาวต่างชาติ ด้วยชื่อเสียงในเรื่องความสวยงาม และยังเป็นที่ตั้งมหาวิทยาลัยที่เก่าที่สุดในโลก คือ University of Bologna ก่อตั้งตั้งแต่ปีคริสตศักราชที่ 1088 อีกด้วย (ระยะทางประมาณ 135 กิโลเมตร ใช้เวลา 1.30 ชม.)
  • จากนั้นนำท่านชมเมืองโบโลญญา เริ่มตั้งแต่หอคอยคู่ (Due Torri) หอคอยแห่งนี้ ขึ้นชื่อว่าเป็นหอคอยที่สูงมากของเมืองโบโลญญ่า มีความสูง 97.2 เมตร มีหอคู่กันสูง 48 เมตร ซึ่งสามารถขึ้นไปบนยอดหอคอย เพื่อชมทัศนียภาพที่สวยงามของเมืองแบบพาโนรามาได้ และยังจัดว่าเป็นสัญลักษณ์ของเมืองโบโลญญ่า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของป้อมปราการรักษาเมืองในอดีตด้วย                                        19 Top Places to See & Best Things to Do in Bologna, Italy (+Map)
  • จากนั้นำท่าสู่ ลานจัตุรัสกลางเมือง (Piazza Maggiore) ลานแห่งนี้ เป็นอีกหนึ่งจัตุรัสที่สำคัญ ซึ่งมีอาคารเก่าแก่ล้อมรอบอยู่ ตั้งอยู่ในกลางเมืองเก่า มีทั้งที่ทำการเมืองเก่า โบสถ์ต่างๆ ที่สวยงาม ลานน้ำพุเทพเนปจูน และอาคารอื่นๆ ซึ่งมีลวดลายทางสถาปัตยกรรมอันประณีต จนต้องเดินทางมาเที่ยวที่ลานเมืองเก่านี้เป็นอันดับต้นๆ                                                                                                          Piazza Maggiore and the best squares to visit – Bologna Guide
  • นำท่านเข้าชม วิหารนักบุญอุปถัมภ์ (Basilica San Petronio) ที่นี่เป็นมหาวิหารและคริสตจักรของอัครสังฆมณฑลโบโลญญา ทางตอนเหนือของอิตาลี ถูกสร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับนักบุญอุปถัมภ์ของเมือง เริ่มก่อสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1390 การออกแบบตกแต่งทางสถาปัตยกรรมต่างๆ ยังถูกรักษาไว้ได้สวยงามเป็นอย่างดี อิสระให้ทุกท่านเดินเล่นช้อปปิ้งตามอัธยาศัย                                                                          The Fascinating Story of San Petronio Church: Will it Ever be Completed? – Taste Bologna

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
BEST WESTERN PLUS TOWER HOTEL BOLOGNA หรือระดับเทียบเท่า  4 ดาว

DAY8

โบโลญญา - เกาะเวนิส (พักบนเกาะเวนิส)

รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก 

  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองเวนิส (Venice) หรือ เวเนเซีย จุดหมายปลายทางอันสุดโรแมนติกของเหล่าคู่รัก ตั้งอยู่แคว้นเวเนโต เมืองเวนิสเป็นเกาะ ที่อยู่ห่างออกไปในทะเลเอเดรียติก เกิดจากการเชื่อมเกาะเล็กๆ จำนวน 118 เกาะและมีสะพานเชื่อมมากกว่า 400 แห่ง เป็นเมืองที่มีคลองมากที่สุดในโลก ด้วยความสวยงามราวกับเป็นภาพที่อยู่ในความฝัน ไม่มีใครที่ไม่รู้จักเกาะแห่งนี้ ได้รับฉายามากมาย ไม่ว่าจะเป็น ราชินีแห่งทะเลเอเดรียติก (Queen of the Adriatic) ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก้ด้วย (UNESCO) (ระยะทางประมาณ 155 กิโลเมตร ใช้เวลา 1.40 ชม.)An expert city break guide to Venice | Telegraph Travel
  • จากนั้นนำท่าเดินทางสู่ท่าเรือ เพื่อนั่งเรือข้ามฝากนำท่านสู่หมู่เกาะเวนิส
  • ให้ท่านได้ถ่ายภาพคู่กับสะพานถอนหายใจหรือสะพานสะอื้น ที่เชื่อมต่อระหว่าง “Doge Palace” ซึ่งเคยเป็นที่ประทับของเจ้าผู้ครองนครเวนิสในอดีต อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางของการปกครองแคว้นในยุคสมัยนั้นอีกด้วย
  • นำท่านชม จัตุรัสเซนต์มาร์โค ที่มีโบสถ์เซนต์มาร์คเป็นฉากหลัง สร้างด้วยสถาปัตยกรรมไบแซนไทน์ อิสระเลือกช้อปปิ้งสินค้าพื้นเมืองของเวนิสตามอัธยาศัย อาทิ เครื่องแก้วมูราโน่ ต้นตำรับของการเป่าแก้วของชาวมูราโน่ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะมาตั้งแต่บรรพชน โดยเครื่องแก้วแต่ละชิ้นมีรูปแบบ และคุณภาพเป็นที่ยอมรับจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก                                                                                          Piazza San Marco | Piazza San Marco in Venice Italy. I shot … | Flickr

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

แถมพิเศษ!!  นำท่านล่องเรือกอนโดล่า ชมวิวเมืองของเวนิส ซึ่งว่ากันว่าหากมาเวนิส แล้วไม่ได้ล่องเรือกอนโดล่าก็เหมือนว่ามาไม่ถึงเวนิสอย่างแท้จริง

หมายแหตุ : รายการนี้อาจมีความจำเป็นที่จะต้องงดการล่องเรืออันเนื่องมาจากสภาพลม ฟ้า อากาศ ไม่เอื้ออำนวยหรือเป็นช่วงเทศกาลสำคัญต่างๆบนเกาะเวนิส

  • จากนั้นนำท่านชมสะพานริอัลโต (Ponte di Rialto) สะพานที่เก่าแก่ที่สุดและมีชื่อเสียงสุดในเวนิส และเป็นสัญลักษณ์อีกอย่างของเมืองเวนิส เป็นจุดถ่ายภาพที่สำคัญแห่งหนึ่ง จุดเด่นของสะพานรีอัลโตคือมีหลังคาคลุมสะพานที่สวยงามซึ่งเป็นสะพานแบบมีหลังคานี้สร้างโดย Antonio Da Ponte ชนะจิตรกรชื่อดังอย่าง Michelangelo ในการทำสัญญาว่าจ้างก่อสร้างสะพานนี้ สะพาน Rialtoสร้างขึ้นแทนที่สะพานเก่าสมัยปลายศตวรรษที่ 12 โดยผสมผสานความงามเข้ากับประโยชน์ใช้สอย ส่วนโค้งของสะพานมีความสูง 7.5 เมตร ซึ่งสูงพอให้เรือลอดผ่านไปได้ และยังเป็นย่านการค้าเก่าแก่ของเมืองมาตั้งแต่พันปีก่อนคริสตกาล จากนั้นอิสระให้ท่านเดินเล่นชมเมืองเวนิสหรือเลือกซื้อสินค้าตามอัธยาศัยPonte di Rialto - Venice - VisitItaly

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
HOTEL SPLENDID VENICE-STARHOTELS COLLEZIONE หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว (พักบนเกาะเวนิส)

**อิสระให้ท่านเดินชมเมืองเวนิสในยามค่ำคืนสุดโรแมนติค**

DAY9

เกาะเวนิส - เกาะบูราโน่ - เวโรน่า

รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก 

  • นำท่านนั่งเรือสู่ เกาะบูราโน่ (Burano) เกาะบูราโน่อยู่ห่างจากเมืองเวนิสไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 11 กิโลเมตร มีประชากรท้องถิ่นประมาณ 3,000 คน ชื่อ “Burano” มาจากภาษาท้องถิ่นว่า “Porta Boreana” มีความหมายว่า “ประตูเมืองด้านเหนือ” เกาะแห่งนี้มีความโดดเด่นจากอาคารบ้านเรือนที่มีสีสันสดใสตัดกับสีของท้องฟ้าและท้องทะเล เกิดเป็นทัศนียภาพที่มีความสวยงามเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว  ในอดีตบ้านเรือนที่สร้างในช่วงแรกที่มีประชากรอพยพมาตั้งถิ่นฐานนั้นสร้างจากโคลนและไม้ ต่อมาเมื่อมีการตั้งรกรากอย่างจริงจังจึงมีการพัฒนาที่อยู่อาศัยโดยการก่อสร้างอาคารบ้านเรือนด้วยอิฐเพื่อความคงทนแข็งแรงและทาด้วยสีสันสดใส ข้อสันนิษฐานของการทาสีบ้านด้วยสีสันฉูดฉาดอาจเป็นเพราะในอดีตชาวประมงต้องการทำสัญลักษณ์ให้สังเกตเห็นเกาะได้ง่าย เพื่อที่ชาวประมงจะได้สามารถมองเห็นเกาะที่เป็นบ้านของตัวเองได้จากนอกชายฝั่งเมื่อออกเรือไปหาปลาในระยะไกล และยังมีหอเอียงแห่งบูราโน่ (Burano’s Leaning Bell Tower) ซึ่งเป็นหอระฆังความสูง 53 เมตรที่มีความเอียงจากการทรุดตัวของพื้นดินด้านล่าง นอกจากทัศนียภาพอันสวยงามบนเกาะแล้ว ที่นี่ยังมีชื่อเสียงด้านงานหัตถศิลป์ในการถักทอผ้าลูกไม้ ซึ่งจัดเป็นศิลปาชีพท้องถิ่นของเกาะแห่งนี้ที่สร้างรายได้จำนวนมากให้กับชาวบ้าน และยังมีร้านค้าและร้านขายของที่ระลึกให้ซื้อสินค้าติดมือกลับไปได้อีกด้วยBurano Italy Colorful Canal by Michael Matti | The colorful … | Flickr
  • จากนั้นได้เวลานำท่านเดินทางนั่งเรือกลับสู่แผ่นดินใหญ่ เมืองเมสเตร้ (Mestre)

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน

  • นำท่านเดินทางสู่เมืองเวโรน่า (Verona) จุดหมาย แคว้นเวเนโต (Veneto) ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศอิตาลี (ระยะทาง 115 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1.20 ชม.) เมืองนี้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำอะดิเจ (Adige River) เวโรน่า เป็นเมืองที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน เมืองนี้เต็มไปด้วยโบราณสถานน่าตื่นตา ไม่ว่าจะเป็นสิ่งปลูกสร้างในสมัยโรมัน โบสถ์วิหารเก่าแก่ หรือแม้แต่บ้านเรือนก่อด้วยอิฐและ หิน ด้วยเหตุนี้ใน ค.ศ. 2000 องค์การยูเนสโก (UNESCO) จึงประกาศให้เวโรน่าเป็นมรดกโลกอันทรงคุณค่า เนื่องจากสถาปัตยกรรมที่คงอยู่เหนือกาลเวลาในเมืองนี้นั่นเอง                                  21 Best Things To Do In Verona, Italy - Nomads Unveiled
  • นำท่านถ่ายรูปด้านนอกกับ Arena di Verona สเตเดี้ยมของเมืองเวโรน่า ตั้งอยู่ภายในบริเวณ Piazza Bra เป็นสถาปัตยกรรมศิลปะโรมันโบราณอายุกว่า 2,000 ปี สามารถจุคนได้กว่า 15,000 คน มีขนาดใหญ่ติด 1 ใน 3 สเตเดี้ยมของอิตาลี ปัจจุบันยังถูกใช้เป็นสถานที่จัดแสดงคอนเสิร์ตโอเปร่า ถือเป็นสัญลักษณ์ของเมืองเวโรน่าเลยก็ว่าได้                                                                                                File:Arena di Verona 02.jpg - Wikimedia Commons
  • นำท่านถ่ายรูปกับ บ้านจูเลียต (Juliet’s House) หากมาถึงเวโรนาแล้วไม่ได้มาบ้านจูเลียตแล้วละก็ คงไม่อาจเรียกได้ว่ามาเยือนเมืองนี้อย่างแท้จริง บ้านจูเลียตเป็นอาคารซ้อนชั้นก่อด้วยหินที่สร้างขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 13 แรกเริ่มเดิมที เจ้าของสถานที่แห่งนี้คือตระกูลคาเปลโล (Capello) ผู้ดีเก่าในเมืองเวโรนา พวกคาเปลโลดัดแปลงบ้านให้เป็นสถานที่พักแรมสำหรับขุนนางต่างถิ่นที่มาเยือนอิตาลี การณ์ดำเนินเช่นนี้จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1597 เมื่อบทละครโรมิโอและจูเลียตของเช็กสเปียร์ถูกตีพิมพ์เป็นครั้งแรก ผลงานชั้นครูชิ้นนั้นทำให้ชื่อของเช็กสเปียร์โด่งดังไปทั่วยุโรป                                  Verona: visiting Juliet's balcony and tomb - Wanted in Milan
  • ชมปงเต ปิเอตรา (Ponte Pietra) เป็นภาษาอิตาเลียนที่แปลตรงตัวว่า “สะพานหิน” ปงเต ปิเอตราเป็นสะพานข้ามแม่น้ำอะดิเจที่เก่าแก่ที่สุดในเวโรน่า สะพานแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปีที่ 100 ก่อนคริสตกาลเมื่อครั้งที่เวโรน่ายังเป็นจังหวัดหนึ่งของโรม สะพานหินทรงโค้งเป็นตัวแทนสถาปัตยกรรมโรมันที่อ่อนช้อยและแข็งแกร่งในเวลาเดียวกัน นักท่องเที่ยวนิยมมาเยี่ยมชมบรรยากาศเงียบสงบริมแม่น้ำอะดิเจ พร้อมกับเก็บภาพความประทับใจกับสิ่งปลูกสร้างสุดคลาสสิก
  • จากนั้นนำท่านเดินเล่น Piazza delle Erbe จัตุรัสในเมืองเวโรน่า ที่มีลานตลาดนัดเล็กๆ ขายของฝาก มีทั้งหน้ากากหลากหลายแบบ เส้นพาสต้า และของที่ระลึกต่างๆ ในราคานักท่องเที่ยว แต่สามารถต่อราคาได้ นอกจากนี้ที่จัตุรัส Piazza delle Erbe ยังเป็นที่ตั้งของพระราชวังประวัติศาสตร์แห่งเวโรน่า หรือ Palazzo และยังติดกับ ถนน Via Mazzini ซึ่งเป็นถนนที่เชื่อมระหว่างจัตุรัส Piazza Bra กับจัตุรัส Piazza delle Erbe สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านแบรนด์เนมมากมาย อาทิ Mont Blanc, Burberry, Benetton, Prada, Louis Vuitton, Ralph Lauren, Swarovski, Bvlgari, Gucci, Givenchy, Valentino, MaxMara และ Sisley ที่จำหน่ายเสื้อผ้าแฟชั่น รองเท้า กระเป๋า เครื่องประดับ เครื่องสำอาง ฯลฯFile:20110720 Piazza delle Erbe 2998.jpg - Wikimedia Commons

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
CROWNE PLAZA VERONA HOTEL หรือระดับเทียบเท่า  4 ดาว

DAY10

เวโรน่า - ทะเลสาบโคโม่ - วาเรนน่า - เบลลาจิโอ - โคโม่

รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก

  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ทะเลสาบโคโม่ (Lake Como) (ระยะทางประมาณ 175 กิโลเมตร ใช้เวลา 2 ชม. 20 นาที) เป็นทะเลสาบที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของอิตาลี แต่มีชื่อเสียงด้านความสวยงามมาเป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งรอบๆทะเลสาบจะมีเมืองตากอากาศกระจายตัวอยู่หลายๆเมืองที่เป็นที่นิยมทั้งกับชาวอิตาลีและชาวต่างชาติ ทะเลสาบโคโม่แห่งนี้นั้นตั้งอยู่ในจังหวัดโคโม่ แคว้นลอมบาร์เดีย  ที่นอกจากจะได้ขึ้นชื่อว่าเป็นทะเลสาบที่สวยที่สุดในอิตาลี โดยมีความยาวโดยรอบถึง 160 กิโลเมตร บวกกับพื้นที่รอบๆ ทะเลสาบถึง 146 ตารางกิโลเมตร                                                                                Luxury Holiday Guide to Lake Como 2023/2024 , Italy | Black Tomato
  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง วาเรนน่า (Varenna) เป็นจุดหมายปลายทางที่มีวิถีชีวิตแบบเรียบง่าย ผู้ที่มาเที่ยวพักผ่อนที่นี่มาเพื่อผ่อนคลายริมทะเลสาบ เป็นเมืองเก่าพันปี เป็นหมู่บ้านชาวประมงโบราณ เมืองนี้นักท่องเที่ยวชอบมากันเป็นเมืองที่สวยทีสุดในทะเลสาบโคโม่ บ้านเรือนเรียงรายสีสันสวยงาม เป็นย่านที่มีร้านอาหาร ร้านช้อปปิ้ง และคนมักนิยมมาดูพระอาทิตย์ตกกันที่นี่ เมืองวาเรนน่า ได้รับการขนานนามว่าเป็นทางเดินแห่งรัก เพราะทุกทางที่เดินสุดโรแมนติกทุกมุม                                Varenna, Lake Como | Jocelyn Erskine-Kellie | Flickr
  • อิสระให้ท่านเดินเล่นชมเมืองวาเรนนาตามอัธยาศัย

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

  • นำท่านนั่งเรือข้ามฟากสู่เมือง เบลลาจิโอ (Bellagio) เมืองเล็กๆ ริมทะเลสาบโคโม่ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นทะเลสาบที่สวยงามที่สุดของอิตาลี ทางตอนเหนือของทะเลสาบคือเทือกเขาแอลป์ อันเปรียบเสมือนป้อมปราการทางธรรมชาติ ที่สร้างฉากหลังอันงดงามอลังการให้กับดินแดนแห่งนี้ เบลลาโจตั้งอยู่ปลายบนของคาบสมุทร โดยถูกแบ่งออกโดยแขนสองข้างทิศใต้ของทะเลสาบ เมืองสามารถเห็นเทือกเขาแอลป์ ทางทิศเหนือได้อีกด้วย
  • จากนั้นนำท่านเดินชมเมืองเบลลาจิโอ ให้ท่านได้เดินเล่น เลือกซื้อของที่ระลึกของฝากตามอัธยาศัย

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
BARCHETTA EXCELSIOR HOTEL หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว

DAY11

เวโรน่า - สเตรซ่า - เกาะอิโซล่า เบลล่า - มิลาน - ช้อปปิ้ง

รับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก

  • นำท่านออกเดินทางสู่ ท่าเรือสเตรซ่า (Stresa) (ระยะทางประมาณ 90 กิโลเมตร ใช้เวลา 1 ชม. 20 นาที) เมืองตากอากาศน่ารักๆริมทะเลสาบ Maggiore ทะเลสาบที่ตั้งอยู่ในเขตแดนของสองประเทศ คือ สวิส และอิตาลี
  • จากนั้นนำท่าน ล่องเรือสู่ เกาะ Isola Bella ซึ่งมีสวนแบบอิตาเลี่ยนที่มีชื่อเสียงและวิลล่าหรูหราศิลปะแบบ Baroque ของตระกูล  Borromeo เกาะตั้งอยู่ในทะเลสาบ Maggiore ทางตอนเหนือของประเทศอิตาลี เป็นเกาะเล็ก ๆ ที่มีตระกูล Borromeo เป็นเจ้าของเกาะ แปลตามตัวว่า เกาะที่สวยงาม โดยพื้นที่สองในสามของเกาะเป็นสวนบาร็อคสไตล์อิตาเลี่ยนซึ่งประดับไว้ด้วยรูปปั้น น้ำพุ ต้นไม้หายาก และ ไม้ดอกนานานาพันธุ์ อีกทั้งยังใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำหนังเรื่อง Ocean Twelve อีกด้วย สวนบนเกาะจัดเป็นลานระเบียงซ้อนกันสิบชั้นมีความสูงถึง 120 ฟุต คล้ายกับเนินเขาย่อมๆ การออกแบบดังกล่าวได้เชื่อมพื้นที่ระดับต่างๆเข้ากับอาคารในตัววัง ทำให้สวน และวังดูเป็นหนึ่งเดียวกันได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งยังทำให้สามารถมองเห็นทัศนียภาพของเกาะโดยรอบ มองเห็นทัศนียภาพที่ไกลออกไป อาทิ แนวเทือกเขาสูง และหมู่บ้านต่างๆที่กระจายอยู่ตามไหล่เขาทุกทิศทาง จนกระทั่งได้เวลาอันสมควร

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

  • จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง มิลาน (MILAN) (ระยะทาง 90 กิโลเมตร ใช้เวลา 1 ชม. 30 นาที) เมืองสำคัญในภาคเหนือของประเทศอิตาลี ตั้งอยู่ในแคว้นที่ราบลอมบาร์ดีเป็น เมืองที่มีชื่อเสียงในด้านแฟชั่นและศิลปะ ซึ่งมิลานถูกจัดให้เป็นเมืองแฟชั่นในลักษณะเดียวกับ นิวยอร์ก ปารีส ลอนดอน และ โรม
  • นำท่านเดินทางเข้าสู่ลานจตุรัสบริเวณ มหาวิหารแห่งมิลานหรือมิลานดูโอโม (DUOMO) สัญลักษณ์ที่โดดเด่นที่สุดของเมืองซึ่งมีขนาดใหญ่โตมโหฬาร สร้างขึ้นด้วย หินอ่อนสีขาวในศิลปะแบบโกธิคใช้เวลาสร้างนานกว่า 500 ปีปัจจุบันเป็นโบสถ์แคธอล์ลิกที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกและเป็นมหาวิหารใหญ่อันดับ 4 ของโลก สูง 157 เมตรกว้าง 92 เมตรเริ่มสร้างในปีค.ศ. 1386 ใช้เวลาก่อสร้าง นานถึง 500 ปีชมความงดงามยอดปราสาทที่มีปลายยอดแหลมกว่า 135 ยอด                          File:Milano Italy Duomo-Milan-01.jpg - Wikimedia Commons
  • อิสระให้ทุกท่านช้อปปิ้งเลือกซื้อสินค้า บริเวณอาคารแกลเลอเรีย วิคตอริโอ เอมานูเอล 2  (Galleria Vittorio Emanuele II) เป็นห้างหรือศูนย์การค้าที่เก่าแก่ที่สุดในโลก อาคารนี้สวยงามมากๆ พอเข้าไปข้างใน ซึ่งเป็นอาเขตยิ่งสวยงาม เรียกว่าเป็นอาคารช้อปปิ้งที่สวยสุดแห่งหนึ่งของโลกก็ว่าได้ มีชื่อเรียกเล่นๆ ว่าเป็นห้องนั่งเล่นของเมืองมิลาน นอกจากจะมีสินค้าแบรนด์เนมขายแล้ว ยังมีร้านกาแฟที่เรียกกันว่าไซด์วอล์คคาเฟ่ สามารถนั่งจิบคาปูชิโน นั่งดูหนุ่มสาวแต่งกายด้วยเสื้อผ้าทันสมัยคลังภาพถ่ายฟรีของ galleria vittorio emanuele ii, การก่อสร้าง, การชมทิวทัศน์, การตกแต่ง, การท่องเที่ยว, งานปั้น, จากด้านล่าง, จุดสังเกต, จุดหมาย, ช็อปปิ้ง, ซุ้มประตู, ตกแต่งภายใน, ตอนกลางวัน, ถนน, ทางเดิน, น่าอัศจรรย์, บูติก, ประวัติศาสตร์, มรดก, มิลาน

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารไทย

  • จากนั้นได้เวลานำท่านเดินทางสู่สนามบิน
  • 23.10 น. ออกเดินทางสู่สนามบินโดฮา โดยสายการบินการ์ตาร์ แอร์เวย์ เที่ยวบิน QR118

***หมายเหตุ ไฟล์ทบินอาจมีการเปลี่ยนแปลง***

DAY12

โดฮา - สนามบินสุวรรณภูมิ - กรุงเทพฯ

  • 06.05 น. เดินทางถึงสนามบินโดฮา (แวะเปลี่ยนเครื่อง)
  • 07.55 น. ออกเดินทางสู่ สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสายการบินการ์ตาร์ เที่ยวบิน QR 832
  • 19.05 น. เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพมหานคร โดยสวัสดิภาพ


แชร์ให้เพื่อน